xs
xsm
sm
md
lg

“หลวงปู่พุทธอิสระ”ชี้ “หมัก”คนอัตตาสูงแล้งน้ำใจ – ระบุโดนคดีเป็นไปตามกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลวงปู่พุทธอิสระ สะท้อนใจนายกฯ “หมัก” ห่วงก็อดอาร์มี่มากกว่าคนไทย ระบุผู้นำคนนี้แล้งน้ำใจ อัตตาสูง มองไม่เห็นความทุกข์ร้อนของคนในชาติ เผยรู้สึกอึดอัด อยากให้ประเทศไทยมีนายกแบบเกาหลี-ญี่ปุ่นบ้าง ย้ำหน้าที่ของนักบวชต้องชี้ให้เห็นถูกผิด อย่านิ่งดูดายกับปัญหาของชาวบ้าน แนะคนไทยต้องเลือกยู่ข้างคนทั้งแผ่นดิน คนในรัฐบาล 30 กว่าคนไม่ต้องเอาไว้ ชี้ “หมัก”โดนคดี “ชิมไปบ่นไป”เข้าหลักสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง หลวงปู่พุทธอิสระ แสดงเทศนาธรรม 

เมื่อ เวลาประมาณ 14.20 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้ให้ความเมตตามาสวดมนต์ปัดเป่าภยันตรายออกจากบริเวณชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับได้เทศนาธรรมต่อผู้ร่วมชุมนุมด้วย

หลวงปู่พุทธอิสระ ยกย่อง ผู้ที่มาร่วมชุมนุม ว่าเป็นวีรบุรุษ วีระสตรีของบ้านเมือง ในยามนี้ ที่ยอมลำบาก ยอมทนต่อการเป็นโรคผิวหนัง โดยที่รัฐบาลไมได้ใส่ใจดูแล ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ไร้น้ำใจมากๆ ถึงแม้พันธมิตรฯ จะมาไล่รัฐบาล แต่พันธมิตรฯ ก็เสียภาษีทุกคนเหมือนกัน และเงินภาษีนั้นก็ไปเป็นค่าจ้างรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนคนที่เสียภาษี มิหนำซ้ำคนที่เคยเป็นหัวหน้ารัฐบาล ยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการหลีกเลี่ยงภาษีอีก

“ลูกศิษย์ของฉันเขามาบ่น นายเงี้ยบลูกชิ้นปลา เค้าบอกว่า ผมขายก๋วยเตี๋ยว สรรพากรมานั่งนับว่ากี่ชามต่อวัน แต่ว่าหัวหน้ารัฐบาลขายหุ้น สรรพากรไม่สนใจเลยจะเก็บตังค์เลย เค้าแปลกใจมาก เค้ารู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมสรรพากร ถึงเอารัดเอาเปรียบคนจน แต่ว่าไม่สนใจคนรวย ไม่สนใจหัวหน้ารัฐบาลว่าจะฉ้อฉล ยอกย้อน หาวิธีซุกหุ้น ขายหุ้น

ที่จริงแล้วฉันกับ(อดีต)หัวหน้ารัฐบาลก็เคยนั่งคุยกันสองครั้ง ฉันเป็นคนพูดกับเขาเองครั้งแรกที่คุยว่า หุ้นชินวัตรยังอยู่กับคุณหรือ เขาก็ทำตาเหลือก แล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่า ไม่ครับ ผมโอนให้คนอื่นเค้าหมดแล้ว ผมทิ้งหมดแล้ว ผมไม่สนใจ ไม่ใส่ใจแล้ว ไม่ใยดีแล้ว เราก็บอกว่า ขอให้เป็นอย่างที่คุณว่า ประเทศชาติจะเป็นบุญมาก แต่สุดท้ายเขาก็โกหกพระ เขาก็หาวิธีไปโยกย้าย อะไรต่ออะไรกันอีกเยอะแยะมากมาย แต่ว่ามันก็ย้อนกลับมา เพราะเรามีรัฐมนตรีต่างประเทศที่อยู่เมืองไทยใจเขมร ก็ยังไม่พอ เราก็ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ แล้วรัฐมนตรีคนนั้นเขาก็ขี้ให้เรานั่งเช็ดกันอยู่ตรงนี้ แล้วเค้าก็ ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็ เค้าก็สะบัดตูดไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วเราก็ต้องมานั่งทุกข์ทรมาน

