“สนธิ” ย้ำกำหนดการแสดงพลังหน้าสถานทูตอังกฤษ พรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ทวงผู้ต้องหาโกงชาติกลับประเทศ เตือน “อนุพงษ์” ตัดสินใจผิดพลาดที่สุดในชีวิตที่ไปรับใช้คนอย่าง “สมัคร” โดยไม่ใส่ใจความรู้สึกพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกัน ได้เสนอแนวคิดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคหาทุนต่อสู้ระยะยาว ประเดิม “ข้าวสารเอเอสทีวี”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วานนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนในภาคตะวันออกที่ไปให้กำลังใจหลายร้อยคนขณะเดินทางไปขึ้นศาลที่จังหวัดระยองเมื่อตอนบ่าย
จากนั้น นายสนธิ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเอเอสทีวี ได้กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อีกคนที่รับรู้ถึงความยากลำบากของเอเอสทีวีที่มีปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องบริษัทห้างร้านต่างๆ ถูกกดันไม่ให้มาลงโฆษณาแม้ว่าจะมียอดผู้ชมที่เพิ่มขึ้นก็ตาม และได้ขอรับความช่วยเหลือจากพี่น้องเพื่อให้เอเอสทีวีได้คงอยู่เพื่อได้นำเสนอความจริงกับพี่น้องประชาชนต่อไปนั้น นายสนธิ กล่าวว่า ที่จริงไม่อยากจะพูดเรื่องส่วนตัวมากนัก แต่เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด และที่สำคัญ ก็คือ เวลานี้เอเอสทีวีก็เป็นของพี่น้องประชาชนไปแล้ว เพราะในช่วงระยะที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม ค่าใช้จ่ายของเอเอสทีวีมาจากเงินบริจาคของพี่น้องประชาชนแทบทั้งสิ้น
นายสนธิ ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีผู้หวังดีได้เสนอทางช่วยเหลือกันหลายรูปแบบ แต่อยากเสนอเป็นความเห็นให้ช่วยกันคิดดู นั่นคือ การแก้ปัญหาการหารายได้ระยะยาวด้วยการจำหน่ายข้าวสารติดตรา"เอเอสทีวี" ด้วยความคิดง่ายๆ คือ ทุกคนต้องกินข้าว โดยวิธีการจะรับซื้อข้าวจากชาวนาแล้วจ้างโรงสีสีข้าว และบรรจุถุงโดยไม่มีคนกลาง ขณะที่มีการวางจำหน่ายตามร้านค้าโชห่วยหรือตามห้างร้านทั่วไปที่สนับสนุนโดยมีการจ่ายเปอร์เซ็นต์ตามปกติ
นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าพี่น้องที่ดูเอเอสทีวีจำนวนอย่างน้อย 1-2 แสนครอบครัว ช่วยกันอุดหนุนข้าวสารเอเอสทีวีอย่างน้อยครอบครัวละ 5-10 กิโลกรัม เชื่อว่า จะมีเงินเหลือมาดำเนินการได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ในอนาคตเราก็ไม่ต้องพึ่งโฆษณา ไม่ต้องง้อใคร และจะเป็นสถานีแรกที่ทำแบบนี้ (ทั้งนี้ นายสนธิ ได้ขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนด้วยการส่งเสียงและปรบมือปรากฏว่าได้รับเสียงสนับสนุนดังกึกก้อง)
“เราไปซื้อข้าวจากชาวนาให้ราคาสูง เพราะไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ลำบากและยังเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว” นายสนธิ ระบุและว่า แม้ว่ารัฐบาลหอกหักชุดนี้ได้พ้นไปแล้วก็ต้องมีเอเอสทีวีอยู่คู่กับสังคมไทย เพื่อผลักดันการเมืองใหม่ต่อไป
“ต่อไปเราจะเป็นอิสระยิ่งขึ้นไปอีก เราจะบอกได้ทุกอย่างว่าสิ่งไหนดีเลว ทุกอย่างตั้งแต่นักการเมืองไปจนถึงสินค้าว่าอย่างไหนดีไม่ดี” นายสนธิย้ำและว่า พี่น้องจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสื่อเสรีที่สุด และรับใช้สังคม รับใช้ชาติอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์สินค้าก็เป็นตัวพิสูจน์ถ้าผิดอุดมการณ์สินค้าไม่มีคุณภาพก็ไม่ต้องไปอุดหนุน
จากนั้น นายสนธิได้ย้ำถึงกำหนดการไปเดินทางไปสถานทูตอังกฤษ ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) โดยเรียกร้องให้ไปแสดงพลังกันให้มากๆ ซึ่งที่ผ่านมาพวกเราเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้จะไปทวงผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
นายสนธิ ยังได้กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลในการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่เกียกกาย ว่า ในยุคของ นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานรัฐสภาและพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล จนกระทั่งพ้นไป ในสมัยนั้นที่เกียกกายก็เคยเป็นหนึ่งในสถานที่เสนอเข้ามา แต่ทางกองทัพบกและกระทรวงกลาโหมไม่ยินยอม โดยอ้างเหตุผลเรื่องมีหน่วยทหารหลายแห่ง มีโรงเรียนมีชุมนุม ถนนก็แคบ ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง และที่สำคัญ หากมีการสร้างอาคารรัฐสภาซึ่งต้องสร้างเป็นอาคารสูง ก็จะสามารถส่องกล้องสืบราชการลับไปยังหน่วยทหารสำคัญ และที่สำคัญกว่านั้นสามารถส่องกล้องเข้าในตำหนักจิตรลดาได้อีกด้วย
นายสนธิ กล่าวว่า ในยุคที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก ไม่เข้าใจว่าในยุคนี้ทำไมถึงได้ละเลยเหตุผลในเรื่องเหล่านี้ไป
“ผมอยากพูดว่า พล.อ.อนุพงษ์ กำลังตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ไปรับใช้ นายสมัคร” นายสนธิ กล่าว