ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (13 พ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เรื่องการป้องกันและปราบปรามเหตุความรุนแรง และการดูแลความสงบเรียบร้อยว่า ไม่อยากรอให้ถึงสัปดาห์หน้าที่นายกรัฐมนตรีจะมาตอบกระทู้ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์การขว้างระเบิด และการใช้อาวุธร้ายแรง ในเขตกทม.อีก ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีการจับกุมผู้กระทำ นอกจากนี้ เหตุการณ์ความรุนแรงมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอีก ตนอยากถามว่ารัฐบาลมีนโยบายและการปฏิบัติกับการใช้อาวุธหรือไม่ อย่างไร
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมช.มหาดไทยได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้มาตอบแทนว่า ที่นายองอาจได้ถามว่า กทม.มีเหตุการณ์ความรุนแรง และมีการใช้ระเบิดและอาวุธร้ายแรง ทางรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม มีมาตรการที่เตรียการป้องกันเหตุอย่างไรนั้น ขอเรียนว่า มีการตั้งจุดตรวจค้น ผู้ต้องสงสัยตามพื้นที่ต่างๆ ร่วมกับฝ่ายทหารบริเวณที่คาดว่าจะมีการวางระเบิด เช่น บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล แยกพระบรมรูปทรงม้า สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยก จปร. แยกนางเลิ้ง ซึ่งก็ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนช่วยสอดส่องบุคคล ผู้ต้องสงสัย แจ้งข้อมูลทางเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบและจับกุม
ส่วนเรื่องการสอบสวน หาข่าว ทุกหน่วยด้านการข่าวทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน ทางกลาโหมได้ติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้ รัฐบาลก็เอาใจใส่เรื่องนี้อยู่
นายองอาจ แย้งว่า สิ่งที่พูดคือ มาตรการทั่วไปธรรมดา การตั้งด่านตรวจ บอกให้ประชาชนช่วยเฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา เราได้ยินมาตลอดชีวิต ไม่ใช่หน้าที่ประชาชนที่ต้องทำ แต่เป็นภาระของรัฐบาล ขณะนี้สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในภาะปกติที่จะใช้มาตรการแบบปกติ เท่าที่ฟังใช้แต่มาตรการปกติ ตนจึงไม่มั่นใจว่าความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นใน กทม. จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ทั้งนี้ ตนได้รวบรวมสถิติ 1 เดือนหลังวันที่ 7 ต.ค. ที่มีการปิดล้อมสภา ตั้งแต่ 8 ต.ค.จนถึงเมื่อวานนี้เวลา 01.45 น. เพียง 1 เดือน มีเหตุเกี่ยวกับอาวุธต่างๆ ทั้งหมด 21 กรณี บาดเจ็บทั้งสาหัสและไม่สาหัส ล่าสุด ก็เกิดเหตุระเบิดที่ชุมชนคลองเตย ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน นี่หรือคือสิ่งที่นายกฯ บอกมีนโยบาย และมาตรการต่างๆ มากมาย ที่ถามเรื่องนี้เพราะความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธนำไปสู่การสูญเสียชีวิตก่อนถึงวัยอันควร
ไม่ว่าใครจะสวมเสื้อสีอะไรก็ตาม ทั้งสีแดง สีเหลือง มีความเห็นทางการเมือง แตกต่างกันอย่างไร มีอุดมการณ์หรือไม่มีอุดมการณ์ เมื่อมาร่วมในการมีส่วนร่วม ทางการเมืองในรูปแบบใดก็ตาม เพียงแค่มีผลประโยชน์แตกต่างกัน ที่ตลาดคลองเตย มีการปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมที่คัดค้านการเข้ามาของบริษัทใหม่ แต่ปรากฏว่าประเทศนี้เมื่อคนเห็นต่างกัน ผลประโยชน์ต่างกัน แทนที่จะตัดสินปัญหาด้วยสติปัญญา กลับให้มีการใช้อาวุธร้ายแรง รัฐบาลปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ไหนบอกว่า มีแนวทางต่างๆ มากมาย กล้าบอกหรือไม่ว่าประสบความสำเร็จและทำเต็มที่แล้ว แต่รัฐบาลล้มเหลวในการป้องกันปราบปรามการใช้อาวุธต่างๆ ในชาติบ้านเมือง
