“พิภพ” ชี้ “ทักษิณ”ไม่มีทางเป็นวีรบุรุษได้ เพราะหนีการตัดสินของศาล ไม่กล้าที่จะเผชิญและต่อสู้ความจริง แนะดู “อันวาร์ อิบราฮิม-เนลสัน แมนเดลลา” เป็นตัวอย่าง พร้อมติงสื่อรายงานจำนวนผู้มาชุมนุมไม่ตรงความจริง ส่งผลให้รัฐบาลตัดสินใจผิดพลาดได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เวลา 20.45 น. วันที่ 19 ส.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยกล่าวว่าการชุนนุมของพันธมิตรนั้นสนุก และมีพลังในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยล่าสุดการชุมนุมหน้าสถานทูตอังกฤษสื่อได้ทำการคำนวนว่ามีคนไปร่วมชุมนุมหมื่นกว่าคน ทั้งที่ตามหลักการคำนวณถ้าคนยืน 1 ตารางเมตร จะยืนได้ 6 คน เรามีขบวนยาวกว่า 800 เมตร และถ้าคูณด้วยความกว้างของถนน 12 เมตร ก็ร่วม 40,000 คนได้ ดังนั้นอยากจะบอกหนังสื่อพิมพ์ว่า ถ้าท่านรายงานผิดพลาด ฝ่ายรัฐบาลจะเข้าใจพันธมิตรฯ ประชาชนผิดพลาด จนสุดท้ายจะหาทางลงไม่เจอ บริหารงานผิดพลาด
โดยสมัย 14 ต.ค. รัฐบาลจอมพลถนอม ฟังรายงานผิดคิดว่ามีคนน้อยยิงปืนไล่ก็หนี แต่คนกลับมีมากกว่า เรื่องนี้มีเหตุการณ์หลักฐานว่าในเอกสารการประชุมว่าจะฆ่าคนสัก 2 หมื่นคนเพื่อยุติการชุมนุม เช่นเดียวกับสมัคร ในสมัย 6 ตุลาคมที่กล่าวอ้างว่ามีคอมมิวนิสต์แต่กลับกลายเป็นนักศึกษาใน ม.ธรรมศาสตร์ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวมันมาสอดคล้องกับคำพูดนายกฯ ที่ยังเชื่อว่าคนไม่ชอบรัฐบาลยังมีอยู่น้อย
“ผมได้คุยกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจไปแล้วว่า ตอนเราชุมนุมวันที่ 2 สิงหา ที่รายงานว่ามีการวมตัวแค่ 2 พันคน ซึ่งคุณรายงานความจริงไม่หมด เพราะตอนนั้นแค่ตอนรวมตัว แต่พอเราเคลื่อนขบวนไปที่หน้าวัดพระแก้วจำนวนเราเพิ่มเป็นหมื่นเป็นแสน การไม่รายงานความจริงให้หมด จะนำสังคมไปสู่ความรุนแรงได้ รัฐบาลจะกำหนดนโยบายผิดพลาด นึกว่าคนสนับตัวเองมาก มีคนเกลียดน้อย ดังนั้นผู้สื่อข่าวน่าจะมาคุยกับผมซึ่งผมจะรายงานให้ฟังทุกวัน ไม่เหมือนสันติบาลที่ชอบรายงานผิดพลาด”
นายพิภพ กล่าวว่า มหาตมะคานธี ที่ต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียนั้น การชุมนุมโดยสันติวิธีจะมีพลังได้ต้องใช้ความจริงเป็นอาวุธ ไม่เหมือน นปก.ที่ใช้แต่ความเท็จจึงไม่ค่อยมีคนสนับสนุน รายการความจริงวันนี้ ของนายวีระ มุสิกพงศ์ ก็ไม่พูดความจริงเลย ทั้งที่แต่เดิมนายวีระเป็นนักตรวจสอบ เป็นฝ่ายค้านจะมีข้อมูลน่าฟังมาก แต่วันนี้ไปอยู่ข้างรัฐบาล จึงพูดความจริงไม่ออก การเสนอความจริงทำไม่ได้เต็มปากเต็มคำ น่าเสียดายนักการเมืองดีๆ แต่ก่อนเคยเขียนวิจารณ์นายสมัครเต็มที่ แต่วันนี้กลับไม่เอามาพูด
สำหรับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณโจมตีกระบวนการยุติธรรม โดยโจมตีศาล แต่ไม่โจมตีตำรวจที่เป็นจุดเริ่มกระบวนการยุติธรรมที่แย่ที่สุด อัยการก็มีส่วนหนึ่งที่ใช้ได้และไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งคือคตส.ซึ่งถือเป็นต้นน้ำของความยุติธรรม และไม่สามารถเอาความเท็จมาให้การใส่ความ พ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะถ้าเป็นเท็จทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณจะตอบโต้ได้หมด แต่วันนี้เห็นแล้วว่าไม่เป็นความเท็จ ศาลจึงได้ตัดสินว่าผิดจริง อย่างคดี หลีกเลี่ยงภาษีบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่าศาลถูกแทกรแซงนั้น น่าจะเป็นเพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน มาเปิดคดีซื้อขายที่ดินรัชดาของตัวเอง เพราะคิดว่าจะแทรกแซงได้ แต่เมื่อทำไม่ได้ก็ไปร้องโวยวายที่ต่างประเทศว่าศาลถูกแทรกแซง ทั้งที่ความจริงน่าจะบอกว่าเขาแทรกแซงศาลไมได้ต่างหาก
ส่วนคำที่ว่า “ไม่ใช่เวลาของผม ผมจะกลับมาเพื่อบอกความจริง” ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเขียนในแถลงการณ์ เพราะต้องการจะอ้างตัวเองว่าบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ไม่ใช่เลย เพราะถ้าบริสุทธิ์จริงเขาจะไม่หนี เขาจะต้องอยู่เพื่อสู้คดี จะยกตัวอย่างนักการเมืองใกล้บ้านเรา เช่น นายอันวาร์ อิบราฮิม ที่เคยเป้ฯรองหัวหน้าพรรคอัมโนของมาเลเซีย ถูก ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด ดำเนินคดีฐานมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายซึ่งตามหลักอิสลามถือเป็นความผิดร้ายแรง แต่นายอันวาร์ก็ไม่หนี เพราะเขาเชื่อว่าเขาไม่มีความผิด เขาสู้ เขายอมติดคุก ระหว่างติดคุก ทั้งลูกสาวและภรรยาก็ออกมาช่วยต่อสู้ในเรื่องสิทธิมนุษยชน และเมื่อออกจากคุกมาก็กลายเป็นวีรบุรษ เพราะเขายันยันว่าไม่ผิด และอีกด้านหนึ่งเขาก็ไม่เคยทุจริต
สิ่งที่พรรครัฐบาลมาเลเซียปัจจุบันกลัวอันวาร์ คือการที่อันวาร์จะนำเอาความจริงมาสู้ ดังนั้นถ้าต้องการเป็นวีระบุรุษอย่าไปเที่ยวพูดกล่าวอ้างว่าถูกแกล้ง เพราะเที่ยวนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ถูกแกล้ง มีแต่พันธมิตรประชาชนฯ ที่ถูกแกล้ง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีของนายเนลสัน แมนเดลลา ที่เคยต่อสู้กับการเหยียดผิวในประเทศแอฟริกาใต้ จนถูกจับติดคุกอยู่เป็นเวลา 25 ปี เพราะเขาไม่หนีและต้องการยืนหยัดในอุดมการณ์ที่ต่อสู้เพื่อคนผิวดำ เมื่อออกจากคุก มีการยกเลิกนโยบายเหยียดผิว และนายแมนเดลลาก็ได้เป็นประธานาธิบดี เป็นที่รักของคนแอฟฟริกาใต้ และเป็นวีระบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นายพิภพ กล่าวว่า กรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกคุหญิงพจมานในคดีเลี่ยงภาษีนั้น ทูตต่างประเทศทั้งหลายบอกว่าไม่นึกฝันว่าศาลไทยจะกล้าตัดสินคนที่มีอิทธิพลมากที่สุด ละเมิดสิทิมนุษยชนมากที่สุดแบบนี้ การตัดสินให้ภรรยาอดีตนายกฯ ติดคุกได้ ถือว่าเป็นความฝันของนักลงทุนต่างประเทศ
“ถ้าเทียบทักษิณกับ เนลสัน หรือ อันวาร์ แล้วเทียบไมได้เลย ทั้ง 2 คนเขาก็มองว่าศาลในประเทศเขาไม่เป้นธรรมกับเขาเหมือนกัน แต่เขาไม่หนี เขายอมติดคุก แต่คุณทักษิณกลับหนี เขาหนีศาลทำไม ทั้งที่เป็นคนเปิดคดีแล้ว อย่างนี้ต้องโห่ให้กับคนที่ไม่มีทางเป็นวีรบุรุษแบบนี้ได้ และขอให้พี่น้องทุกคนปรบมือให้กับตุลาการภิวัฒน์ด้วยครับ” นายพิภพกล่าว
