“พันธมิตร” อารยะขัดขืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ พปช.ถูก กกต.เสนอยุบพรรคถือไม่มีความชอบธรรม “จำลอง” เผยแกนนำมีมติไม่พูดถึงทหาร “ประพันธ์” แนะมีวิจารณญาณสลายชุมนุม ชี้ นปก.ชุมนุมเมื่อไรบ้านเมืองวุ่นวาย
วันนี้ (2 ก.ย.) นายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช. กล่าวต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉินบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เราไม่ได้ฆ่าใคร และไม่ทำร้ายผู้บริสิทธิ์แม้แต่น้อย เราชุมนุมด้วยความสงบอหิงสา ดังนั้น การออก พ.ร.ก.ครั้งนี้เพราะการชุมนุมของเราทั้งที่ไม่ใช่ภัยพิบัติสาธารณะที่จะสลายการชุมนุมได้ อย่างไรก็ตาม แม้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.จะมีอำนาจแต่จะต้องมีวิจารณญาณว่าจะดูแลประชาชน
“ดังนั้น เราจึงชุมนุมได้โดยชอบ ผบ.สส. ผบ.ทบ. และคณะกรรมการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยังไม่สั่งให้เราเลิกการชุมนุม หรือท่านจะทำร้ายทำลายเราได้ลงคอให้รู้ไป รวมทั้งรัฐบาลไม่มีสิทธิแตะเนื้อต้องตัวประชาชน แต่สิ่งที่ทำได้ คือ ต้องจัดการกับพวกที่สนามหลวง หรือพวกที่เกณฑ์กันมาแล้วเสพยาเมาแล้วมาทำร้ายประชาชน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนพวกนั้นมีเจตนาที่มาทำร้ายถ้าไม่จัดการถือว่าเป็่นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ขอให้คิดว่าจะสลายใครจัดการใคร” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า เราชุมนุม 100 วันไม่เคยมีเหตุวุ่นวายแต่พวกนั้นชุมนุมเมื่อใดแค่วันสองวันบ้านเมืองก็ฉิบหายเมื่อนั้น รัฐบาลก็ยังหลับหูหลับตาไม่จัดการ พวกนั้นเป็นพวกอนาธิปไตยพวกชอบก่อความวุ่นวาย ดังนั้นจะสั่งห้ามใครให้ชุมนุมก็ต้องแยกโจรกับผู้ดี ต้องแยกดีชั่วให้ออก อย่างไรก็ตาม พวกเราจงยืดหยัดบนลำแข้งของตัวเอง และฟังแกนนำเท่านั้น
นายประพันธ์ กล่าวว่า นายกฯ จะฉวยโอกาสนำเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างพันธมิตรและกลุ่มต้านพันธมิตร (นปก.) เมื่อคืนวันที่ 1 ก.ย.มาอ้างไม่ได้โดยเด็ดขาด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการจงใจก่อความวุ่นวายสร้างความไม่สงบขึ้น โดนน้ำมือของกลุ่มที่มีคนรัฐบาลหนุนหลัง ที่สำคัญในเมื่อ กลุ่ม นปก.เคลื่อนพลมาตั้งแต่กลางวัน ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการสกัดกั้น ปล่อยให้พวกโจรห้าร้อยถือมีด ถือขวาน มาห้ำหันผู้บริสุทธิ์ ถามว่า ยังเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หรือไม่
“ผมเชื่อว่า มีบุคคลที่รู้เห็นเป็นใจจงใจสร้างสถานการณ์ จ้องก่อกวนทุบตีทำร้ายประชาชน นายกฯ จะเอาอำนาจอะไรมาจัดการกับพันธมิตรฯ เรามีสิทธิการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ไม่ได้ไปรังแกการชุมนุมของกลุ่มอื่นใด เหมือนอย่างที่ นปก.ทำ ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งพันธมิตรฯ ก็มีสิทธิ์โดยชอบธรรมโดยการปกป้องการมุ่งทำร้ายผู้ชุมนุม เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมทุกประการ”นายประพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังเรียกร้องไปยังสื่อมวลชนทุกแขนงให้นำเสนอข่าวครอบคลุมทุกด้าน อย่ามุ่งแต่นำเสนอแต่ข่าวด้านลบโจมตีพันธมิตรฯ ควรนำเสนอความจริงเปิดโปงความชั่วร้ายของกลุ่ม นปก.ที่ถืออาวุธมุ่งทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ต้องแยกแยะ จะทำตามประกาศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายกฯ หรือไม่ โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต้องเลือกได้แล้วว่า จะยืนอยู่เคียงข้างประขาชน หรือรัฐบาลทรราช
ขณะเดียวกัน นายประพันธ์ ยังประกาศให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ อย่าได้หวั่นเกรง รัฐบาลเพียงแค่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนยังมีสิทธิ์เดินทางมาร่วมชุมนุมได้ ใครหรือผู้ใดไปขัดขวางถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของประชาชน อย่างไรก็ตามแม้ถึงประกาศนี้จะมีผล ผบ.ทบ.ยังไม่มีคำสั่งประกาศมาให้ประชาชนมาชุมนุม เชื่อว่า ทหารไม่คิดทำร้ายพสกนิกรของประชาชน จงออกมาร่วมกันชุมนุมกันที่ทำเนียบฯมากๆ พันธมิตรฯมีสิทธิ์ ชุมนุมต่อไปโดยชอบ รัฐบาลไม่มีอำนาจมาสลายการชุมน พันธมิตรฯ ไม่ได้ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์ของทางราชการ หรือทำร้ายร่างกายผู้ใด การชุมนุมอยู่ด้วยความสงบ รัฐบาลจะใช้เป็นข้ออ้างมาสลายการชุมนุมตามกฎหมายไม่ได้
นายประพันธ์ ยังมั่นใจว่า ผบ.ทบ.จะเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุด วันนี้เราต้องวัดใจ ผบ.ทบ.จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนหรือนายสมัคร ไม่ต้องไปตื่นกลัวแม้ฟ้าจะถล่มดินสลาย พันธมิตรฯก็จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ชีวิตนี้จะอุทิศให้แก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ นี่คือข้อเท็จจริง รัฐบาลไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องพี่น้องที่ชุมนุมกันอย่างสันติ รัฐบาลควรไปจัดการกับ นปก.มากกว่า เห็นได้ชัดว่า พยายามใช้กำลังมุ่งหมายทำร้ายชีวิต มีเจตนาก่อความวุ่นวาย นปก.ต้องถูกจัดการ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า วันนี้รัฐบาลจะเลือกจัดการใครเท่านั้น
ขณะที่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า มีมติของแกนนำเราจะไม่เรียกร้องทหาร ไม่ชม ไม่ด่า ไม่สนใจ และไม่พูดถึงทหารในนาทีนี้และนาทีต่อไป คุณจะทำอะไรหรือไม่ทำก็เรื่องของคุณ แต่เรื่องของเราคือการกู้ชาติ นอกจากนี้พิธีกรบนเวทีได้แจ้งข่าวการยุบพรรคพลังประชาชนหลัง กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคฯ ดังนั้น พวกเราจึงมีความชอบธรรมในการที่จะอารยะขัดขืนกับคำสั่งหรือประกาศของรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองที่ไม่ชอบธรรมเช่นนี้