ฉันเองก็ยังรู้สึกว่า นี่มันเวรกรรมอะไรของพวกเรานะ จึงมีรัฐมนตรีไทยใจเขมร แล้วก็ยังไม่พอ เรายังไม่ใช่แค่มีรัฐมนตรีไทยใจเขมรเท่านั้น เรายังมีนายกไทยที่ใจ เป็นของชนกลุ่มน้อย ที่เค้าเรียกว่า อะไรนะที่เค้ามาบุก เออ.. ตอนที่ฉันฟังที่เขาอภิปรายกันที่รัฐสภา เค้าชื่ออะไรอีกนะ ที่ชื่อเป็นภาษาพม่า ที่ตายอยู่ที่ราชบุรี ที่มาบุกยึด ที่จริงฉันนึกว่านายกไทยจะสนใจว่าคนไทยตายกี่คน ตอนที่ นปก. ยกคนมาถล่มพันธมิตรฯ นายกไทย ควรจะต้องถามว่า คนไทยเจ็บไปกี่คน นายกไทยควรจะถามว่าคนไทยตายไปกี่คน นายกไทยควรจะถามว่าที่อุดรฯ ที่คนไทยกับคนไทยปะทะกัน มีคนไทยเจ็บ ลำบาก พิการ ล้มหายตายจากไปเท่าไหร่ แต่นายกไทยไม่ใส่ใจ แต่สนใจว่าก็อดอาร์มี่ตายไปกี่คน

นายกไทยเป็นห่วงก็อดอาร์มี่ มากกว่าคนไทย เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราควรจะมีนายกไทยแบบนี้อยู่ต่อไปหรือไม่ (ประชาชนตอบว่าไม่) ฉันไม่ได้พูดนะ คุณพูดเอง เพราะเมื่อมันเป็นอย่างนี้ไง คนไทยพึ่งพิงอิงอาศัย มุ่งหวังไม่ได้ กับความเป็นผู้นำของฝ่ายรัฐ ที่ไม่มีน้ำใจ แล้งน้ำใจ ไม่ใส่ใจดูดี ต่อคนไทยไม่ว่าจะล้มหายตายจาก เจ็บหวยป่วยไข้ ลงไปสักเท่าไหร่ ต่อการเป็นคนดื้อด้าน ฝืนขืนกระทำความผิดซ้ำซากของตน และคนในรัฐบาลแทนที่จะหันไปรับฟังเสียงบ้าง กลับมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามแล้วก็ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องใส่ใจ โดยไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นก็คือคนไทยคนหนึ่ง แล้วก็หลายคนรวมกัน ที่เป็นผู้ให้ภาษี แล้วก็เลี้ยงพวกเขามา เป็นคนจ้างพวกเขามา เพื่อทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ เป็นเพราะอย่างนี้แหละ มันจึงทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมากว่า ทำไมเรามีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เหมือนกับนายกรัฐมนตรีของเกาหลี และของญี่ปุ่นบ้างเลย

นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเกาหลีเนี่ยะ เค้าแค่เห็นว่าประชาชนเดือดร้อนมากัน 20 -30 หรือ 300-500 เขาก็ละอาย แสดงว่าเค้าไม่ได้เรียนแค่หิริ ความละอายชั่ว โอตตัปปะ ความเกรงกลัวบาป เค้าเรียนแต่ในตำรา เขาใช้ตำราต้มน้ำกินเข้าไปด้วย มันเลยละอายโดยสายเลือด นายกบ้านเรานี้ไม่ได้เอา หิริ โอตัปปะ ต้มน้ำกินเลยไม่ละอายโดยสายเลือด ไม่รู้สึกละอาย และไม่กระดากว่า อะไรมันเกิดขึ้นในบ้านในเมือง มันจะเสียหายขนาดไหน แน่นอนละเขาอาจจะกล่าวอ้างว่า พันธมิตรฯ ทำผิด พันธมิตรฯ ไม่ถูกต้อง พันธมิตรฯ ไม่ดี พันธมิตรฯ เลวร้าย พันธมิตรฯ ไม่ถูกกฎหมาย พันธมิตรฯ ละเมิด ต้องถามกลับไปกับบรรดาผู้บริหาร ผู้ปกครองแผ่นดิน โดยเฉพาะท่านหัวหน้ารัฐบาลว่า ถ้าทุกเรื่องมันปกติสุข ทุกเรื่องมันถูกต้องชอบธรรม ทุกเรื่องมันเป็นไปตามทำนองคลองธรรมเนี่ยะ มันจะมีใครโง่ที่มานั่งทรมานอยู่อย่างนี้ มันจะมีใครที่ต้องมาทนทุกข์ลำบาก ทุกข์ยากเดือดร้อนอยู่อย่างนี้ พระเป็นระยะอย่างฉัน ก็คงไม่ต้องอย่างนี้

ต้องบอกว่าเป็นพระเป็นระยะ เพราะเมื่อวานนี้ไปแสดงธรรมที่เมืองทอง มีคนถามว่าท่านเป็นพระทำไมไม่วางตัวเป็นกลาง คุณจะถามฉันอย่างนี้ด้วยมั้ย ฉันก็บอกกับเค้าว่า พระพุทธเจ้าทรงวางหลักการของการเป็นกลางเอาไว้ ด้วยหลัก 8 ประการที่เรียกว่า มรรคาปฏิปทา คือมรรคมีองค์ 8 ไว้ชัดเจน แล้วถ้าหากว่าใครที่คิดว่าจะวางตัวเป็นกลาง โดยเฉพาะนักบวชในบ้านเมืองนี้ ที่พยามจะวางตัวเป็นกลาง ก็ต้องพึ่งพิงอิงอาศัย ใช้หลักทั้ง 8 ประการนี้เป็นตัววิเคราะห์ ใคร่ครวญ กำหนดและตรวจตรา ให้ละเอียดรอบคอบและถ้วนถี่ แล้วหลัก 8 ประการมีอะไรบ้างมันเริ่มต้นจากข้อแรก ที่เรียกว่าสัมมาทิฐิ ความเห็นตรง ถูกต้อง ฉันพูดว่าความเห็นตรงถูกต้องชอบธรรม แล้วเมื่อเราเห็นคนไม่เห็นตรง ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม แล้วทำนิ่งเฉย อาศัยข้าวชาวบ้าน และหยดน้ำชาวบ้านเลี้ยงชีวิต แล้วก็ทำทองไม่รู้ร้อน อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าเป็นกลาง แต่เขาเรียกว่าสันดานไม่ทุกข์ร้อน เป็นคนแล้งน้ำใจ ไร้จิตสำนึก ไม่รู้ว่าบุญคุณ ก้อนข้าว หยดน้ำชาวบ้าน เลี้ยงมาแล้วควรจะต้องตอบแทนอย่างไร

