“สุริยะใส” เชื่อ เหตุบึ้ม 3 จุด รัฐบาลตัวการก่อความรุนแรง หวังผลทางการเมือง ยันมือระเบิดเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่แก๊งข้างถนน เผยอาจปิดการสัญจรสนามม้านางเลิ้ง-หน้าวัดมกุฏกษัตริย์ ช่วงกลางวัน คุมเข้มความปลอดภัย หลังมีข่าวฝ่ายตรงข้ามเตรียมก่อเหตุซ้ำ ยันไม่ออกจากที่ตั้ง แต่ขอใช้สิทธิป้องกันตัวเองเต็มที่
วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 19.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงสถานการณ์ที่มีการเขวี้ยงระเบิดเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน ว่า เหตุการณ์เมื่อคืนนี้เกิดพร้อมกัน 3 จุด คือ ที่บ้านของ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่สะพานมัฆวาน และที่แยกสวนมิสกวัน ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่สะพานมัฆวาน ยังไม่รู้สึกตัว คือ นายเสถียร ทับมะลิผล ซึ่ง นายเสถียร ได้ดู vcd “ตำรวจฆ่าประชาชน” แล้วรู้สึกรับไม่ได้ว่าตำรวจได้สร้างความรุนแรงกับประชาชน จึงมาสมัครเป็นการ์ดอาสาและเป็นวันแรก โดยกำลังรอรับบัตรการ์ดอาสาอยู่ แต่ก็ได้มาประสบกับเหตุเสียก่อน
นายสุริยะใส ยืนยันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น 3 จุดนั้น มาจากกลุ่มเดียวกัน และเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะที่สะพานมัฆวาน มีชายฉกรรจ์ได้นั่งมอเตอร์ไซค์มาชะลอจอดและดับเครื่อง ก่อนจะเดินมาปาระเบิด แล้วรีบขึ้นรถออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหน่วยไล่ติดตามของพันธมิตรฯ ก็ตามไม่ทัน จากนั้นประมาณ 10 นาที ก็มีการปะทะกันที่สวนมิสกวันอีก ทั้งนี้ ยืนยันว่า เราไม่ได้เป็นฝ่ายก่อความรุนแรงก่อน แต่ใช้หลักการป้องกันตัว ที่บริเวณแยกมิสกวัน อาจมีเสียงปืนกันบ้างก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัว เพราะเราจะไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในที่ชุมนุม และมาทำร้ายผู้ร่วมชุมนุมได้แม้แต่ตารางนิ้วเดียว
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการสัญจร จากนี้ไปคงต้องขออภัยทุกฝ่าย โดยที่บริเวณสนามม้านางเลิ้ง หน้าวัดมกุฏกษัตริยาราม เราจำเป็นต้องปิดการจราจรทั้งคืน อาจจะเปิดเฉพาะเวลากลางวัน เนื่องจากวันนี้ได้ทราบข่าวมาว่า มีการก่อการแบบเมื่อคืนอีก เพราะเป้าหมายไม่ใช่แค่เพียงพันธมิตรฯ แต่รวมถึงฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มอื่นๆ ด้วย ซึ่งวิธีการแบบนี้เป็นความรุนแรงที่ออกแบบโดยอำนาจรัฐ ไม่ใช่มือที่ 3 หรือแก๊งข้างถนน ทั้งนี้ เท่าที่สอบถามจากตำรวจนครบาล ก็ยังไม่สามารถจับมือใครดมได้ จึงขอประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำที่รัฐบาลมีส่วนร่วม เพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องการสร้างสถานการณ์และข่มขวัญ ทั้งนี้ ตำรวจนครบาลเองก็แถลงว่าระเบิดที่ใช้นั้นเป็นระเบิด M78 จึงไม่ใช่การสร้างสถานการณ์แต่เป็นการมุ่งเอาชีวิต
