“สมเกียรติ” ยกคำเทศน์ “หลวงตาบัว” เรื่อง กรรมชั่วของ “เทวทัต” จนถูกธรณีสูบ มอบเป็นของขวัญวันเกิดแด่ “ทักษิณ” แฉแหลก “แม้ว” ใช้เงินฟาดหัว “ครู-หมอ-นักวิชาการ” ทั่วประเทศ หวังดึงเข้าพวกก่อนก่อตั้ง “พรรคไทยรักไทย” ปูดซ้ำใช้วิชามารหลอกเอา “ข้อมูลกลั่นกรอง” ไปขึ้นป้ายเป็นนโยบายหาเสียง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วันนี้ (27 ก.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เริ่มก่อตั้งพรรคการเมืองเพื่อครอบครองประเทศว่า เมื่อปี พ.ศ.2533-2534 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ชักชวนให้ตนไปร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง โดยเชิญให้ตนไปร่วมรับประทานอาหารด้วย แต่ด้วยความไม่แน่ใจ จึงไปถามราษฎรอาวุโส ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า คนๆ นี้เป็นคนรวยที่คบได้ จากนั้นตนจึงได้นำคณะกรรมการปลดเปลื้องหนี้สินไปด้วย โดยมีฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมแล้ว 4 คน คือ นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ นายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนคนที่มาสมทบในภายหลัง คือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
“วันนี้เป็นวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงต้องพูดถึงความสัมพันธ์ในอดีตครั้งที่เคยชักชวนให้ไปเล่นการเมือง โดยให้ไปเป็นกองเลขาฯ แต่ผมปฏิเสธ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งสหายจากหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นผู้หญิงมาชักชวนอีกครั้ง โดยมีการจัดประชุมอย่างเอกเกริก โดยเชิญครูทั้งภาคอีสาน รวมทั้งทั้งนกวิชาการ และประชาชนเข้าร่วมงาน อีกทั้งยังส่งนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ มาคุยกับผม ซึ่งพอฟังเสร็จแล้วก็เอาปัญหาของเกษตรกรไปกลั่นกรอง แล้วเอาไปขึ้นป้ายว่า “พักหนี้เกษตรกร 3 ปี” ทำให้เกษตรกรหลง พ.ต.ท.ทักษิณ” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอรกว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังส่งคนไปติดต่อหมอชนบทที่โคราช แล้วก็เอาความคิดของหมอไประดมความเห็นว่าจะรักษาพยาบาลให้กับชาวบ้านโดยไม่เสียเงินนั้น จะทำอย่างไร ซึ่งหมอระบุว่า จุดที่จะทำได้คือ 30 บาท จึงเอาไปเป็นนโยบายหาเสียง และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็นรัฐบาล แล้วไปประชุมที่ จ.ขอนแก่น ได้มีการเชิญตนไปปราศรัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังว่าปัญหาความยากจนของเกษตรกรมีอะไรบ้าง แต่ตนปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงไปซื้อครูเพื่อเอามาขย่มตน โดยให้เงิน 4 หมื่นบาทต่อเดือน และตอน พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งพรรคไทยรักไทยนั้น ผู้นำครูมาหาตน แล้วบอกว่าเมื่อ พอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชนะการเลือกตั้ง แล้วก็ถีบพวกเขาทิ้ง
“พอ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ก็มากล่าวหาว่าพวกผมเป็นนายหน้าค้าความจน ชอบเอาคนจนมาล้อมรัฐบาล จากนั้นจึงตัดเอ็นจีโอออก เพื่อที่จะติดต่อกับคนจนเองโดยไม่มีตัวกลาง คือ นักวิชาการ ดังนั้นผมจึงเอาประชาชนจากเขื่อนปากมูลมาล้อมทำเนียบรัฐบาล ในที่สุดก็ไปได้คนๆ หนึ่ง ซึ่งก็คือนายสมัคร สุนทรเวช มาสลายการชุมนุมตั้งแต่เช้า โดยใช้เทศกิจนับพันคนมารื้อที่พักของกลุ่มผู้ชุมนุม แล้วคุณจำ ด.ช.เปาโล ได้หรือไม่ ที่ก้มลงกราบแทบเท้านายสมัคร พร้อมร้องขอว่า ขอเราเถอะ แต่นายสมัครกลับระบุว่า “ไอ้หน้าหมา ไปเถอะ ไล่มันไป” ซึ่งตอนนี้ภาพดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โดยท้ายที่สุด ชาวบ้านขึ้นรถไฟกลับเอง โดยไม่แตะต้องเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ จำได้หรือไม่ว่า เคยชวนตนซึ่งเป็นอาจารย์ในขณะนั้นไปพบเพื่อจะเอาหน้า โดยให้ไปจัดตั้งนักวิชาการขึ้นมาพบ และถ้านักวิชาการคนไหนพูดเก่งๆ ก็ระบุว่าให้ตั้งงบมา แล้วจะจัดเงินให้หลายล้านบาท ซึ่งถือว่าจะปิดปากนักวิชาการ อีกทั้งยังด่าตน โดยระบุว่านายสมเกียรติไม่ค่อยชอบสอนหนังสือ ซึ่งวันนี้ตนพร้อมที่จะมาเอาคืนแล้ว เพราะตนไม่เคยก้มหัวให้ใคร
