“รองนายกฯ เบอร์ 1” สารภาพ “พลังแม้ว” ขัดแย้งจริง ภาพลักษณ์ไม่สวย เตรียมเจรจาแกนนำอีสานพัฒนาเคลียร์ใจอีกรอบ “เบรก” ยื่นข้อมูลแก๊งออฟโฟร์รับสินบน 10 ล้านบาทให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ปฏิเสธทันควันไม่เคยคุยเรื่องเห็บ-เหลือบรอบตัวแม้ว
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคแตกว่า ตอนนี้บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้น คิดว่าจะพยายามชักชวนผู้ใหญ่หรือคนในพรรคพูดคุยกันถามถึงปัญหาข้อมูลอะไรว่าเป็นอย่างไร เพื่อว่าจะได้ประสานงานทำความเข้าใจเพราะว่าเรื่องต่างๆ คิดว่าคนที่อยู่ในพรรคเดียวกันควรที่จะหารือกันในพรรคหาทางออกที่ดี จริงๆ แล้วสุดท้ายก็ไม่เป็นไร ก็ต้องจบเพราะเราต้องอยู่ด้วยกัน ยังไงก็คงแตกแยกไปไหนไม่ได้ ส่วนที่มีข่าวลือว่า ส.ส.จะไปตั้งพรรค จะย้ายพรรคคิดว่ายังไงทำไม่ได้ด้วยกฎหมายอยู่แล้ว และไม่ได้คิดทำเรื่องนั้น
“ฉะนั้น เรื่องข่าวคราวเรื่องอะไรต่ออะไร คนนั้นพูดอย่างนั้น คนนี้พูดอย่างนี้ แต่ผมคิดว่าในฐานะที่ตัวเองก็เป็นรองหัวหน้าพรรคนะครับก็คงจะต้องมาช่วยกันดูแลช่วยทำความเข้าใจ ช่วยกันหาข้อมูลแล้วก็ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็หารือกัน เป็นเรื่องธรรมดา” นายสมชาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนาจะยื่นข้อมูลของแก๊งออฟโฟร์ที่มีการทุจริตรับเงิน 10 ล้านบาทต่อ ป.ป.ช.เห็นด้วยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด คิดว่าเดี๋ยวขอคุยกัน เมื่อถามว่าคุยหมายถึงว่าจะพิจารณาว่าจะให้ยื่นหรือไม่ยื่นหรือว่าจะให้เรื่องจบภายในพรรค นายสมชายกล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า เปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องยื่นหรือไม่ยื่น แต่คุยกันว่ามีอะไรที่พอหารือพูดจาปราศัยกัน เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้องจะคุยแบบนี้ ไม่ได้คุยว่าจะยื่นหรือไม่ยื่น ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่รู้ข้อมูลอะไร
เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวคิดว่าควรจะยื่นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า พูดไม่ได้หรอกว่าควรยื่นหรือไม่ เพราะว่าไม่รู้ข้อมูล ดังนั้นขอให้ในพรรคทำความเข้าใจกันก่อนว่ามันมีอะไรเป็นอะไร บางทีเมื่อดูแล้วว่าอะไรเป็นอะไรทุกอย่างก็จบด้วยดี ฉะนั้นจะมาพูดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยคงไม่ได้
เมื่อถามว่า สังคมกำลังจับตาว่าจะเป็นมวยล้มหรือไม่ รองหัวหน้า พปช.กล่าวว่า ไม่ใช่มวยล้ม อย่างที่บอกคือต้องให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพของพรรค ไม่ใช่ล้มไม่ล้มเพราะเราอยู่พรรคเดียวกันก็ต้องคุยกัน
เมื่อถามว่าแม้จะมีข้อมูลว่ากระทำโดยมิชอบอย่างที่ ส.ส.ว่าจริงก็ไม่ยื่นตรวจสอบหรือ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่รู้ข้อมูลอย่าเพิ่งพูด พูดไม่ได้ ต้องคุยกันเพราะเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามย้ำว่าโดยหลักการถ้ามีข้อมูลจริงควรจะยื่นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวย้ำเช่นกันว่า ก็ยังไม่รู้ข้อมูล ดังนั้นจึงพูดไม่ได้ว่ายื่นหรือไม่ยื่น
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพรรคไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ ส.ส.แสดงหรือเปิดเผยข้อมูลหรือไม่เพราะมีการชิงปิดประชุมไปเสียก่อน นายสมชาย กล่าวว่า ตนเปิดอยู่แล้ว พอดีวันนั้นตนร่วมประชุมด้วยระยะหนึ่งครึ่งทางและมีราชการจึงรีบออกมาก่อน ตอนที่ปิดประชุมไม่ได้อยู่จึงไม่ได้รับทราบตรงนั้นว่าคุยอะไรกันไป อย่างไรก็ตามมีประธานการประชุมอยู่ซึ่งเป็นประธาน ส.ส.ไม่ใช่พวกรัฐมนตรี เมื่อถามว่าแล้วเรื่องนี้จะจบยังไงจะคุยกันยังไง นายสมชาย กล่าวยืนยันมั่นใจว่า “จบดีครับ” ส่วนจะจบเพราะการคุยกับแกนนำหรือไม่ก็ต้องรอคุยกัน