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ตนได้คุยกับการ์ดอาสาทุกจุด โดยการ์ดอาสาได้วิเคราะห์กันว่าสถานการณ์ขณะนี้ เป็นเหมือนกึ่งสงคราม เพราะมีการก่อกวนมานาน แต่เพิ่งมาปฏิบัติการเมื่อคืนนี้ ดังนั้น สื่อมวลชนเองต้องระวังตัวด้วย และตนยังทราบด้วยว่า มีการขนอาวุธหนักมาบางส่วน และมีการเคลื่อนไหวของตำรวจป่าไม้ ยืนยันว่า เราจะอยู่ในที่ตั้งและใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัว ส่วนอาวุธนั้นอาจจะใช้เป็นปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งจะต้องขออนุญาตทางแกนนำก่อน โดยจะต้องดูความรุนแรงของฝั่งตรงข้ามด้วย แต่คงไม่ถึงขั้นถือระเบิดเขวี้ยงแลกกัน ดังนั้นหากไม่มาหาเรื่องเรา ความรุนแรงก็จะไม่เกิด ส่วนการดำเนินคดีนั้น ขณะนี้เราได้เบาะแสบางอย่างแต่ยังไม่ขอพูด เพราะอาจทำให้เสียรูปคดีได้ แต่จะแจ้งตำรวจให้ทราบต่อไป เพราะการ์ดของเราบางคนที่ไหวตัวทันได้เห็นหน้าของชายฉกรรจ์ที่เขวี้ยงระเบิด ซึ่งขณะนี้กำลังสเกตช์ภาพกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เรียกร้องให้รัฐบาลล้างไพ่ และตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า น่าคิด แต่คงไม่เพียงพอ เพราะวิกฤตครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี และสังคมยังมองว่า เป็นนอมินี ไม่มีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ 7 ต.ค.แม้เปลี่ยน ครม.ใหม่ ก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้ และไม่เชื่อว่า จะได้ ครม.น้ำดีมาเสริมได้ ยกเว้นนายกฯ ต้องลาออก
เมื่อถามว่า กลุ่มที่มาขว้างระเบิดเป็นมืออาชีพหรือเป็นคนในเครื่องแบบหรือไม่ นายสุริยะใสกล่าวว่า ตนไม่อยากบอกว่าเป็นฝ่ายไหนทั้งสิ้น แต่ชายฉกรรจ์คนดังกล่าวสวมใส่แจ๊กเก็ตเหมือนตำรวจ ทหาร และเป็นมืออาชีพ จึงไม่รู้สึกสะทกสะท้านหากเป็นคนธรรมดา ก็คงมาตะโกนด่าทอและจึงขว้างระเบิดเข้ามา จากนั้นก็คงรีบร้อนขี่มอเตอร์ไซค์หนีออกไป แล้วก็ไปล้มอยู่ตรงไหนก็ได้ อย่างไรก็ตาม เวลา 20.00 น.ตนจะนำผลการประชุมจากการ์ดทุกจุดเข้าหารือกับแกนนำเพื่อรายงานแผนปฏิบัติการให้กับแกนนำรุ่น 1 และ 2 ทราบ แต่คงบอกรายละเอียดไม่ได้ ตนยืนยันว่า เราพร้อมรับทุกสถานการณ์ แม้จะเป็นขั้นร้ายแรงที่สุด เพราะ พันธมิตรฯวันนี้ ผู้ชุมนุมกลัวจนกล้าแล้ว ดังนั้น การกล่าวข่มขวัญจึงไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าหากคนของเรามาเยอะ พวกที่จะเคลื่อนพลมาในวันที่ 1 ก็อาจจะต้องคิดใหม่ แต่เชื่อว่า คงใช้มืออาชีพมากกว่าที่จะเป็นมวลชน และถ้าคนของเขาเป็นหมื่นเขาคงคุมไม่อยู่ และแกนนำเขาก็จะหนีก่อน คนที่เจ็บหรือตายก็คือชาวบ้าน ดังนั้น หากคิดไปในทางที่ไม่ดีก็อยากให้ทบทวนใหม่ เพราะไม่ใช่ความสุข ความสนุก แต่เป็นความสูญเสีย เราคนไทยด้วยกัน ถ้าจะทำสงครามก็ขอให้เป็นสงครามสัญจรจะที่เอาความจริงมาสู้กัน
ด้าน นายวสันต์ วาณิช แกนนำกลุ่มเยาวชนพันธมิตรกู้ชาติ หรือ Young PAD กล่าวว่า ในวันที่ 1 พ.ย.ที่จะมีรวมพลใหญ่ของ นปช.กลุ่มของเราจะมีนักศึกษาจากต่างจังหวัด และช่างกล มาเป็นแนวร่วมในการป้องกันประชาชน โดยเบื้องต้นมีประมาณ 1 พันคน โดยได้นัดกันเวลา 12.00 น.ที่บริเวณสะพานมัฆวาน และอาจจะเคลื่อนไปจุดที่ชุมนุมด้วย