เมื่อเวลา 20.20 น. วันที่ 25 สิงหาคม 2551 “อังคาร กัลยาณพงศ์” ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ ได้มาขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่ออ่านบทสวดชัยมงคลคาถา ให้พันธมิตรฯ และประชาชนที่มาร่วมชุมนุมขับล่ารัฐบาลปลอดจากภยันตรายและประสพชัยชนะในการต่อสู้
อังคาร กัลยาณพงศ์ กล่าวว่า “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย พูดด้วยความจริงใจ ผมรู้สึกว่าท่านเป็นวีรบุรุษ วีรสตรี อยู่ในหัวใจไปชั่วกาลนาน เมื่อพระเจ้าตากท่านจะกู้กรุงศรีอยุธยาก็ชุมนุมชนแบบนี้ พร้อมเพรียงกันแบบนี้ มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้จักตาย ไซรัสที่ใหญ่ขนาดที่เจงกิสข่าน เขาจารึกไว้ที่หลุมศพไว้เลย หลายคนคิดว่าตัวจะอยู่ค้ำฟ้า แต่ความจริงไม่
“เห็นกันอยู่เมื่อเช้า สายตาย
สายเห็นอยู่สุขสบาย บ่ายม้วย
บ่ายยังรื่นเริงกาย เย็นดับ ชีพนอ
เย็นอยู่หยอกลูกด้วย ค่ำม้วย ดับสูญ
“เมื่อกี้จะพูดเรื่องไซรัส เขาจารึกไว้ที่หลุมศพว่า “ดูก่อนมนุษย์ เจ้าจะเป็นใคร มาจากแห่งหนไหนก็ตาม จงรู้ด้วยว่าเราคือไซรัสมหาราช ผู้สถาปนาอาณาจักรอิหร่าน หรือเปอร์เซีย ท่านอย่าอิจฉาเราเลย ที่เราเป็นมหาจักรพรรดิ เพราะบัดนี้ก็เหลือแต่แผ่นดินที่ห่อหุ้มกายเราเพียงเท่านี้
“ถ้าถอนสายบัวขึ้นมาก็สะเทือนถึงเหง้าบัว ผมลองถอนสายหัวใจของผม ก็เหมือนกับสะเทือนถึงสายหัวใจของพี่น้อง ด้วยความเป็นห่วง พรุ่งนี้จะเกิดสรรพภยันตรายอันใด ก็ตั้งใจที่จะช่วยด้วยบุญบารมีของพระพุทธเจ้า ก็จะมาช่วยสวดมนต์ให้”
หลังจากนั้น อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้สวดชุมนุมพระอรหันต์เป็นทำนองสรภัญญะ
หันทะ มะยัง สะระภัญเญนะ พุทธะมังคะละคาถาโย ภะนามะ เสฯ
สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาตะเณยเย จะ กัสสะโป
สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลี จะ
ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวัมปะติ
โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อิสาเณปิ จะ ราหุโล
อิเม โข มังคะลา พุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
วันทิตา เต จะ อัม์เหหิ สักกาเรหิ จะ ปุชิตา
เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน ฯ
อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโยฯ
ตามด้วยสวดคาถาพาหุง ซึ่งเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า “พรุ่งนี้ขอให้พันธมิตรประชาชนภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเศียรเกล้าได้รับชัยชนะ และมงคลยิ่งใหญ่ 7 อย่างประเสริฐเลิศล้น"
“พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลังอุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมาะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ
กัตวานะ กัฎฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ”
“เอวัง สาธุ เอวัง ขอให้ พี่น้องพรุ่งนี้ปราศจากสรรพภยันตราย ใหญ่น้อยทั้งปวง ทั้งอันตรายภายนอกภายใน สู่ซึ่งสติปัญญาอันประเสริฐเลิศล้ำ และถ้าจะมีนิมิตอันใด เสียงอันใด ก็กำราบด้วย ยันทุน อีก 3 บท
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
“ขอให้พี่น้องร่วมชีวิตทั้งหลายนี่ ปลอดภัย สรรพอันตรายและประสพชัยชนะ มีสติปัญญาประเสริฐเลิศล้ำ เต็มไปด้วยมงคลอันยิ่งยง ชั่วนิจนิรันดร กาลนาน
“ผมเห็นพี่น้อง แล้วผมน้ำตาไหล ดึงสายบัวขึ้นมาเหมือนกับเราดึงสายโลหิตเรา ผมขอรู้สึกถึงสายใจของพี่น้องทั้งหมดด้วยความเป็นห่วง เป็นใยถึงชีวิต ก็เลยถึงมา ตั้งใจจะสวดเอาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ขอให้พี่น้องทั้งหลายมีชีวิตปลอดภัย ปลอดจากสรรพอันตรายสู่ความคิดประเสริฐเลิศล้ำ ทั้งปวง เทอญ
“อังคาร กัลยาณพงศ์”
หลังจากนั้นอังคาร กัลยาณพงศ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ชัยมงคลคาถานี้ เป็นคาถาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชัยชนะของพระพุทธเจ้า ถ้าพี่น้อง สวดได้แล้ว จะทำให้จิตผ่องแผ้ว จิตจะจับอยู่ที่บทมนต์นี้ จิตจะเป็นอันหนึ่งอันเดียว แล้วก็ไปเป็นเอตทัคคะตา แล้วก็จะได้ฌาน แต่จิตนิ่งอยูที่มนต์จริงๆ แล้วได้ฌาน แล้วเราก็จะเห็นพระพุทธเจ้า เห็นมนุษย์ทั้งหลาย มนุษย์ไม่ยืน ไม่จีรังยั่งยืน เมื่อกี๊โคลงที่อ่าน “เห็นหน้ากันเมื่อเช้า สายตาย” นั้นเป็นของพระปิยมหาราช
รักราชจงจิตน้อม ภักดี ท่านนา
รักชาติกอรปกรณีย์ แน่วไว้
รักศาสน์กอรปบุญตรี สุจริต ถ้วนเทอญ
รักศักดิ์จงจิตให้ โลกซร้อง สรรเสริญ
ยามเดินยืนนั่งนอน กมล
รำลึกถึงเทพตน อยู่ยั้ง
เป็นรัฐมณฑลอยู่ สราญนาน
ควรถนอมแน่นตั้ง อยู่เพี้ยงอวสาน
ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหลยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้อง เกียรติงาม
หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ
เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทย
สยามมานุสติ ของพระมงกุฏเกล้าฯ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6
สวัสดี
“ขอให้พี่น้องทั้งหลายปลอดภัย ปลอดจากสรรพภยันตราย ไปสู่ความคิดที่ประเสริฐเลิศล้ำ แล้วเราจะรักษาแผ่นดินได้ เหมือนที่พระเจ้าตากกู้กรุงศรีอยุธยา ขออาราธนาพระเจ้าตากมาสถิตอยู่ ที่หัวใจ และดวงวิญญาณกษัตราธิราชของสยามทุกพระองค์ขอให้มาสถิตอยู่ที่วิญญาณของเราซึ่งเป็นลูกหลาน เราจะได้สืบสายเลือด สายเลือดข้นกว่าน้ำ แผ่นดินสยามนี้จึงจีรังยั่งยืนอยู่ชั่วนิจนิรันดร”