“สนธิ” จวก “อนุพงษ์” เอาใจ “หมัก” บีบย้าย ร.ร.โยธินบูรณะ ไม่เห็นหัวลูกน้อง ชี้คำสั่งห้ามแม่บ้านทหารวิจารณ์ย้ายโรงเรียน เป็นแนวคิดสุดเลว คนเป็นนักเลงไม่ทำกัน ย้ำ ผบ.ทบ.กำลังเอาทหารไปยุ่งการเมือง แนะว่างๆ ส่งสายสืบไปถามลูกน้องและทหารอาชีพเขารู้สึกยังไง เตือนรับใช้ “สมัคร” เท่ากับรับใช้ “เนวิน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 17 สิงหาคม นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เริ่มด้วยการกล่าวถึงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บริเวณโรงเรียนโยธินบูรณะว่า อยากจะฝากบอกไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า จริงๆ แล้วแม้นายสมัคร สุนทรเวช จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่นั่นไมได้หมายความว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะต้องเอาอกเอาใจนายสมัครไปเสียทุกเรื่อง
ข้อแรก พล.อ.อนุพงษ์ ต้องคิดเป็นว่า โรงเรียนโยธินบูรณะ และบริเวณนั้นเป็นเขตทหาร และด้วยเหตุด้วยผล พล.อ.อนุพงษ์น่าจะดูออกว่าพื้นที่บริเวณเกียกกายไม่น่าจะเป็นพื้นที่ที่จะสร้างสภาผู้แทนราษฎร เพราะการจราจรติดขัด ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง นายสมัครเองถ้าเป็นมนุษย์ที่ใช้ปัญญาแทนที่จะใช้ความโลภ นายสมัครก็ต้องรู้ว่าการสร้างสภาฯ นั้นควรที่จะสร้างนอกเมือง เพื่อสร้างเมืองใหม่ให้เกิดขึ้น
“เอาละ ช่างมันเถอะ ผมเกิดมายังไม่เคยเห็นนักการเมืองรักชาติเลย ให้ตายสิ แต่คุณอนุพงษ์อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องคิดถึงครอบครัวทหารบ้าง เวลาที่คุณขอให้ทหารไปตายเพื่อชาติบ้านเมืองที่ภาคใต้หรือว่าที่ไหนก็ตาม เขาพร้อมจะไปตายให้ แต่ทำไมครอบครัวเขาซึ่งส่งลูกหลายเขาเรียนหนังสืออยู่นี่ คุณไม่คิดถึงเขาบ้างเลยหรือ แม้แต่นิดเดียว
การที่กองทัพออกคำสั่งภายในว่าไม่ให้แม่บ้านทหารออกมาคัดค้าน หรือแสดงความเห็นอะไรทั้งสิ้น ไม่งั้นแล้วสามีจะต้องถูกพิจารณา ผมว่าความคิดนี้โคตรจะเลวเลย นักเลงจริงเขาไม่ทำกันหรอก นักเลงจริงเขาไม่รังแกครอบครัวทหารหรอก คนระดับพลเอกนายพลเขาอาจจะไม่เดือดร้อน แต่พวกนายสิบ พวกจ่า พวกร้อยตรี ร้อยโทล่ะ คนพวกนี้การย้ายถิ่นภูมิลำเนา มันไม่ง่าย มันเป็นเรื่องชีวิตจิตใจ เรื่องเงินเรื่องทอง
ผมคิดว่าถ้าคุณอนุพงษ์รักลูกน้องเขาจะไม่ทำสิ่งเหล่านี้ หรือที่คุณอนุพงษ์เคยบอกว่าเขาโตขึ้นมาได้เพราะลูกน้องเนี่ย อาจจะจริงเพราะว่าลูกน้องทำให้เขาเต็มที่ แต่พอเขาได้ตำแหน่ง ผบ.ทบ.แล้ว เขาลืมลูกน้องหมดเลย
