“สนธิ” ประกาศการเมือง “ประชาภิวัฒน์” อารยะขัดขืนปราศจากความรุนแรง ปฏิเสธการบริหารแผ่นดินแบบเก่า ที่มีแต่การฉ้อฉลของนักการเมืองและข้าราชการ เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่ ย้ำคุกขังได้แต่กาย แต่ขังใจที่เป็นอิสระไม่ได้ เรียกร้องให้พี่น้องพันธมิตรฯแปลงน้ำตาเป็นพลังให้สานต่ออุดมการณ์ต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวปราศรัยกับผู้ชุมนุม ว่า สื่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของเมืองไทยเท่านั้น แต่เป็นประวัติศาสตร์โลกที่ต้องปรบมือให้กับอารยะขัดขืน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในโลก อารยะขัดขืนแต่ปราศจากความรุนแรง ซึ่งความในภาษาไทยยังไม่มี แต่อยากบัญญัติศัพท์ใหม่ว่าเป็น ประชาภิวัฒน์
นายสนธิ กล่าวว่า ความหมายของคำว่าประชาคือประชาชน หรือประชาธิปไตยก็ได้ ดังนั้น คำว่าอภิวัฒน์ประชาธิปไตยเป็นการกระทำในบริบทใหม่ของการเมืองที่โลกไม่เคยเจอ การที่เรามายึดครองทำเนียบ โดยไม่มีอาวุธ และไม่ได้ข่มขู่ใคร เรามากันทุกเชื้อชาติ ทุกชนชั้น ด้วยวัตถุประสงค์ทำการเมืองให้ดีขึ้น หมายถึงการเมืองที่โปร่งใส ไม่คดโกง ไม่ปล้นชาติ ขายชาติ เป็นการเมืองที่ตั้งบนความจริงของสังคมไทย บนพื้นฐานของพระมหากษัตริย์ ตราบใดที่พระมหากษัตริย์ทรงทศพิธราชธรรม เราต้องต่อสู้ต่อไป
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ประชาชนไม่พอใจการบริหารแผ่นดินที่ไม่สามารถใช้ช่องทางของประชาชน เพราะการเมืองเก่าปิดช่องทาง และระบบราชการไม่ได้รับใช้ประชาชน แต่รับใช้นักการเมือง และตำรวจก็ไม่ได้เป็นสถาบันอีกต่อไปแล้ว ตำรวจในสายตาของพี่น้องเปรียบเหมือนโจรในเครื่องแบบ ขณะเดียวกัน กระบวนการยุติธรรมอื่นๆ ก็ถูกครอบงำ
“นี่คือ ที่มาของอารยะขัดขืน เพราะไม่รู้จะไปร้องกับใครด้วยเหตุนี้ แกนนำและประชาชนจึงต้องประชาภิวัฒน์ ภาคประชาชนและการเมืองส่วนใหญ่ไม่ต้องการ และเป็นตัวปัญหาจึงไม่ต้องการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ พวกนี้อ้างความชอบธรรมจากการลงทุนซื้อเสียงเพื่อเข้าเป็นรัฐบาลเท่านั้น” แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ ระบุ
นายสนธิ ย้ำว่า ข้าราชการก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องพึ่งพานักการเมือง ทั้งตำรวจและทหาร จึงไม่สนใจประชาชน แต่สนใจว่าตัวเองจะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ดังนั้น การเมืองประชาภิวัฒน์เกิดขึ้นแล้ว และไม่มีทางหยุดยั้งได้ และการตต่อสู้ครั้งนี้ถ้าจะว่าไปแล้วเป็นแค่เริ่มต้น
“ผมและแกนนำยอมอยู่ในคุก เพื่อให้พี่น้องต่อสู้แบบประชาภิวัฒน์ คุกขังเราได้แต่ร่างกาย แต่ขังใจเราที่เป็นอิสระไม่ได้ครับพี่น้อง เพราะการต่อสู้ของเราเอาธรรมนำหน้า ดังนั้น อย่าเสียน้ำตา แต่ต้องแปลงน้ำตาเป็นพลังให้สานต่อการเมืองประชาภิวัฒน์ ให้ความฮึกเหิมคงอยู่ตลอดไป” นายสนธิ กล่าวและว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา
นายสนธิ เชื่อว่า ตำรวจจะเข้ามาจับกุมตอนดึก แต่คงต้องส่งคนมาเจรจาก่อนว่าจะจับกุมอย่างละมุนละม่อมอย่างไร แต่ก็สุดแล้วแต่พี่น้องจะตัดสินใจเอาเอง