นายกฯ พ่ายกลางกระดาน ส่ง “ณัฐวุฒิ” สมาชิกสามเกลอหัวขวดแก้ต่างแทน ปฏิเสธเกาเหลา ผบ.ทบ. ปากสั่นบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ไม่คิดยึดอำนาจคืน ป้ายสีสื่อมวลชนตามสันดานเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ตะแบงไม่เคยคิดระแวงสั่งห้ามเคลื่อนทัพ
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงภายหลังได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีที่ไม่สบายใจกรณีที่มีสื่อมวลชนลางฉบับนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนว่า การที่ ครม.ประชุมนัดพิเศษ โดยให้ความเห็นชอบเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และประกาศเรื่องการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี โดยมีการไปตีความว่านายกฯไม่ไว้วางพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จึงได้มีการยึดอำนาจคืน ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงการทำงานไปตามขั้นตอนของการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในมาตรา 7 ที่ต้องออกประกาศตั้งคณะกรรมการพิเศษและโอนอำนาจตามกฎหมาย 20 ฉบับมาเป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งได้มีการสั่งการมอบอำนาจให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้ใช้กฎหมายดังกล่าวตามประกาศนี้แทนนายกฯ
“ยืนยันว่าไม่มีการยึดอำนาจคืน ซึ่งนายสมัครยังคงเชื่อมั่นในตัว ผบ.ทบ.ดังเดิม และเชื่อมั่นนโยบายสันติวิธี และด้วยความเป็นนายทหารประชาธิปไตยของ พล.อ.อนุพงษ์” นายณัฐวุฒิ กล่าวชี้แจงแทนนายสมัคร
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการรัฐบาลยังคงยึดหลักกฎหมายและสันติวิธีคงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการบ้าง ส่วนที่มองว่าสื่อต่างประเทศวิจารณ์คำแถลงของ พล.อ.อนุพงษ์ว่าเข้าข้างพันธมิตรฯ นั้น รัฐบาลไม่รู้สึกเสียหน้า ไม่เสียใจ แต่ถ้าบ้านเมืองนี้ไปสู่การเมืองรูปแบบใหม่ 70-30 คิดว่าคนไทยก็จะรู้สึกเสียหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิพยายามชี้แจงถึงสาเหตุการประชุม ครม.นัดพิเศษ เนื่องจากมีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วมีการประกาศออกคำสั่งตามความมาตรา 7 ซึ่งการแต่งตั้งหน่วยงานพิเศษทางกกฎหมายต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม.ภายใน 3 วัน ฉะนั้น การแต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษดังกล่าวเป็นไปตามกลไกกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เฉพาะที่เกี่ยวกับมูลนิธิ และสมาคม, พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม, ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการใช้กำลังทหาร การเคลื่อนกำลังทหารและการเคลื่อนย้ายกำลัง พ.ศ.2545, พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด เป็นต้น