พันธมิตรฯ ยึดเอ็นบีทีเบ็ดเสร็จ ประกาศปักหลักจนกว่า “หมัก” ออกไป พร้อมหาทางเชื่อมสัญญาณเอเอสทีวีออกอากาศ โดยมี จนท.กรมประชาฯ ช่วยเหลือ ขณะเดียวกันเตรียมขอพบชายฉกรรจ์ 80 คนที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่คลอง 5 รับเป็นคนพันธมิตรฯ แต่ไม่มีอาวุธร้ายแรง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันพันธมิตรฯ บุกสถานีเมื่อเช้าไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (26ส.ค.) นายอมร อมรรัตนานนท์ พิธีกรเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะผู้ควบคุมมวลชนเดินทางไปชุมนุมที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อเช้าที่ผ่านมาได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ไปประมาณ 80 คน ขณะนี้ทราบว่ามีการยืนยันว่าเป็นผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ซึ่งก็ได้มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ทราบว่าขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ที่คลอง 5 และทุกคนสบายดี
อย่างไรก็ตาม นายอมร กล่าวว่า มีการตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหตุใดจึงจับตัวไปโดยไม่ดำเนินคดี และไม่แจ้งข้อหา แต่พาตัวหนีออกจากพื้นที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวกลุ่มคนดังกล่าว และให้มาว่ากันตามรูปของคดี ซึ่งประเมินว่าน่าจะถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ แต่พันธมิตรฯ ไม่กังวลกับข้อหานี้เพราะเรามีความจำเป็นที่จะต้องเข้ายึดเอ็นบีที เนื่องจากเมื่อพิจารณาดูแล้วสถานีนี้เป็นทรัพย์สินของชาติ ดำเนินการโดยภาษีของประชาชน แต่รัฐบาลนายสมัครกลับใช้สถานีนี้ให้บิรษัทเอกชนจัดทำรายการพยายามให้ร้ายป้ายสีความาเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ มาโดยตลอด เราจึงจำเป็นต้องยึดเพื่อที่จะทำรายการที่เป็นประโยชน์ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและให้ความเป็นจริงของสังคม
นายอมร กล่าวอีกว่า การดำเนินการต่อจากนี้ทางฝ่ายเทกนิคพยายามเชื่อมสัญญาณของเอเอสทีวีให้เข้ากับสถานีโทรทัศน์และวิทยบุเอ็นบีทีให้เร็วที่สุด ซึ่งเราก็ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์บางคนที่มีจิตใจรักชาติด้วย ในระหว่างนียืนยันว่าจะมีการชุมนุมต่อเนื่องจนกว่ารัฐบาลสมัครจะออกไป ส่วนเอ็นบีทีหลังจากมีรัฐบาลใหม่แล้วจะให้รัฐบาลใหม่บริหารต่อไป เฉพาะหน้าวันนี้พันธมิตรฯ จะชุมนุมอยู่ทั้งคืน และขอเชิญชวนพี่น้องให้มาร่วมทัศนาจรสถานีเอ็นบีทีและมาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้น
สำหรับรายละเอียดการเคลื่อนขบวนมายังเอ็นบีทีก่อนนหน้านี้ นายอมรที่รับผิดชอบการนำมวลชนมายึดเอ็นบีทีระบุว่า เราเดินเข้ามาเฉยๆ อาจมีการยื้อบ้าง แต่ไม่มีการชกต่อยหรือใช้ความรุนแรงใดๆ เจ้าหน้าที่เองไม่ได้รับบาดเจ็บ คนของเราต่างหากที่ได้รับบาดเจ็บบ้าง เราไม่มีการใช้อาวุธใดๆ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเอามาแสดงก็เป็นเครื่องป้องกันตัวปกติ และจะไม่ใช้ในการทำร้ายใคร เราจะใช้ในกรณีที่ถูกทำร้ายก่อน
ส่วนอาวุธปืนก็ต้องดูในข้อเท็จจริง ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้ในชั้นสอบสวนต่อไป ในขณะที่ใบกระท่อมเองก็เป็นสมุนไพรของคนในภาคใต้ที่ใช้รักษาโรค ในขณะเดียวกัน การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ของตำรวจก็ไม่แจ้งมาที่พันธมิตรฯ แล้วจะให้ทางเราไว้วางใจตำรวจอย่างใด
นายอมร ชี้แจงอีกว่า ตอนบุกเข้าไปในตัวอาคารเอ็นบีทีนั้นไม่ได้มีการกักตัวพนักงานแต่อย่างใด โดยเฉพาะพนักงานหญิง จึงรู้สึกเสียใจที่ น.ส.ตวงพร อัศววิไล ไปออกอากาศทางเอ็นบีทีในช่วงก่อนที่จะถูกให้ยุติออกอากาศว่ามีการพยายามควบคุมตัวพนักงาน และเล่าบรรยากาศการบุกเข้าไปในเอ็นบีทีในลักษณะที่ทำให้เกิดผลเสียต่อพันธมิตรฯ จึงเสียดายที่ น.ส.ตวงพรพูดอย่างนั้น
ต่อมาเวลา 12.50 น. นายอมร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ทนายความจากสภาทนายความที่จะมาช่วยพันธมิตรฯ ได้พยายามทำเรื่องขอพบผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดที่ ตชด.ภาค 1 คลอง 5 ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธ ตนเห็นว่าท่าทีอย่างนี้เป็นการละเมิดสิทธิ เรากำลังดูข้อกฎหมายเพื่อเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีนี้ด้วย และจะขอประกันตัวสู้คดี
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังคงวางกำลังในพื้นที่อาคารเอ็นบีทีได้ยืนยันว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีการกักตัวใครแต่อย่างใด และได้มีการเจรจากันระหว่างแกนนำ คือ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เดินทางกลับไปพักผ่อน ซึ่งถือว่าขณะนี้พันธมิตรฯ ยึดเอ็นบีทีได้อย่างเบ็ดเสร็จ และจะรักษาทรัพย์สินราชการเอาไว้อย่างดี และจะปักหลักจนกว่านายสมัครจะออกไป แล้วให้เอ็นบีทีกลับมาทำรายการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ สถานที่ควบคุมตัวคนของพันธมิตรฯ ที่ถูกจับกุมตัวไป นอกจากที่คลอง 5 แล้ว ยังมีสถนีตำรวจย่านชานเมืองอีกหลายแห่ง ทำให้ยังไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ทราบแต่เพียงว่ามีการ์ดศรีวิชัยประมาณ 20 ซึ่งมาตั้งแต่ตอนเช้ามืด และมา 80 คน จึงไม่ทราบว่าที่เหลือหายไปไหนบ้าง
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการอยู่ในสถานีเอ็นบีทีประมาณ 100 กว่านาย ได้ขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 คัน และมอเตอร์ไซค์อีกจำนวนหนึ่งขับออกจากบริเวณเอ็นบีที โดยมีผู้ชุมนุมคอยปรบมือแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจ
ล่าสุด เวลาประมาณ 13.30 น. ได้มีการจัดกำลังจากเวทีสะพานมัฆวานฯ เข้าไปเสริมที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เพิ่มอีก 400 คน ทั้งนี้นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ได้ปราศรัยที่สะพานมัฆวานฯ ว่า การยึดสถานีเอ็นบีทีทำได้แล้ว แต่ยังสามารถออกอากาศได้จากที่อื่น ดังนั้นจะต้องจัดกำลังคนเข้าไปเสริมอีก ถ้าเสริมได้ประมาณ 5,000 คน น่าจะปิดฉากเอ็นบีทีไอ้ย่างเบ็ดเสร็จ