อนุกรรมการสอบสวนฯ กกต.ยึดแนวคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้ขาด “ยุทธตู้เย็น” ทุจริตเลือกตั้ง เสนอยุบพรรคพลังประชาชน ตามบรรทัดฐานที่เคยใช้กับ “มัชฌิมาฯ-ชาติไทย” เหตุคนทำผิดเป็นกรรมการบริหารพรรค ด้านเลขา กกต.เผย เรื่องถึงมือประธาน กกต.แล้ว เตรียมส่งอัยการเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดขั้นสุดท้ายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (14 ส.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่คณะอนุกรรมการพิจารณากรณียุบพรรคพลังประชาชน จะสรุปความเห็นก่อนเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยทำความเห็นนายทะเบียนพรรคการเมืองส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน เนื่องจากว่า การกระทำของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นการกระทำของกรรมการบริหารพรรค ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 103 วรรค 2 ถ้าปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้วมิได้ยับยั้ง หรือแก้ไขเพื่อให้เลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มา ซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องความเกี่ยวข้อง หรือความมีอำนาจในพรรคการเมืองแต่อย่างใด ดังนั้นกรณีดังกล่าวควรส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมืองเช่นเดียวกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ที่ กกต.ได้เคยวางบรรทัดฐานไว้แล้ว
นอกจากนี้ การพิจารณาถึงกรณีความเกี่ยวข้องระหว่างการกระทำทุจริตเลือกตั้งของ นายยงยุทธ รองหัวหน้าพรรคในขณะนั้น กับความรู้เห็นของพรรคการเมือง ศาลฎีกาก็ได้มีคำพิพากษาไว้ชัดเจนว่า การกระทำดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับพรรคและ ส่งผลประโยชน์ต่อพรรคอย่างชัดเจน ดังนั้น พรรคจึงต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำครั้งนี้ ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้เสนอเอกสารต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อไปประกอบการพิจารณา ซึ่งประกอบไปด้วย สำนวนใบแดงของ นายยงยุทธ ประกอบคำพิพากษาศาลฎีกา คำชี้แจงของนาย สมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรค และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่งอาจใช้เป็นหลักฐานในการส่งให้อัยการสูงสุดทำคำร้องส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชนต่อไป
ขณะที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากคณะอนุกรรมการ ว่า ที่ประชุมได้ข้อยุติแล้ว และคณะอนุกรรมการได้ส่งเอกสารโดยตรงต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองเรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อ กกต.ลงมติ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยทั้งนี้ก็จะขึ้นกับดุลพินิจของนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าจะมีความเห็นอย่างไร