นายองอาจ กล่าวว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนวิตกว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นหลัง วันที่19 พ.ย. เพราะมีทั้งคนในเครื่องแบบ คนในรัฐบาล และนายกฯ เอง ออกมาพูด นอกจากนี้ ตนไปดูในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มีเนื้อหาว่า สมชายเชื่อมีคนขนอาวุธ เตรียมก่อเหตุ คุ้มกันพิเศษเขตชั้นในรอบตำหนักจิตรลดา ทำให้ตนตกใจและไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ คนของรัฐบาลคนหนึ่งบอกว่าได้รับข่าวจากหน่วยข่าวกรองว่าวันที่ 16 พ.ย.จะมีการก่อวินาศกรรมหลายพื้นที่ในเขตกทม. ขนาดนายกฯ ยังเชื่อว่าจะมีการขนอาวุธเพื่อเข้ามาก่อเหตุ ต้องมีการคุ้มกันพิเศษเขตชั้นใน ตนอยากถามว่า 1.ได้ตรวจสอบจากคนที่สังกัดในรัฐบาลหรือไม่ว่ามีข้อมูลการข่าวอย่างไร และเตรียมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอย่างไร นอกจากนี้ ใครเป็นคนขนอาวุธ ขนมาจากไหน ไปทำอะไรที่ไหน และถ้ารู้แล้วรัฐบาลจะทำอะไรกับคนขนอาวุธเหล่านั้น หรือเพราะคนขนอาวุธเป็นคนในเครื่องแบบ เป็นคนที่รัฐบาลไม่อยากจัดการ
รมช.มหาดไทย ตอบว่า เรื่องนี้รัฐบาลพยายามสืบในทางลับ เพราะเป็นความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลก็เป็นห่วง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในกทม.และต่างจังหวัด รัฐบาลพยายามกำชับไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ความมั่นคง เรากำลังสืบทางลับอยู่ ส่วนที่นายกฯ บอกว่าจะมีการขนอาวุธหลัง 16 พ.ย.นั้น เรื่องนี้ที่เป็นข่าวในเว็บไซต์จะใช่เรื่องจริงหรือไม่ ทางรัฐบาลก็จะไปตรวจสอบ ทั้งนี้ หากนายกฯ กลับมาตนจะกราบเรียนนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคืนที่เกิดเหตุปาระเบิดแถวตลาดคลอยเตยนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจของแม่ค้า พ่อค้ามากกว่า
นายองอาจ กล่าวว่า ตนตั้งกระทู้ถามเพราะไม่อยากเห็นคนไทย ต้องเสียชีวิต ไม่ว่าจะคิดต่างกันขนาดไหน วันหนึ่งอาจคิดตรงกันหากรัฐบาลป้องกันไม่ให้เกิดการ เสียชีวิต หรือพิการ ทั้งนี้ คนในรัฐบาลนี้หลายคนเมื่อ 20-30 ปีก่อน ก็เห็นต่างกัน แต่ขณะนี้ก็มานั่งร่วมรัฐบาลได้ เราจะคิดต่างไม่เป็นไรแต่รัฐบาล มีหน้าที่ต้องช่วย ทำให้การใช้อาวุธไม่ว่าชนิดใดก็ตามต้องไม่สามารถนำมาใช้ก่อความรุนแรงได้ แต่คนของรัฐบาลเองมีชื่อเสียงชัดเจนบอกได้อย่างไรว่า จะมีการก่อวินาศกรรมใน กทม. ถ้ารู้แล้วรัฐบาลต้องป้องกันและแก้ไข ตนขอให้มีการประชุมลับ พราะอยากฟังว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันจริงหรือไม่ และอยากจะถามว่า รัฐบาลจะยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่มีการปล่อยให้ใช้อาวุธร้ายแรงในกทม.อีกอย่างที่คาดการณ์กันจากเจ้าหน้าที่และคนของรัฐบาล
นายปรีชา กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้ระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนชาว กทม.และต่างจังหวัด ทางรัฐบาลได้เอาใจใส่ และเตรียมการอยู่แล้ว รัฐบาล ได้เตรียมการบริเวณที่มีจุดเสี่ยงที่คาดว่าจะมีการวางระเบิดหรือก่อเหตุร้าย ซึ่งได้สั่งการ และกำชับให้ดูจุดเสี่ยงภัยรอบทำเนียบฯ และจุดต่างๆ ที่ได้รับรายงาน ได้กำชับตำรวจ ทหาร ส่วนที่ขอให้ประชุมลับนั้น ในโอกาสต่อไปนายกฯ ก็ยืนยันแล้วว่าจะมาตอบ แต่วันนี้ท่านติดราชการไปประชุมที่อินเดีย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร และหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ ให้สัมภาณณ์ถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ออกมาระบุว่า หลังวันที่ 19 พ.ย.นี้ จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอีกครั้งว่า รัฐบาลมีหน้าที่ป้องกันหากนายกฯ ทราบก็ต้องยิ่งหามาตรการป้องกันให้ดีที่สุด และย้อนกลับไปดูต้นเหตุ เพราะได้เตือนมาตลอดว่า สถานการณ์การเมืองไม่น่าว่างใจ ตราบใดที่ความขัดแย้งยังเป็นเช่นนี้ ซึ่งตนก็เป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น และอาจทำให้ประชาชนตื่นตระหนกกับสิ่งที่นายกฯพูดได้