“เมื่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล ปะทะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2548 วันนี้วันที่ 9 ธ.ค.2548 ผมเห็นว่านายสนธิ ไม่น่ามีกำลังเพียงพอที่จะต่อกรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไปเข้าร่วมรายการชุมนุมที่สวนลุมพินี โดยนายสำราญ รอดเพชร ออกอาการดีใจว่าเห็นนายสมเกียรติมาร่วมชุมนุม หลังจากนั้นผมจึงไปประชุมกับนายสุวิทย์ วัดหนู แล้วในวันที่ 12 ม.ค.49 จึงได้ประกาศการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ขึ้นมาในวันนั้น จากนั้นโดยมีการติดต่อ พล.ต.จำลอง ครูทั่วประเทศ และกลุ่มเกษตรกรให้มาร่วมมือ นี่คือกำเนิดของกลุ่มพันธมิตรฯ” นายสมเกียรติ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า พล.ต.จำลอง กล้าหาญมาก เพราะมาร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ เอง ซึ่งเรามีความยินดี เนื่องจากชัยชนะกำลังจะตกเป็นของเราตั้งแต่วันนั้น ส่วน พล.ต.จำลองนั้น มีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึง 50 ส่วน โดยระบุว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็นนายกฯ ก็เหมือนเอายักษ์ออกจากขวด แต่วันนี้ต้องเอายักษ์กลับคืนขวด ส่วนเมื่อวันก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องร้องตนเป็นคดีที่ 9 เพราะคุณเป็นเดือดเป็นแค้นกรณีที่ตนเอาคำเทศน์ของหลวงตามหาบัวมาเผยแพร่ เรื่องมีคนมีอำนาจอยากเป็นประธานาธิบดี ซึ่งตนถูกฟ้องค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาท
“ดังนั้น วันนี้ผมจึงขอเอาคำเทศน์ของหลวงตามหาบัวมาอ่านให้ฟังกันอีกครั้ง เพราะจะได้ถูกฟ้องอีกสัก 1,000 ล้านบาท โดยคำเทศน์ของหลวงตามหาบัวนั้น เป็นคำเทศน์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง ผมเชิญ ส.ศิวลักษณ์ ออกมาขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คุณส่งคนเดือนตุลาฯ มาเกลี้ยกล่อมพวกผมว่าอย่าโจมตี เพราะจะสร้างชาติใหม่ แต่ตนปฏิเสธ โดยเฉพาะ ส.ศิวลักษณ์ เอาบทความที่วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นผู้นำที่เลวร้านที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ส.ศิวลักษณ์ ยังกล่าวในหนังสือซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่า “ถ้า ... อยู่ พระมหากษัตริย์จะอยู่ไม่ได้” คุณจำได้หรือไม่” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ฉะนั้น ขอนำคำเทศน์ของหลวงตามหาบัว เรื่องเทวทัตยังรู้โทษบางตอนมาเล่าให้ฟัง โดยมีใจความ คือ “มีคนมาฟ้องร้องเรามาว่า นายกฯ ... และรองนายกฯ... จะกินบ้าน กินเมือง มุ่งหวังเป็นประธานาธิบดี แต่เมืองไทยไม่เคยมี นั่นแหละที่จะเอาไฟเผาบ้านเผาเมือง จะเอาอำนาจบาตรหลวงมาบีบบังคับคนไทยทั้งชาติ นี่เราทราบมาเต็มหูเต็มตาของเรา พูดมันออกมาจากทุกมุมป่าเถื่อน พระมหากษัตริย์เหยียบลง ศาสนาเหยียบลง ชาติเหยียบลง ด้วยอำนาจป่าเถื่อนของคนไม่กี่คนในรัฐบาล เราทนไม่ไหว
ส่วนตอนที่ 4 ของคำเทศน์นั้น นายสมเกียรติ กล่าวถึงใจความว่า พวกหน่วยราชการทั้งหลาย เป็นพวกตัวเปรต และไม่เป็นสภา บังคบเหยียบหัวศาลเอาไว้ โดยบังคับศาลไม่ให้สอบ โดยให้ทำตามที่เขาต้องการ ดังนั้น วงรัฐบาลนี้คือเปรต ถ้าหลวงตาเป็นภัยเพราะพูดผิด ให้เอาคอไปตัด เรานำโลกมาแทบตาย มีความหวังต่อชาติ แล้วทำไมถึงมาทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กันต่อหน้า ทั้งๆ ที่เรากำลังอุ้มชาติบ้านเมืองอยู่ ความลงท้าย คือ เทวทัต ยังดีที่เห็นโทษ เห็นภัย แต่ความชั่วขอบตัวเอง เป็นไปเอง กรรม และจะเข้าไปหาพระพุทธเจ้าไม่ได้ เพราะจะถูกธรณีสูบ ถึงแม้ว่าจะมาขอขมาลาโทษต่อพระพุทธเจ้าแล้วก็ตาม แล้วเทวทัต ก็มาจริงๆ มาต่อหน้าพระพุทธเจ้า โดยหามเทวทัตมาลงที่สระอาบน้ำ แต่เทวทัตกลับจมลงในดิน พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรมของตัวเองทำก็ต้องรับไปเอง นี่คือของขวัญอันล้ำค่าของพระพุทธเจ้าที่เราจะมอบให้ในวันเกิดของท่านในวันนี้
“ผมไม่เคยรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่วันที่ผมกินอาหารของท่านก็ขอให้ผลบุญอันนี้ไปลดกรรมของท่านเพียงเล็กน้อย เมื่อ 3 วันก่อน ผมได้พูดถึงนักศึกษาที่เผาตัวเองประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณ จนตัวตายนั้น นำไปสู่การถกเถียงและความเศร้าสลดของคนที่เสียสละเพื่อชาติ และประชาชน จน 16 ปีให้หลัง พี่ชายของนักศึกษาที่เสียชีวิตได้เขียนจดหมายน้อยมาบอกว่า “ผมมาเป็นการ์ดพันธมิตรฯ นานแล้ว และขอขอบคุณมากที่ไม่ลืมน้องชายที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ” นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย