กระทรวงสาธารณสุขเปิดแล้วโครงการตรวจหามะเร็งปากมดลูกในหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปฟรี เฉลิมพระเกียรติ 116 วันจากวันแม่ถึงวันพ่อแห่งชาติ ตั้งเป้าให้ได้ 1 ล้านคน โดยนำกางเกงในวิเศษ เมดอินไทยแลนด์ มาช่วยตรวจลดความอายผู้หญิง ชี้ขณะนี้มีหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป เสี่ยงตายจากโรคมะเร็งปากมดลูกมากถึง 8 ล้านคน เหตุเพราะอายหมอ และคาดปี 2551 จะพบผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 8,000 ราย
เช้าวันนี้ (22 ส.ค.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมผู้บริหารระดับสูงของสถานพยาบาลในสังกัด 75 จังหวัดและกทม. เพื่อชี้แจงแนวนโยบายโครงการรณรงค์ตรวจหามะเร็งปากมดลูกเฉลิมพระเกียรติ 116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อแห่งชาติ ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร โดยจะเริ่มบริการพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2551 ตั้งเป้าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 1,000,000 คน
ทั้งนี้ หลังเปิดการประชุมได้เดินทางไปชมหน่วยตรวจมะเร็งปากมดลูกเคลื่อนที่ ที่เริ่มให้บริการวันแรก ที่บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีพนักงานหญิงประมาณ 1,000 คน โดยในปี 2549 มีผู้หญิงสมุทรปราการเสียชีวิตจากโรคนี้ 54 ราย
นายชวรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงไทยเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ในปี 2539 พบผู้ป่วยรายใหม่ 6,228 ราย และในปี 2551 คาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 8,000 ราย โดยร้อยละ 90 พบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี และส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 จะเสียชีวิตเพราะโรคลุกลามไปแล้ว ซึ่งแท้จริงแล้วมะเร็งชนิดนี้เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ และรักษาได้หายขาด ถ้าตรวจพบและได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มที่เซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลาม จากผลการวิจัยหากสามารถตรวจหามะเร็งปากมดลูกให้ครอบคลุมร้อยละ 80 ของสตรีไทยทุกปี จะลดอัตราการตายจากมะเร็งปากมดลูกได้ถึงร้อยละ 61 และภายใน 5 ปี คาดว่าจะลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงได้ร้อยละ 50
ที่ผ่านมาพบว่า หญิงไทยยังติดเรื่องอายหมอมากที่สุด ไม่กล้าไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ทำให้ตรวจคัดกรองได้ไม่ถึงร้อยละ 20 ของผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมี 10 ล้านคน จึงกล่าวได้ว่าขณะนี้มีผู้หญิง 8 ล้านคนที่อายหมอ หากหญิงไทยไม่อายก็จะไม่ตาย ถ้าอายก็จะเสี่ยงตายสูง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องอาย ในการตรวจมะเร็งปากมดลูกครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ให้สถานบริการทุกระดับ ตั้งแต่สถานีอนามัยจนถึงโรงพยาบาล นำกางเกงในวิเศษรุ่นไทยคิดเองทำเองมาใช้ เพื่อให้ผู้หญิงเข้ารับการตรวจด้วยความสบายใจ หากผลการตรวจพบความผิดปกติ ก็จะทำการรักษาต่อจนหาย และต่อไปจะรณรงค์การตรวจมะเร็งเต้านมด้วย เพราะป้องกันได้
ด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กางเกงในวิเศษเป็นกางเกงที่เจาะเป้าให้หญิงที่จะตรวจมะเร็งปากมดลูกใส่แทนผ้าถุงที่เคยใช้อยู่ในโรงพยาบาล เพื่อลดความอายในการเปิดเผยร่างกายมากเกินไป
สำหรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกมี 2 วิธี ได้แก่ วิธีแปปสเมียร์ (Pap smear) คือการป้ายเซลล์เยื่อบุบริเวณปากมดลูกไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง และวิธีวีไอเอ (VIA) คือตรวจด้วยกรดน้ำส้มสายชูความเข้มข้น 3-5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งง่ายทั้ง 2 วิธีใช้เวลาตรวจไม่ถึงรายละ 5 นาที
ด้านนายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ใช้เวลาก่อตัวนาน 5-10 ปี โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด หากเป็นในระยะแรกจะตรวจพบโดยแป็บสเมียร์ หากอยู่ในระยะลุกลามจะมีอาการตกขาวมีกลิ่น มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือตกขาวมีลักษณะคล้ายน้ำคาวปลา หากเป็นมากอาจถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือปัสสาวะลำบาก ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรตรวจ ทุกปีหรืออย่างน้อย 5 ปีครั้ง การตรวจจะทำในขณะที่ไม่มีรอบเดือน ก่อนตรวจแป๊บเสมียร์ 2 วัน ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ ไม่สวนล้างหรือทำความสะอาดภายในช่องคลอด ยกเว้นการเหน็บยาทางช่องคลอด ซึ่งการใช้วิธีแปปเสมียร์จะแจ้งการผลตรวจกลับภายใน 15 วัน
เช้าวันนี้ (22 ส.ค.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมผู้บริหารระดับสูงของสถานพยาบาลในสังกัด 75 จังหวัดและกทม. เพื่อชี้แจงแนวนโยบายโครงการรณรงค์ตรวจหามะเร็งปากมดลูกเฉลิมพระเกียรติ 116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อแห่งชาติ ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร โดยจะเริ่มบริการพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2551 ตั้งเป้าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 1,000,000 คน
ทั้งนี้ หลังเปิดการประชุมได้เดินทางไปชมหน่วยตรวจมะเร็งปากมดลูกเคลื่อนที่ ที่เริ่มให้บริการวันแรก ที่บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีพนักงานหญิงประมาณ 1,000 คน โดยในปี 2549 มีผู้หญิงสมุทรปราการเสียชีวิตจากโรคนี้ 54 ราย
นายชวรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงไทยเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ในปี 2539 พบผู้ป่วยรายใหม่ 6,228 ราย และในปี 2551 คาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 8,000 ราย โดยร้อยละ 90 พบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี และส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 จะเสียชีวิตเพราะโรคลุกลามไปแล้ว ซึ่งแท้จริงแล้วมะเร็งชนิดนี้เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ และรักษาได้หายขาด ถ้าตรวจพบและได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มที่เซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลาม จากผลการวิจัยหากสามารถตรวจหามะเร็งปากมดลูกให้ครอบคลุมร้อยละ 80 ของสตรีไทยทุกปี จะลดอัตราการตายจากมะเร็งปากมดลูกได้ถึงร้อยละ 61 และภายใน 5 ปี คาดว่าจะลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงได้ร้อยละ 50
ที่ผ่านมาพบว่า หญิงไทยยังติดเรื่องอายหมอมากที่สุด ไม่กล้าไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ทำให้ตรวจคัดกรองได้ไม่ถึงร้อยละ 20 ของผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมี 10 ล้านคน จึงกล่าวได้ว่าขณะนี้มีผู้หญิง 8 ล้านคนที่อายหมอ หากหญิงไทยไม่อายก็จะไม่ตาย ถ้าอายก็จะเสี่ยงตายสูง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องอาย ในการตรวจมะเร็งปากมดลูกครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ให้สถานบริการทุกระดับ ตั้งแต่สถานีอนามัยจนถึงโรงพยาบาล นำกางเกงในวิเศษรุ่นไทยคิดเองทำเองมาใช้ เพื่อให้ผู้หญิงเข้ารับการตรวจด้วยความสบายใจ หากผลการตรวจพบความผิดปกติ ก็จะทำการรักษาต่อจนหาย และต่อไปจะรณรงค์การตรวจมะเร็งเต้านมด้วย เพราะป้องกันได้
ด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กางเกงในวิเศษเป็นกางเกงที่เจาะเป้าให้หญิงที่จะตรวจมะเร็งปากมดลูกใส่แทนผ้าถุงที่เคยใช้อยู่ในโรงพยาบาล เพื่อลดความอายในการเปิดเผยร่างกายมากเกินไป
สำหรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกมี 2 วิธี ได้แก่ วิธีแปปสเมียร์ (Pap smear) คือการป้ายเซลล์เยื่อบุบริเวณปากมดลูกไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง และวิธีวีไอเอ (VIA) คือตรวจด้วยกรดน้ำส้มสายชูความเข้มข้น 3-5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งง่ายทั้ง 2 วิธีใช้เวลาตรวจไม่ถึงรายละ 5 นาที
ด้านนายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ใช้เวลาก่อตัวนาน 5-10 ปี โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด หากเป็นในระยะแรกจะตรวจพบโดยแป็บสเมียร์ หากอยู่ในระยะลุกลามจะมีอาการตกขาวมีกลิ่น มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือตกขาวมีลักษณะคล้ายน้ำคาวปลา หากเป็นมากอาจถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือปัสสาวะลำบาก ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรตรวจ ทุกปีหรืออย่างน้อย 5 ปีครั้ง การตรวจจะทำในขณะที่ไม่มีรอบเดือน ก่อนตรวจแป๊บเสมียร์ 2 วัน ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ ไม่สวนล้างหรือทำความสะอาดภายในช่องคลอด ยกเว้นการเหน็บยาทางช่องคลอด ซึ่งการใช้วิธีแปปเสมียร์จะแจ้งการผลตรวจกลับภายใน 15 วัน