ข้อแรกหลักสัมมาทิฐิ เห็นตรง ถูกต้อง ชอบธรรม และยังไม่พอ ยังเห็นว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ดีชั่ว เลว หยาบ ทำดีก็ย่อมได้ผลดี ทำชั่วก็ย่อมได้ผลชั่ว ที่ท่านอดีตนายก ต้องระเห็จไปอยู่เมืองนอกถึงวันนี้ ใครจะมากล่าวอ้างว่า ทำดี ฉันไม่เชื่อ เพราะถ้าทำความดีต้องอยู่เมืองไทยได้ คงไม่มีใครขับไล่ แล้วไม่มีใครอาจจะทำร้ายเขา เพราะความดีย่อมรักษาผู้ประพฤติดี นี่คือหลักในสัมมาทิฐิ หลักของธรรมะ เพราะเขาทำไม่ดี เขาเลยอยู่เมืองไทยไม่ได้ เค้าเลยหวาดกลัวไปหมด สะดุ้ง ผวาไปทุกเรื่อง แม้มีเงินล้นฟ้าก็ยังไม่สามารถทำให้ชีวิตมีความสุขได้ เพราะเขาทำไม่ดี พูดไม่ดี และก็คิดไม่ดีต่อแผ่นดินไทย แล้วก็คนในชาติไทย มันก็เลยเป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่า หลักสัมมาทิฐิ คือความเห็นตรง ถูกต้อง น่ะ มันไม่ใช่แค่นี้อย่างเดียว คนที่มีหลักนี้ หน้าที่ของพระ หรือนักบวช หรือสมณะเนี่ยะมันมีหน้าที่ ต้องชี้ 2 อย่าง

คือ ชี้ให้คนเห็นว่าถูกเป็นอย่างไร แล้วชี้ว่าผิดเกิดขึ้นแบบไหน แล้วจะหาวิธีแก้ไขอย่างไร เช่น ในหลัก 3 อย่างหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าบอกไว้ชัดว่า สัพพปาปัสสะ อกรณัง การไม่ทำบาปทั้งปวง กุสลัสสูปสัมปทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม สจิตตปริโยทนัง การชำระจิตของตนเองให้ผ่องแผ้ว ผ่องใส

หน้าที่ของนักบวช หน้าที่ของสมณะ ของนักบวชในศาสนา มีหน้าที่ชี้ให้คนเห็นว่า ถูกต้องทำ ผิดต้องละ ไม่ใช่ว่านิ่งดูดาย กินข้าวชาวบ้านแล้วก็ทำทองไม่รู้ร้อน พันธมิตรฯ นิมนต์กูก็ไป นปก.กูก็ไป รัฐบาลนิมนต์กูก็ไป รวมแล้วกูไปทุกงาน แล้วก็รับเงินเขาเข้ามา อย่างนี้เป็นต้น ฉันก็เลยทำใจไม่ได้

แล้วก็ข้อต่อมา ดำริชอบ ดำริที่จะออกจากเรื่องผิด แล้วทำเรื่องถูกให้ดำรงคงอยู่ นี่คือหลักความเป็นกลาง เจรจาชอบ คือสิ่งที่พูดออกมานั้นต้องเป็นการพูดที่ให้ปัญญาคน เป็นคำพูดที่ทำให้คนมีสติ สมาธิ ปัญญารุ่งเรือง เจริญ รู้เท่าทันตามความเป็นจริงอย่างนี้เป็นต้น เลี้ยงชีพชอบ การงานชอบ เพราะท่านอดีตนายก แม้ปัจจุบันนายก ก็น่าจะไม่เลี้ยงชีพชอบ เพราะเวลานี้ศาลก็กำลังจะพิจารณาว่า วิธีการเลี้ยงชีพของท่าน กินไปบ่นไป กินไปดมไป กินไปด่าไป อะไรก็แล้วแต่ ในรายการเหล่านี้มันเลี้ยงไม่ชอบ เพราะว่าคุณรับสองทาง คุณรับเงินสองที่ รับจากภาษีรัฐ แล้วยังไปรับจากบริษัทอีก ต่างหากอย่างนี้เป็นต้น มันก็เลยเป็นที่มาของค่ำว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม กรรมมันเป็นสิ่งที่จำแนกสัตว์ ที่ดีชั่ว เลว หยาบ เพราะฉะนั้น เมื่อเลี้ยงชีพไม่ชอบ อย่าไปถามว่าสติชอบ สมาธิชอบ แม้ความเพียรชอบก็คงไม่มี เพราะว่าถ้าท่านมี อัตตาท่านคงไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ อยากจะเตือนบรรดาเพื่อนพ้อง พี่น้อง วีรบุรุษ วีรสตรี และผู้คนในชนชาตินี้ เรามีผู้นำที่ตัวกู อัตตาสูงมาก สูงจนกระทั่งไม่อาจที่จะมามองว่า คนในแผ่นดินนี้เค้าอยู่สุขทุกข์ปานใด เดือดร้อนขนาดไหน

ต้องอยากวิงวอนพี่น้องบนแผ่นดินนี้ ที่ฟังรายการอยู่ขณะนี้ว่า ต้องเลือกข้างแล้วหล่ะ ว่าคุณจะเลือกคน 30 คน หรือจะเลือกคนทั้งแผ่นดิน เพราะถ้าขืนคุณรักษาคน 30 คนเอาไว้ แล้วปล่อยให้คนทั้งแผ่นดินต้องเดือดร้อนกันอยู่วันนี้ มันไม่ถูกแล้ว มันไม่ใช่แล้ว ต้องบอกคุณพระ คุณเจ้าทั้งหลาย ที่นั่งอมพะนำอยู่ หรือไม่ก็นั่งภาวนา ท่องบ่นอยู่ว่า ควรจะต้องออกมาแสดงให้ชาวโลกหรือว่าฝ่ายรัฐบาลที่มี 30 กว่าคน ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งหมดคุณก็แค่ 30 แต่เวลานี้คนทั้งแผ่นดินเดือดร้อน คนทั้งแผ่นดินมีความทุกข์ระทม คนทั้งแผ่นดินมีปัญหา สังคมย่อแย่ เศรษฐกิจฝืดเคือง บ้านเมืองหมักหมม ด้วยปัญหาวุ่นวาย สารพัด สารพัน ถ้าขืนปล่อยให้คน 30 คน ยังนั่งดูดาย แล้วไม่ใส่ใจสุขทุกข์ แล้วเราปล่อยให้เขามีอำนาจสืบไป ไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะกลียุคถึงปานใด

ฉันอยากจะวิงวอนขอร้อง พี่น้องทั้งหลายว่า เราใช้ธรรมะเป็นเครื่องวิเคราะห์ ใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือตรวจตราพฤติกรรม ของชุมนุม ผู้คน และสัตว์ บุคคลทั้งหลายในแผ่นดิน และเราก็ได้เห็นแล้วว่า คนที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาลหรือผู้บริหารบ้านเมือง ไม่ถูกต้องชอบธรรม ไม่ถูกทำนองคลองธรรม พูดแต่ละครั้งก็เอาดีใส่ตัว ให้ชั่วคนอื่น ออกมาสู่สื่อประชาชน สื่อทางรัฐก็ใช้เงินภาษีของพวกเราทั้งหลาย มาด่าพวกเรา แล้วก็มาอ้างว่าปล่อยให้พันธมิตรฯ มาด่าเอาด่าเอา แล้วตัวเองไม่ด่าบ้างแล้วจะอยู่ได้อย่างไร

ก็พันธมิตรฯ ไม่ได้ใช้เงินภาษี พันธมิตรฯ เขาใช้เงินในกระเป๋าเขา แต่คุณใช้เงินกระเป๋าเรา กระเป๋าเราทุกคน แล้วมาด่าพวกเรากันเอง ซึ่งมันไม่ถูกต้อง มันไม่เป็นธรรมน่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่คนในชาตินี้จะยอมรรับได้ว่า นี่คือคำพูดของท่านผู้บริหารแผ่นดิน ท่านอาศัยแผ่นดินนี้ แล้วก็บริการก็อดอาร์มี่อยู่ รู้สึกว่าท่านนายกของเรา ท่านจะห่วงก็อดอาร์มี่มากกว่าห่วงคนไทยในแผ่นดินนี้ ถึงกับยกขึ้นมาเป็นประเด็น 2 ครั้ง 2 คราในรัฐสภา

เพราะฉะนั้น ฉันจึงอยากจะฝากไว้ว่า ถามฉันว่าเป็นพระทำไมไม่วางตัวเป็นกลาง ฉันบอกว่าฉันไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ถามว่าทำไม ก็เพราะพระอริยเจ้า ท่านเป็นโสดา สกิทาคา อนาทาคา พระอรหันต์นี่ ทุกลมหายใจ ของท่าน ท่านจะเห็นว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมย่อมจำแนกสัตว์โลก ให้ดี ชั่ว เลว หยาบ เห็นว่าสรรพสิ่งในโลกเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่แปรปรวนในท่ามกลาง แล้วแตกสลายในที่สุด วันนี้ ปนก. มันก็ตั้งอยู่ ดับไป พันธมิตรฯ เกิดขึ้นก็ตั้งอยู่ดับไป คนชั่วเกิดขึ้น ก็ตั้งอยู่ดับไป คนดีเกิดขึ้น ก็ตั้งอยู่ดับไป อันนี้เป็นความเห็นของพระอริยเจ้า ท่านพระโสดา สกิทาคา อนาทาคา พระอรหันต์ เป็นความเห็นของผู้พ้นโลก แต่ฉันเป็นพระ เป็นระยะๆ ไม่ใช่เป็นพระอริยเจ้า

เมื่อเป็นพระเป็นระยะ ๆ ก็เป็นธรรมชาติ ที่ยังเห็นในเรื่องของกามคุณว่า ควรจะต้องบริหารให้เหมาะสม ตามเหตุ ตามปัจจัย ให้ถูกตามทำน้องคลองธรรม และถูกต้องชอบธรรม ฉันไม่อยากขออะไรพวกคุณมาก แต่ขอว่าคนไทยทั้งแผ่นดิน จะถามอีกครั้งว่า จะเลือกคน 30 กว่าคน หรือเลือกคนทั้งแผ่นดิน ถ้าอยากจะเลือกคน 30 คน ก็นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้แผ่นดินมันล่มสลายไป แต่ถ้าจะต้องการเลือกคนทั้งแผ่นดิน ก็ขอให้ออกมาแสดงพลัง ออกมาทำให้คน 30 คน ได้ละอาย ได้รู้สึกหวาดกลัว สะดุ้งผวาต่อของอำนาจอธิปไตยในปวงชนชาวไทย ที่มีหลักธรรมาธิปไตยอยู่ในหัวใจเต็มร้อย

แล้วก็ในฐานะที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ แห่งแผ่นดิน ฉันต้องขอขอบคุณ ในน้ำใสใจจริงของพวกคุณมากๆ ที่เป็นผู้กล้าของแผ่นดิน พวกคุณเป็นผู้มีจิตวิญญาณสาธารณะ เป็นต้นแบบของลูกหลานเหลนโหลน ของเราในอนาคต แล้วเราก็กล้าที่จะพูดบอกกับลูกหลานเหลนโหลน ของเราว่าครั้งหนึ่ง พ่อ แม่ ตา ยาย ปู่ ย่า ได้พลีกาย เสียสละ เลือดเนื้อ ชีวิต หยาดเหงื่อ แล้วก็หัวใจ มาป้องกัน ปกป้องอธิปไตย และรักษาไว้ซึ่งแผ่นดินเกิดอย่างภาคภูมิยินดี เราเป็นผู้กตัญญูต่อแผ่นดิน และทดแทนบุญคุณแผ่นดินอย่างถูกต้อง ชอบธรรม และสมบูรณ์แบบ เรากล้าที่จะมาต่อต้านทรราช กล้าที่จะมาต่อต้านความอยุติธรรม กล้าที่จะมาต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม ไม่เที่ยงธรรม เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหลายคือผู้กล้าในหัวใจของแผ่นดิน แล้วก็เป็นผู้กล้าของฉัน แล้วฉันก็ยังต้องขอบคุณในความเป็นผู้กล้าของท่าน แล้วก็ยังรู้สึกละอายที่ฉันไม่สามารถ มากับพวกคุณได้ทุกๆ วัน แต่ก็แอบย่องมาดูตลอดว่าพวกคุณ อยู่สบาย ทุกข์ ลำบาก ยากแค้นอย่างไร

