xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.อนันต์” ผ่าแผน “แม้ว” ร่อนแถลงการณ์จงใจเยาะเย้ยศาล!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
“ดร.อนันต์” ผ่าแผน “แม้ว” ร่อนแถลงการณ์จงใจเยาะเย้ยศาล เปรียบเมือนกระทำชำเราหญิงแล้วขอโทษ อัดซ้ำ “ทักษิณ” ไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองว่าเคยทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ ด้าน “เจิมศักดิ์” ตอก“อดีตผู้นำ” ปากบอกรักประเทศไทย แต่กลับไปยกย่องประชาธิปไตยอังกฤษ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย" 

วานนี้ (16 ส.ค.) ในช่วงรู้ทันประเทศไทย ดำเนินรายการโดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ นายสันติสุข มะโรงศรี โดยได้เชิญวิทยากรมาร่วมรายการ คือ ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยกล่าวถึงกรณีที่อดีตผู้นำไทยหลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษว่า ตามธรรมเนียมไทย หากจะไปต้องลาจะมาต้องไหว้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เวลากลับประเทศไทยก็ก้มลงกราบพื้น แต่เวลาไปกลับไม่ร่ำรา เช่นเดียวกับกรณีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งตอนกลับประเทศไทยไปไหว้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่พอตอนไปกลับไม่ไปลา พล.อ.เปรม

“ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าที่ต้องไปอยู่ประเทศอังกฤษนั้น เป็นเพราะมีหลักการประชาธิปไตยมากกว่าประเทศไทย ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยย้ำตลอดเวลาว่า เขารักประเทศไทย ลูกผมถามถึงการชุมนุม ว่าทำไมคนถึงมากันเยอะ ผมจึงอุปมาอุปมัยว่า การชุมนุมก็เหมือนกับต้นไม้ประชาธิปไตย และที่คนมาห้อมล้อมดูแลกัน ก็เพราะไม่ต้องการให้ต้นไม้ประชาธิปไตยซึ่งเป็นของดีถูกตัด” นายเจิมศักดิ์ กล่าว

ด้าน ดร.อนันต์ กล่าวถึงแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีใจความระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ถ้อยความที่สุภาพมาก ซึ่งบ่อยครั้งที่มีการเขียนขออภัยด้วยถ้อยคำที่สุภาพจนเกินเหตุ นั่นหมายถึงตั้งใจที่จะเยาะเย้ย ประชด หรือจงใจเสียดสี แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น เปรียบเสมือนกรณีที่มีการกระทำชำเราผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วทิ้งจดหมายน้อยขอโทษ อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล้าทิ้งเงิน 12 ล้านบาท เพราะเป็นเงินจำนวนน้อยนิดสำหรับเขา

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ถูกกลั่นแกล้งโดยถูกกรรมการในองค์กรต่างๆ ให้ดำเนินการนั้น ดร.อานันต์ วิเคราะห์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดอยู่ตลอดเวลาว่า เขาถูกกลั่นแกล้งเพียงคนเดียว แต่เขาไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลยว่า เขาทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศ โดยไม่เคยมองสังคม และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อแผ่นดิน และถ้าเขารักประเทศไทยจริง แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวก็ไม่ควรเขียนขึ้นมา และควรที่จะต่อสู้คดีถาบริสุทธิ์จริง

“พรรคไทยรักไทยเป็นความภูมิใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งยังยอมรับว่า พรรคพลังประชาชนเกิดจากความภูมิใจของตัวเอง โดยการเลือกตั้งที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่มองว่าเขาเป็นฝ่ายถูก ซึ่งจริงๆ แล้วใครผิดถูกนั้นอยู่ที่สภา แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมองว่าเป็นพลังบริสุทธิ์ และโดนกลั่นแกล้ง ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า กรณีที่พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกเป็นรัฐบาล จนท้ายที่สุดเดินทางกลับประเทศนั้น เป็นเพราะเขามั่นใจว่าจะรอดพ้นคดี” ดร.อานันต์ ระบุ

ดร.อนันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ที่ระบุว่า ต้นเป็นพิษ ผลของมันจึงเป็นพิษ โดยย้ำว่ากระบวนการยุติธรรมที่ตัดสินนั้นถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมอย่างต่อเนื่องนั้น การเปรียบเทียบดังกล่าวมีชั้นเชิง แต่อาจารย์วิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ต้นไม้ส่วนใหญ่ออกผลมาจะไม่เป็นพิษ เพราะต้นไม้ต้องการขยายพันธุ์ ดังนั้น เมล็ดพันธุ์พืชส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีพิษ ซึ่งกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เปรียบเทียบนั้นก็เหมือนกับกรณีที่พรรคพลังประชาชนที่มาจากพรรคไทยรักไทยนั้น ก็เหมือนกับต้นไม้เป็นพิษ ผลของมันก็เป็นพิษด้วย

“เวลาคนใช้อุปมาอุปไมยเปรียบเปรย ให้เราตั้งสติ เพราะเขากำลังจะหลอกเรา ซึ่งเปรียบเสมือนกับดักทางภาษา เหมือนกับกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาทำงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งก็เหมือนกับเอาหมอมารักษาโรคเศรษฐกิจ นั่นคือวิธีการหลอกอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน ฉะนั้นนิ้วที่ไม่เท่ากันนั้น เพราะคนไม่ได้เกิดจากนิ้ว โดยเมื่อสมัยก่อนเหตุการณ์ตุลาฯ ก็ถูกรัฐบาลหลอกว่า ปัญหาบ้านเมืองเหมือนด้ายที่พันกัน ถ้ามัวแต่มาถามกัน ก็เหมือนกับต่างฝ่ายต่างดึง ทำให้การแก้ด้ายไม่สำเร็จ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่สามารถนำมาใช้ด้วยกันได้ ก็เหมือนกับพ่อเป็นโจร ลูกก็ต้องเป็นโจรด้วย ฉะนั้นตรรกะดังกล่าวจึงใช้ไม่ได้” ดร.อนันต์ กล่าว

ดร.อนันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนเชื่อมโยงของลูกไม้เป็นพิษนั้น สามารถใช้ได้บางกรณี แต่บางกรณีที่มีการใช้ตรรกะแบบฉ้อฉล คือ เอาหมอมารักษาโรคเศรษฐกิจ ส่วนกรณีที่ผลของต้นไม้เป็นพิษนั้น เพราะรัฐบาลเอาสารพิษไปโรยราดทุกวัน ทำให้ผลของต้นไม้ที่ออกมาเป็นพิษ เหมือนอย่างเช่น ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนข้อความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่องว่ารักประเทศชาติ เพราะเป็นผืนแผ่นดินที่ให้กำเนินนั้น เป็นเพียงข้ออ้างของนักการเมืองที่มีเล่ห์เหลี่ยม และฉ้อฉล ซึ่งทำลายระบบความน่าเชื่อถือของระบอบประชาธิปไตย และบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้เลย ถ้าอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ถูกครอบงำ โดยเฉพาะอำนาจตุลาการ ซึ่งขณะนี้แทรกแซงได้ยาก โดยจะเห็นได้จากทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาขนม 2 ล้านบาท ไปให้ศาล จนสุดท้ายถูกจับได้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงกล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง
กำลังโหลดความคิดเห็น