ชัยภูมิ - องค์กรพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรีชัยภูมิ จี้ ก.สาธารณสุขให้ความเป็นธรรมช่วยเหลือ“หมอสาว” ผู้เสียหายถูกแอบตั้งกล้องวิดีโอถ่ายโป๊ใต้กระโปรงนานนับเดือน พร้อมประณามการกระทำอันเลวร้ายละเมิดสิทธิตรีอย่างรุนแรง และเรียกร้องเร่งหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ ด้านตร.เรียกผู้บริหารรพ.ฉาวมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว คนใกล้ชิดเผยเตรียมยื่นลาออกจากราชการ ส่วนแพทย์หญิงเครียดลาพัก 7 วัน เหตุกดดันหนักถูกกล่าวหาว่าทำเกินกว่าเหตุส่งผลกระทบลูกเมียและครอบครัวของผู้บริหารอีแอบ
วันนี้ (4 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความความคืบกรณี “หมอสาว” แพทย์ประจำโรงพยาบาลเนินสง่า จ.ชัยภูมิ โร่แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.เนินสง่า ถูกผู้บริหารโรงพยาบาล แอบตั้งกล้องวิดีโอไว้ใต้โต๊ะทำงานเพื่อถ่ายภาพโป๊ใต้กระโปรงนานนับเดือนตามข่าวที่เสนอไปแล้ว นั้น
ล่าสุด นายชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิทราบแล้ว เพื่อพิจารณาแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ที่เป็นระดับนายแพทย์ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรที่สำคัญ ส่วนกรณีที่ข่าวว่าจะมีการยื่นในลาออกจากราชการของผู้บริหารโรงพยาบาลรายนี้นั้นตอนนี้ยังไม่ทราบเรื่อง
ทางด้าน พ.ต.ท.วิหาร นวลงาม พนักงานสอบสวน สภ.เนินสง่า เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เรียกผู้บริหารที่ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา“ถ้ำมอง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ” ในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธขอสู้คดีในชั้นศาล และคาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งฟ้องคดีได้ภายในสัปดาห์หน้านี้
โดยระหว่างนี้ต้องรอผลตรวจพิสูจน์เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้บริหารรายนี้จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมและหากพบหลักฐานการกระทำความผิดอื่น เช่น นำภาพวิดีโอโป๊ที่แอบถ่ายแพทย์หญิงผู้เสียหายไปเพื่อเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ก็จะได้ตั้งข้อหาเพิ่มเติม
ขณะที่บรรยากาศที่โรงพยาบาลเนินสง่า อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ ที่เกิดเหตุ ตลอดทั้งวันนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีประชาชนเดินทางมาใช้บริการมากเหมือนที่ผ่านมา และผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อขอพบผู้บริหารโรงพยาบาลที่ตกเป็นผู้ต้องหา ได้รับแจ้งเพียงว่าช่วงนี้ติดต่อไม่ได้เพราะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ และได้ยื่นหนังสือลาพักราชการเป็นเวลานาน 7 วัน โดยคนใกล้ชิดแจ้งกับผู้สื่อข่าว ว่า ผู้บริหารรายนี้ได้เตรียมจะยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เพราะได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนคนใกล้ชิดแพทย์หญิงผู้เสียหาย เปิดเผยว่า แพทย์หญิงผู้เสียหายได้ยื่นหนังสือขอลาพักราชการเป็นเวลา 7 วัน เช่นกัน เพราะไม่มีสมาธิในการทำงาน โดยต้องตกเป็นเป้าสายตาจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะจากบรรดาบุคคลใกล้ชิดของผู้บริหารโรงพยาบาลรายดังกล่าว ที่พุ่งเป้าว่าแพทย์หญิงผู้เสียหายเป็นต้นเหตุทำให้ผู้บริหารรายนี้ถึงขั้นจะต้องยื่นหนังสือลาออกจากราชการ และมองว่าเป็นการทำที่เกินกว่าเหตุ ส่งผลกระทบถึงลูก เมีย และครอบครัวด้วย
ทางด้านนางคนึง ศรีวชิรทานต์ ในฐานะองค์กรพิทักษ์สิทธิเด็กและ สตรีจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า รู้สึกสะเทือนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นมาก และขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานในระดับผู้บังคับบัญชาของกระทรวงสาธารณสุข ให้เร่งดำเนินการให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาว ระดับวิชาชีพแพทย์อันเป็นอาชีพที่คนทั่วไปให้ความเคารพเชื่อถือโดยเฉพาะสภาพจิตใจของผู้เสียหายที่ต้องเผชิญกับผลกระทบในสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงสังคมรอบข้างที่ตามมา ซึ่งถือว่าเป็นการถูกละเมิดสิทธิสตรีอย่างรุนแรง