ท้ายที่สุดนี้ก็อยากฝากว่า ขอวิงวอนพวกคุณ และท่านที่รัก รวมทั้งพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งหลายซักเรื่องหนึ่ง อาจจะพูดแล้วไม่ถูกใจกลุ่มแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะฉันมีสิทธิ์จะพูดในฐานะเป็นคนในแผ่นดิน เรื่องความคิดการเมืองใหม่ เวลานี้กลายมาเป็นเรื่องที่ทำให้รัฐบาลกล่าวอ้าง เป็นเรื่องที่ทำให้ลุงหมักของพวกเราหลาย ลุงหมักใจร้าย ไม่ยอมที่จะลงจากตำแหน่งแห่งหน เพราะว่า อ้างว่าจะเสียประชาธิปไตย เพราะเอาลัทธิการเมืองใหม่เข้ามา เพราะฉะนั้น อยากวิงวอนขอร้อง เพื่อนพ้อง พี่น้องแกนนำว่า การเมืองใหม่ ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกยาวนาน ตอนนี้เราจะทำอย่างไรให้รัฐบาลหมดความชอบธรรม คือเขาหมดจากความชอบธรรมไปแล้ว แต่ให้ลงจากอำนาจ แล้วก็คืนอธิปไตยให้แก่ปวงชนชาวไทย เราจะทำยังไงให้พวกเขารู้จักแพ้ภัยตัวเอง อย่าเอาการเมืองใหม่มากลายเป็นข้ออ้าง จนกระทั่งพวกเราหลายคนที่ไม่กล้าออกมาแสดงพลัง เพราะยังฉ้อฉลต่อการเมืองใหม่ ยังไม่เข้าใจ ก็ขอให้ใช้เวลาต่อจากนี้ ถ้าเผอิญ สมมุติว่าวันพรุ่งนี้ท่านนายกประกาศลาออก พวกเราทั้งหลายพันธมิตรฯ ก็จะหาวิธีช่วยกันเผยแพร่ความรู้เรื่องการเมืองใหม่ ให้คนทั้งแผ่นดินเข้าใจ เราจะได้รู้ว่าวิธีแก้ไข การเมืองน้ำเน่านี้ต้องทำอย่างไร แต่ตอนนี้สำหรับฉันแล้ว ฉันถือว่ามันยังไวเกินไป แต่ตอนนี้สำหรับฉันแล้ว ฉันถือว่ามันยังไวเกินไป เพราะฉะนั้นเงื่อนไขของพวกเราก็คือ ทำอย่างไรให้คนที่อยุติธรรม คนที่เป็นร่างทรงของอดีตนายก คนที่ทำงานฉ้อฉล คนที่เบียดบังผลประโยชน์แผ่นดิน แล้วเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน ได้พ้นไปจากตำแหน่งอำนาจ แล้วทำหน้าที่รักษาความเที่ยงธรรม ความบริสุทธิ์ยุติธรรมของแผ่นดิน ส่งมอบต่อลูกหลานสืบไป นี่คือสิ่งที่อยากฝาก และอยากพูดไว้”

หลังจากนั้น หลวงปู่พุทธอิสระ ได้นำสวดมนต์ กรวดน้ำ แผ่เมตตาแบ่งบุญให้เพื่อนๆ พี่น้อง คนที่เจ็บป่วยล้มตาย แม้อยู่คนละฝ่าย แต่เขาคือคนไทย และกรวดน้ำให้เจ้าที่เจ้าทาง ขับไล่เสนียดจัญไร ที่คนฝ่ายตรงข้ามได้สร้างไว้คอยบ่อยทำลายพวกเราในสถานที่แห่งนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น