“ในพรรคอย่างผมเป็นรองหัวหน้าพรรค เราไม่ได้หมายความว่าเราสำคัญกว่าคนอื่นนะ แต่การมีตำแหน่งในพรรคเป็นเรื่องของภาระหน้าที่และการงานที่ต้องทำให้พรรคเดินไปได้ด้วยดี ซึ่งส.ส.ทุกคนในพรรคสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ใช่รองหัวหน้าพรรคสำคัญกว่าหรือคนอื่นสำคัญกว่า เพราะว่าทุกคนเราต้องให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรมาพูด โดยเราเคารพในเหตุผลในการรับฟังเขาทุกคน ผมเองด้วยซ้ำไปที่เป็นส.ส.ที่อาวุโสต่ำในพรรค แต่ว่าผมคิดว่าทุกคนช่วยกันได้มันก็ดี” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าสถานการณ์แบบนี้จะทำความเข้าใจพูดจากันได้ในพรรค จะไม่แตกแยกเป็น 2 ก๊กใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนมั่นใจ ส่วนแตกแยกทางความคิดนั้นได้ แต่สุดท้ายเราต้องรวมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อนำพาพรรคไปสู่อนาคตที่ดี
เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาเป็นคนส่วนน้อยที่ออกมาเพราะอกหักผิดหวังไม่ได้ตำแหน่งแต่อีกกลุ่มก็บอกว่าจะแยกไปตั้งพรรค นายสมชาย กล่าวยอมรับว่า มีเรื่องแยกไปตั้งพรรค แต่ภาพออกมาไม่ค่อยสวยตน เมื่อถามว่าจะได้คุยกันเมื่อไร นายสมชาย กล่าวว่า ก็คุยทุกวัน
เมื่อถามถึงเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ทั้งศึกในศึกนอกจะสามารถประคองเดินไปได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลนั้นจริงๆรัฐบาลก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เสื่อมเสถียรภาพ แม้จะมีความขัดแย้งแต่รัฐบาลก็ต้องทำงานไปเรื่อยๆ ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนแล้วก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐบาล จะไม่มีการชะลอการทำงานเพราะเป็นพันธะของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เพราะพี่น้องเลือกใครให้มาเป็นรัฐบาลแล้วต้องทำงานให้ประชาชนชะลอไม่ได้ แม้จะรู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องพ้นหน้าที่ วันนี้ก็ชะลอไม่ได้ อย่างไรก็ตามวิธีทำให้พ้นหน้าที่มันก็ต้องทำตามกฎหมายด้วย
เมื่อถามว่าเคยได้ยินเรื่องที่ว่าในที่ประชุมมีการเปิดเผยข้อมูลว่า ส.ส.บางส่วนได้ไปคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้วก็มีการเปิดใจออกมาว่าคนที่อยู่ใกล้ชิดเป็นคนที่กัดกินอดีตนายกฯ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เคยได้ยิน เพราะวันนั้นไม่อยู่ในที่ประชุมตอนท้ายและไม่รู้เขาคุยอะไรกันบ้าง เอาเป็นว่าจะพยายามหาทางคุยกันประสานงานกันเพื่อความเข้าใจดีซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนอยู่ด้วยกัน เมื่อถามว่าต้องคุยกันระดับแกนนำพรรคหรือว่าต้องเชิญ ส.ส.ที่มีปัญหา 4-5 คนนั้นมาคุย นายสมชาย กล่าวว่า คุยทุกระดับเพราะอยากให้พรรคเรียบร้อยต้องคุยทุกระดับ
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยพูดเรื่องเห็บเรื่องเหลือบหรือไม่ นายสมชาย กล่าวติดตลกว่า “มีเห็บด้วยหรือ ท่านไม่ได้เรียนชีวะ” คือด้วยความสัจจริงท่านทักษิณไม่ได้พูดการเมืองกับตนและตนก็ไม่พูดการเมืองกับท่าน เพราะว่าถ้ารักกันอย่าไปชวนท่านพูดเรื่องการเมือง ท่านก็ไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะว่าท่านพ้นจากการเมืองไปแล้ว แต่ว่าจะมีคนข้องใจสงสัยก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่าท่านเคยอยู่ในการเมือง เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ไม่คุยกับท่านแล้วไปคุยกับ ส.ส.กลุ่มนี้อย่างที่เขายกมาอ้าง รองหัวหน้า พปช.หัวเราะและกล่าวว่า ถามอย้างนี้ก็ตอบไม่ถูก