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมช.มหาดไทยได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้มาตอบแทนว่า ที่นายองอาจได้ถามว่า กทม.มีเหตุการณ์ความรุนแรง และมีการใช้ระเบิดและอาวุธร้ายแรง ทางรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม มีมาตรการที่เตรียการป้องกันเหตุอย่างไรนั้น ขอเรียนว่า มีการตั้งจุดตรวจค้น ผู้ต้องสงสัยตามพื้นที่ต่างๆ ร่วมกับฝ่ายทหารบริเวณที่คาดว่าจะมีการวางระเบิด เช่น บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล แยกพระบรมรูปทรงม้า สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยก จปร. แยกนางเลิ้ง ซึ่งก็ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนช่วยสอดส่องบุคคล ผู้ต้องสงสัย แจ้งข้อมูลทางเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบและจับกุม
ส่วนเรื่องการสอบสวน หาข่าว ทุกหน่วยด้านการข่าวทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน ทางกลาโหมได้ติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้ รัฐบาลก็เอาใจใส่เรื่องนี้อยู่
นายองอาจ แย้งว่า สิ่งที่พูดคือ มาตรการทั่วไปธรรมดา การตั้งด่านตรวจ บอกให้ประชาชนช่วยเฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา เราได้ยินมาตลอดชีวิต ไม่ใช่หน้าที่ประชาชนที่ต้องทำ แต่เป็นภาระของรัฐบาล ขณะนี้สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในภาะปกติที่จะใช้มาตรการแบบปกติ เท่าที่ฟังใช้แต่มาตรการปกติ ตนจึงไม่มั่นใจว่าความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นใน กทม. จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ทั้งนี้ ตนได้รวบรวมสถิติ 1 เดือนหลังวันที่ 7 ต.ค. ที่มีการปิดล้อมสภา ตั้งแต่ 8 ต.ค.จนถึงเมื่อวานนี้เวลา 01.45 น. เพียง 1 เดือน มีเหตุเกี่ยวกับอาวุธต่างๆ ทั้งหมด 21 กรณี บาดเจ็บทั้งสาหัสและไม่สาหัส ล่าสุด ก็เกิดเหตุระเบิดที่ชุมชนคลองเตย ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน นี่หรือคือสิ่งที่นายกฯ บอกมีนโยบาย และมาตรการต่างๆ มากมาย ที่ถามเรื่องนี้เพราะความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธนำไปสู่การสูญเสียชีวิตก่อนถึงวัยอันควร
ไม่ว่าใครจะสวมเสื้อสีอะไรก็ตาม ทั้งสีแดง สีเหลือง มีความเห็นทางการเมือง แตกต่างกันอย่างไร มีอุดมการณ์หรือไม่มีอุดมการณ์ เมื่อมาร่วมในการมีส่วนร่วม ทางการเมืองในรูปแบบใดก็ตาม เพียงแค่มีผลประโยชน์แตกต่างกัน ที่ตลาดคลองเตย มีการปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมที่คัดค้านการเข้ามาของบริษัทใหม่ แต่ปรากฏว่าประเทศนี้เมื่อคนเห็นต่างกัน ผลประโยชน์ต่างกัน แทนที่จะตัดสินปัญหาด้วยสติปัญญา กลับให้มีการใช้อาวุธร้ายแรง รัฐบาลปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ไหนบอกว่า มีแนวทางต่างๆ มากมาย กล้าบอกหรือไม่ว่าประสบความสำเร็จและทำเต็มที่แล้ว แต่รัฐบาลล้มเหลวในการป้องกันปราบปรามการใช้อาวุธต่างๆ ในชาติบ้านเมือง
นายองอาจ กล่าวว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนวิตกว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นหลัง วันที่19 พ.ย. เพราะมีทั้งคนในเครื่องแบบ คนในรัฐบาล และนายกฯ เอง ออกมาพูด นอกจากนี้ ตนไปดูในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มีเนื้อหาว่า สมชายเชื่อมีคนขนอาวุธ เตรียมก่อเหตุ คุ้มกันพิเศษเขตชั้นในรอบตำหนักจิตรลดา ทำให้ตนตกใจและไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ คนของรัฐบาลคนหนึ่งบอกว่าได้รับข่าวจากหน่วยข่าวกรองว่าวันที่ 16 พ.ย.จะมีการก่อวินาศกรรมหลายพื้นที่ในเขตกทม. ขนาดนายกฯ ยังเชื่อว่าจะมีการขนอาวุธเพื่อเข้ามาก่อเหตุ ต้องมีการคุ้มกันพิเศษเขตชั้นใน ตนอยากถามว่า 1.ได้ตรวจสอบจากคนที่สังกัดในรัฐบาลหรือไม่ว่ามีข้อมูลการข่าวอย่างไร และเตรียมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอย่างไร นอกจากนี้ ใครเป็นคนขนอาวุธ ขนมาจากไหน ไปทำอะไรที่ไหน และถ้ารู้แล้วรัฐบาลจะทำอะไรกับคนขนอาวุธเหล่านั้น หรือเพราะคนขนอาวุธเป็นคนในเครื่องแบบ เป็นคนที่รัฐบาลไม่อยากจัดการ
รมช.มหาดไทย ตอบว่า เรื่องนี้รัฐบาลพยายามสืบในทางลับ เพราะเป็นความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลก็เป็นห่วง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในกทม.และต่างจังหวัด รัฐบาลพยายามกำชับไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ความมั่นคง เรากำลังสืบทางลับอยู่ ส่วนที่นายกฯ บอกว่าจะมีการขนอาวุธหลัง 16 พ.ย.นั้น เรื่องนี้ที่เป็นข่าวในเว็บไซต์จะใช่เรื่องจริงหรือไม่ ทางรัฐบาลก็จะไปตรวจสอบ ทั้งนี้ หากนายกฯ กลับมาตนจะกราบเรียนนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคืนที่เกิดเหตุปาระเบิดแถวตลาดคลอยเตยนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจของแม่ค้า พ่อค้ามากกว่า
นายองอาจ กล่าวว่า ตนตั้งกระทู้ถามเพราะไม่อยากเห็นคนไทย ต้องเสียชีวิต ไม่ว่าจะคิดต่างกันขนาดไหน วันหนึ่งอาจคิดตรงกันหากรัฐบาลป้องกันไม่ให้เกิดการ เสียชีวิต หรือพิการ ทั้งนี้ คนในรัฐบาลนี้หลายคนเมื่อ 20-30 ปีก่อน ก็เห็นต่างกัน แต่ขณะนี้ก็มานั่งร่วมรัฐบาลได้ เราจะคิดต่างไม่เป็นไรแต่รัฐบาล มีหน้าที่ต้องช่วย ทำให้การใช้อาวุธไม่ว่าชนิดใดก็ตามต้องไม่สามารถนำมาใช้ก่อความรุนแรงได้ แต่คนของรัฐบาลเองมีชื่อเสียงชัดเจนบอกได้อย่างไรว่า จะมีการก่อวินาศกรรมใน กทม. ถ้ารู้แล้วรัฐบาลต้องป้องกันและแก้ไข ตนขอให้มีการประชุมลับ พราะอยากฟังว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันจริงหรือไม่ และอยากจะถามว่า รัฐบาลจะยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่มีการปล่อยให้ใช้อาวุธร้ายแรงในกทม.อีกอย่างที่คาดการณ์กันจากเจ้าหน้าที่และคนของรัฐบาล
นายปรีชา กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้ระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนชาว กทม.และต่างจังหวัด ทางรัฐบาลได้เอาใจใส่ และเตรียมการอยู่แล้ว รัฐบาล ได้เตรียมการบริเวณที่มีจุดเสี่ยงที่คาดว่าจะมีการวางระเบิดหรือก่อเหตุร้าย ซึ่งได้สั่งการ และกำชับให้ดูจุดเสี่ยงภัยรอบทำเนียบฯ และจุดต่างๆ ที่ได้รับรายงาน ได้กำชับตำรวจ ทหาร ส่วนที่ขอให้ประชุมลับนั้น ในโอกาสต่อไปนายกฯ ก็ยืนยันแล้วว่าจะมาตอบ แต่วันนี้ท่านติดราชการไปประชุมที่อินเดีย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร และหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ ให้สัมภาณณ์ถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ออกมาระบุว่า หลังวันที่ 19 พ.ย.นี้ จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอีกครั้งว่า รัฐบาลมีหน้าที่ป้องกันหากนายกฯ ทราบก็ต้องยิ่งหามาตรการป้องกันให้ดีที่สุด และย้อนกลับไปดูต้นเหตุ เพราะได้เตือนมาตลอดว่า สถานการณ์การเมืองไม่น่าว่างใจ ตราบใดที่ความขัดแย้งยังเป็นเช่นนี้ ซึ่งตนก็เป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น และอาจทำให้ประชาชนตื่นตระหนกกับสิ่งที่นายกฯพูดได้