เราขอประณามการกระทำอันเลวร้าย ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาลที่คนส่วนใหญ่ไปใช้บริการในการรักษาสุขภาพ แต่เหตุการณ์นี้ได้ทำร้ายจิตใจทั้งแพทย์หญิงที่ถูกกระทำและเจ้าหน้าที่ที่พลอยเครียดต้องเสียสุขภาพจิตไปด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลต้องเสียหายอย่างร้ายแรง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายและสร้างความโปรงใสให้เกิดขึ้น
วันนี้ (4 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความความคืบกรณี “หมอสาว” แพทย์ประจำโรงพยาบาลเนินสง่า จ.ชัยภูมิ โร่แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.เนินสง่า ถูกผู้บริหารโรงพยาบาล แอบตั้งกล้องวิดีโอไว้ใต้โต๊ะทำงานเพื่อถ่ายภาพโป๊ใต้กระโปรงนานนับเดือนตามข่าวที่เสนอไปแล้ว นั้น
ล่าสุด นายชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิทราบแล้ว เพื่อพิจารณาแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ที่เป็นระดับนายแพทย์ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรที่สำคัญ ส่วนกรณีที่ข่าวว่าจะมีการยื่นในลาออกจากราชการของผู้บริหารโรงพยาบาลรายนี้นั้นตอนนี้ยังไม่ทราบเรื่อง
ทางด้าน พ.ต.ท.วิหาร นวลงาม พนักงานสอบสวน สภ.เนินสง่า เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เรียกผู้บริหารที่ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา“ถ้ำมอง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ” ในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธขอสู้คดีในชั้นศาล และคาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งฟ้องคดีได้ภายในสัปดาห์หน้านี้
โดยระหว่างนี้ต้องรอผลตรวจพิสูจน์เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้บริหารรายนี้จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมและหากพบหลักฐานการกระทำความผิดอื่น เช่น นำภาพวิดีโอโป๊ที่แอบถ่ายแพทย์หญิงผู้เสียหายไปเพื่อเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ก็จะได้ตั้งข้อหาเพิ่มเติม
ขณะที่บรรยากาศที่โรงพยาบาลเนินสง่า อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ ที่เกิดเหตุ ตลอดทั้งวันนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีประชาชนเดินทางมาใช้บริการมากเหมือนที่ผ่านมา และผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อขอพบผู้บริหารโรงพยาบาลที่ตกเป็นผู้ต้องหา ได้รับแจ้งเพียงว่าช่วงนี้ติดต่อไม่ได้เพราะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ และได้ยื่นหนังสือลาพักราชการเป็นเวลานาน 7 วัน โดยคนใกล้ชิดแจ้งกับผู้สื่อข่าว ว่า ผู้บริหารรายนี้ได้เตรียมจะยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เพราะได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนคนใกล้ชิดแพทย์หญิงผู้เสียหาย เปิดเผยว่า แพทย์หญิงผู้เสียหายได้ยื่นหนังสือขอลาพักราชการเป็นเวลา 7 วัน เช่นกัน เพราะไม่มีสมาธิในการทำงาน โดยต้องตกเป็นเป้าสายตาจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะจากบรรดาบุคคลใกล้ชิดของผู้บริหารโรงพยาบาลรายดังกล่าว ที่พุ่งเป้าว่าแพทย์หญิงผู้เสียหายเป็นต้นเหตุทำให้ผู้บริหารรายนี้ถึงขั้นจะต้องยื่นหนังสือลาออกจากราชการ และมองว่าเป็นการทำที่เกินกว่าเหตุ ส่งผลกระทบถึงลูก เมีย และครอบครัวด้วย
ทางด้านนางคนึง ศรีวชิรทานต์ ในฐานะองค์กรพิทักษ์สิทธิเด็กและ สตรีจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า รู้สึกสะเทือนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นมาก และขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานในระดับผู้บังคับบัญชาของกระทรวงสาธารณสุข ให้เร่งดำเนินการให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาว ระดับวิชาชีพแพทย์อันเป็นอาชีพที่คนทั่วไปให้ความเคารพเชื่อถือโดยเฉพาะสภาพจิตใจของผู้เสียหายที่ต้องเผชิญกับผลกระทบในสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงสังคมรอบข้างที่ตามมา ซึ่งถือว่าเป็นการถูกละเมิดสิทธิสตรีอย่างรุนแรง
เราขอประณามการกระทำอันเลวร้าย ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาลที่คนส่วนใหญ่ไปใช้บริการในการรักษาสุขภาพ แต่เหตุการณ์นี้ได้ทำร้ายจิตใจทั้งแพทย์หญิงที่ถูกกระทำและเจ้าหน้าที่ที่พลอยเครียดต้องเสียสุขภาพจิตไปด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลต้องเสียหายอย่างร้ายแรง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายและสร้างความโปรงใสให้เกิดขึ้น