ผมฝากท่านผู้บัญชาการทหารบก คิดสักนิดหนึ่ง แต่คิดตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว เพราะท่านไปเซ็นเอ็มโอยู ผมฝากให้ทหารหาญคิดว่า เวลาเขาส่งคุณไปตาย คุณพร้อมจะไปตายเพื่อชาติบ้านเมือง แต่จู่ๆ เขาอยากจะย้ายโรงเรียนซึ่งลูกหลานคุณเรียนอยู่ แล้วครอบครัวคุณต้องลำบากลำเย็น เขาไม่เห็นหัวคุณอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว คนเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้หรอกว่าคนเล็กๆ น้อยๆ เขาเจ็บปวดแค่ไหน
เขาไม่รู้หรอกว่าคนที่ยศต่ำกว่านี่ถูกบังคับด้วยเกียรติ วินัย กล้าหาญ กล้าหาญก็มีอยู่แล้ว ให้ไปตายก็ไป วินัยก็ฟังอยู่ตลอดเวลา สั่งให้ครอบครัวย้ายก็กัดฟันย้าย ลำบากแค่ไหนก็ต้องไป แต่ในใจ เขาอาจจะนั่งกินข้าวกัน พ่อ แม่ ลูก แล้วแม่อาจจะบอกว่า พี่..ทำไมนายพี่ถึง เห้... อย่างนี้” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนมีแซ่ลิ้ม ไม่ได้มียศแม้แต่แง่งเดียว แต่เวลาทำอะไรจะต้องถามลูกน้องก่อนว่าเดือดร้อนไหม เวลานักข่าวไปทำข่าวถ้าผู้มีอิทธิพลมาข่มขู่ ตนต้องออกไปรับหน้าบอกให้มาคุยกับตนดีกว่า จึงอยากฝาก ผบ.ทบ.ไว้ตรงนี้ เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก วันนี้คุณก็ไม่ได้ใจของลูกน้องคุณอยู่แล้ว อย่าให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้เลย ที่ พล.อ.อนุพงษ์ อ้างว่าจำเป็นต้องพึ่งรัฐมนตรีกลาโหมเพราะเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงนั้น การเป็นผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ว่าสั่งอะไรก็ต้องทำตาม แม้จตะฝืนจิตใจ เพราะสถานภาพของทหาร โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตอย่าง ผบ.ทบ.นั้น นอกเหนือจากจะฟังผู้บังคับบัญชาคือรัฐมนตรีกลาโหมแล้ว ยังมีสถานภาพที่จะต้องเอาชาติมาก่อน
“นายสมัครคือใคร นายสมัครคือนักการเมืองคนหนึ่ง ประเทศชาติเป็นอะไรไป นายสมัครไม่เคยสนใจเลย นายอนุพงษ์คือใคร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือผู้บัญชาการทหารบก มีหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมือง มีหน้าที่รักษาราชบัลลังก์ เพราฉะนั้นแล้ว คุณอนุพงษ์ คุณอย่าเอาทหารไปเล่นการเมือง คุณบอกว่าอย่าเอาทหารไปยุ่งการเมือง แต่คุณนี่แหละยุ่งกับการเมืองตลอดเวลา
คุณลองส่งลูกน้องที่เป็นสายสืบไปสืบความรู้สึกของพี่น้องทหารชั้นผู้น้อยที่เขาอยู่แถวๆ เกียกกายดู เขารู้สึกยังไงบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณส่งลูกน้องที่เป็นสายสืบที่ไม่เข้าข้างใคร ไปสอบถามทหารมืออาชีพ ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับอธิปไตยไทยบริเวณเขาพระวิหาร คุณส่งลูกน้องคุณไปสืบดูว่า เขารู้สึกอย่างไรที่คุณรับใช้นายสมัคร สุนทรเวช นักการเมือง เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนที่รักชาติรักแผ่นดินด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
คุณพลาดแล้วพลาดอีก คุณพลาดเรื่องอธิปไตยบนเขาพระวิหาร ผู้บัญชาการทหารบกคนนี้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียอธิปไตยเหนือบริเวณเขาพระวิหาร”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทหารมีหน้าที่ 2 อย่างคือรักษาอธิปไตย และรักษาราชบัลลังก์ แต่ทหารไทยทุกวันนี้ไม่รู้เรื่องอธิปไตย ทหารเรือก็ปล่อยให้บริษัทต่างชาติติดต่อกัมพูชาเข้าสำรวจพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยที่ไม่แสดงเจตนารมณ์เลยว่าพื้นที่ทับซ้อนนั้นเรายังเถียงกันอยู่กับเขมร ไม่มีสิทธิให้ใครเข้าไปทำ
นายสนธิ กล่าวอีกว่า นักเลือกตั้งเพิ่งประกาศลับๆ ว่า มีงบประมาณให้ ส.ส.คนละ 60 ล้าน รวมแล้วเป็นเงิน 28,800 ล้านที่ต้องเสียไป ซึ่งเป็นเงินของพี่น้องทั้งนั้น นี่ไม่นับเงินที่จะสร้างสภา 3 หมื่นล้าน โครงการต่างๆ อีก เป็นแสนๆ ล้าน
“สร้างรัฐสภา 3 หมื่นล้าน สร้างทำไม มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีของ ส.ส. เพราะพวกคุณไม่เคยมีศักดิ์ศรีเลย มาเรียกร้องศักดิ์ศรีอะไรกันกับประชาชน คุณคือนักเลือกตั้งที่โกงเลือกตั้ง เอาเงินซื้อเสียงเข้ามา แล้มายกมือในสภา อ้างความชอบธรรมที่จะคดโกง อ้างฉันทามติว่าประชาชนส่งมา เพื่อที่จะมาโกง
ด้วยเหตุนี้ นักเลือกตั้งถึงพากันเกลียดพวกเรา เพราะเรารู้ไส้พวกมัน พอเราพูดการเมืองใหม่ มันถึงได้กระโดดยังกะหนอนในกระทะ เพราะถ้ามีการเมืองใหม่พวกมันจะหมดทางทำมาหากิน” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันนี้ ถึงจะมีฝนตก แต่พี่น้องประชาชนก็ยังคงอยู่ที่หน้าเวที นี่แหละคือการแสดงจิตบริสุทธิ์ที่มุ่งมั่นจะรักษาบ้านเมือง คนที่ได้เห็นแล้วจะซึ้ง น้ำตาไหล มีความรู้สึกอยากมา แต่อาจมาไม่ได้ ได้แต่เห็นใจ และอายที่เขาไม่ได้มา น้ำใจที่ถั่งโถมมาหาพวกเราจึงมหาศาลหลายสิบล้านคน
“อย่าคิดว่าพี่น้องมาเปียกฝนแล้วก็แค่นั้น แต่พี่น้องได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม หลายคนมาไม่ได้ด้วยหลายเหตุผล แต่เมื่อเห็นพี่น้องมานั่งตากฝน อารมณ์ร่วมมันเกิดขึ้นมาทันที นี่คือเหตุว่าทำไมมีคนต้องการสลายพวกเรา มีคำแนะนำมาตลอดว่าให้การชุมนุมเลิกได้แล้ว ชุมนุมแค่เสาร์-อาทิตย์ก็พอ เดี๋ยวประชาชนจะเหนื่อยล้า บางคนพูดด้วยความหวังดีว่าน่าจะพอ เอาแค่เสาร์-อาทิตย์ ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวฟังผมก่อน ถ้าพี่น้องไม่ยืนอยู่ข้างหลัง 5 แกนนำแล้ว อย่าว่าแต่ประชุมเสาร์-อาทิตย์เลย แค่ชั่วโมงเดียวก็ชุมนุมไม่ได้
“เพราะฉะนั้น 5 แกนนำจะทำอะไรต้องถามประชาชนก่อน อย่างวันอังคารนี้ ถ้าพ่อแม่พี่น้องไม่ไป ก็ไม่ไป แต่ถ้าไป ก็ไปกันให้เยอะๆ ใจของพวกเราแกร่งกว่าเพชร แกร่งกว่าพลเอกเสียอีก เพราะเราเอาชาติ ศาสน์ กษัตริย์มาก่อน ไปๆ มาๆ กลายเป็นพวกเราเท่านั้นที่มาปกป้อง คนอื่นปกป้องด้วยปาก ด้วยวิวาทะ ทหารบางคนบอกว่าพร้อมตายเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็แค่โม้ คนบางคนโดนพวกเรารุกเรื่องที่มีการจ้องทำลายสถาบันอย่างหนัก ก็ไปพบนายกฯ บอกว่าเอาจักรภพออกคนเดียวเรื่องก็จบ คนที่พูดเป็นพลเอกนะ”
นายสนธิ กล่าวอีกว่า นึกไม่ถึงว่ายุคนี้ทหารจะเล่นการเมืองหนักขนาดนี้ และขอเตือน พล.อ.อนุพงษ์ ว่ายิ่งรับใช้นายสมัคร ก็เหมือนรับใช้นายเนวิน ชิดชอบ เพราะนายสมัครกับนายเนวินจับมือกันอยู่ตอนนี้ คนพวกนี้ไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าล็อกทหารไว้ในมือ ทหารอยากจะซื้ออาวุธกินคอมมิชชั่นก็ให้ชื้อ อย่างรถเกราะล้อยางจากยูเครน 3,800 ล้าน ในหลวงเคยตรัสไว้ว่ารถถังยูเครนไม่ควรซื้อ เพราะมันล้าสมัย ถ้าคุณจงรักภักดีจริง คุณต้องไม่ซื้อ แล้วทำไมคุณจึงซื้อ
“อยากบอกไปถึงคนที่มียศ มีตำแหน่งสูงๆ ว่า มันเป็นแค่สมมุติ คนอย่าง พล.อ.สุจินดา คราประยูร ตอนนี้ก็กลายเป็นแค่คนที่ไร้สาระที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เห็นคนที่ลุ่มหลงหมกมุ่นกับหัวโขแล้ว อยากจะบอกว่าวันหนึ่งเมื่อหัวโขนคุณโดนถอด คุณจะสู้ป้าแก่ๆ ที่มาชุมนุมที่นี่ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว คนที่ช่วยชาติขณะนี้ ไม่ใช่คนในเครื่องแบบ ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ข้าราชการ แต่เป็นประชาชนที่นั่งอยู่ตรงนี้ และที่ดูเอเอสทีวีอยู่ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นสถานภาพของพี่น้องจึงสูงส่งมาก แต่พี่น้องไม่รู้ตัวเอง” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวอย่างมีนัยว่า วันนี้เป็นวันที่ 17 เป็นวันที่เริ่มต้นที่เทวดามาครบ 5 พระองค์ จึงไม่รู้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนจะเกิดอะไร แต่เกิดขึ้นแน่ๆ และวันนี้เป็นอีกวันอาทิตย์ที่เวียนกลับมาบรรจบ แต่อย่าไปสนใจว่าเป็นวันอะไร มันเป็นแค่อีกวันหนึ่งที่เราต้องสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ
“ผมจะมีอารมณ์เสมอเวลามีคนถามว่าจะต้องสู้ไปอีกกี่วัน ผมบอกว่าถ้ารักจะคุยกับผมอย่าถามคำนี้กับผม จะสู้กี่วันก็ช่างมัน วันอังคารนี้ เราต้องแสดงให้สังคมไทยได้เห็นจริงๆ ว่าเรารู้สึกยังไงกับเรื่องการหนีอาญาแผ่นดินของคุณทักษิณและภรรยา ต้องแสดงให้เห็น ให้ยิ่งใหญ่ ให้ฝรั่งตกใจว่าคุณทักษิณมีคนเกลียกเยอะถึงขนาดนี้เชียวหรือ
“หมดคุณทักษิณ เรายังมีคุณสมัครและพรรคพวก อย่าไปกังวลใจครับพี่น้อง สมัครนั้นไม่ใช่ช้าง ไม่ใช่เสืออะไร อึ่งอ่าง ยังไม่ทันไล่ไปเลย ท้องจะแตกตายเสียก่อน” นายสนธิกล่าว
