xs
xsm
sm
md
lg

เยาวชนอุดรฯ เดินรณรงค์ต้านความรุนแรง-วอนยอมรับคนคิดต่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลุ่มเยาวชนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในจังหวัดอุดรธานี ร่วมกันเดินรณรงค์แสดงเจตนารมณ์ให้ผู้ใหญ่ในจังหวัดและผู้ใหญ่ทั้งประเทศได้รับรู้ว่า เด็กอุดรฯ ไม่ต้องการความรุนแรง เผยรู้สึกอับอายต่อเหตุการณ์ม็อบถ่อยไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ วิงวอนชาวอุดรใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นแตกต่างและเคารพกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุดรธานีว่า วานนี้ (1 ส.ค.) เวลา 16.00 น. กลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล และโรงเรียนสตรีราชินูทิศ จำนวนกว่า 50 คน ร่วมกันจัดกิจกรรม “เยาวชนอุดรฯ ร่วมใจ ห่างไกลความรุนแรง” เป็นการเดินรณรงค์เพื่อประกาศเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อปัญหาความขัดแย้ง และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยขบวนรณรงค์ประกอบไปด้วยป้ายผ้าสีฟ้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ มีข้อความ “เยาวชนอุดรร่วมสร้างสรรค์สันติวัฒนธรรมในสังคม” “เด็กๆ อยากให้ พ่อ แม่ พี่ น้อง ชาวอุดรรักกัน สามัคคีกัน” “ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน ผู้ใหญ่อุดรพึงตระหนัก” “เรียนรู้การแก้ปัญหา ด้วยสติปัญญา อย่างสร้างสรรค์ ด้วยสันติวิธี“ และมีการแจกใบปลิว หัวข้อ “มีใครคิดเหมือนฉันบ้าง..?” และข้อความ เช่น “ฉันอึดอัดใจที่ผู้ใหญ่คุยเรื่องการเมืองด้วยคำหยาบคาย อาฆาตแค้น และจ้องทำลายฝ่ายตรงข้าม” “ประชาธิปไตยคืออะไร? ใช่ความใจกว้าง ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เคารพกฎหมาย และไม่ใช้ความรุนแรง ...ฉันเข้าใจถูกมั้ย” “ฉันยังเป็นเด็ก สักวันจะโตเป็นผู้ใหญ่แต่ฉันกลัวจัง! กลัวสังคมที่ผู้ใหญ่ไม่มีเหตุผล ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ยึดเอาเหตุผลตัวเองเป็นใหญ่” เป็นต้น

ทั้งนี้ ขบวนรณรงค์ของเยาวชน ได้ออกเดินเท้าจาก โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล โดยมีกลุ่มลูกเสือทำหน้าที่ดูแลรูปขบวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยอำนวยความสะดวก ผ่านโรงเรียนโรงเรียนสตรีราชินูทิศ เพื่อเสริมขบวน ก่อนจะเดินต่อไปยังวัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิและแผ่เมตตา ซึ่งระหว่างการเดินเท้ารณรงค์นั้นฝนได้ตกลงมาตลอดเส้นทาง ประกอบกับเป็นช่วงเวลาโรงเรียนเลิกทำให้ถนนคับคั่งไปด้วยรถ และสองฝั่งถนนเต็มไปด้วยนักเรียน ผู้ปกครอง และคนทั่วไป ซึ่งต่างให้ความสนใจกับขบวนรณรงค์และชื่นชมในความตั้งใจและความกล้าแสดงออกของกลุ่มเยาวชนดังกล่าว

ภายหลังเสร็จพิธีกรรมทางศาสนาตัวแทนกลุ่มเยาวชนนำโดยนายพงศธร คันธา หรือบาส นักเรียนชั้น ม.6/12 และนางสาวเคียงขวัญ ศักยพันธ์ หรือขวัญ นักเรียนชั้น ม.6/5 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ได้ประกาศถ้อยคำแถลงของกลุ่มเยาวชน และร่วมกันร้องเพลงเสียงจากคีตาญชลี โดยข้อความในถ้อยคำแถลงดังกล่าวมีใจความ ว่า

เราเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับคนอุดรฯ ส่วนใหญ่ แต่เราจะไม่นิ่งเฉย เราอับอาย และเศร้าใจที่คนบ้านอื่นเมืองอื่นเขาหาว่าคนอุดรฯ ป่าเถื่อน เราขอไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และอยากจะวิงวอนให้ชาวอุดรฯ ช่วยกันทำในสิ่งเหล่านี้

1. ประชาธิปไตยคือความใจกว้าง ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เคารพกฎหมาย และไม่ใช้ความรุนแรง

2. การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ เป็นเรื่องที่ดีตามระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ทำร้ายกัน และใช้แนวทาง “สันติวิธี” ขอให้ผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนในการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตยอย่างเหมาะสม

3. ขอให้ผู้ใหญ่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์และความรู้สึก เคารพสิทธิของผู้อื่น อย่าใช้คำหยาบคาย คำยั่วยุในที่สาธารณะหรือในสื่อต่างๆ อันจะนำไปสู่ความรุนแรง

4. มีเรื่องให้ทำตั้งมากมายในอุดรฯที่จะทำให้สังคมดีขึ้น ทั้งปัญหาเรื่องเด็ก ผู้สูงอายุ การศึกษา สิ่งแวดล้อม เมืองไร้ขยะ เมืองปลอดอบายมุข ฯลฯ ถ้าคนอุดรฯมาช่วยกัน เมืองอุดรฯ คงเป็นเมืองแห่งความสุข

5. เรามีสิทธิและหน้าที่ และหน้าที่สำคัญของมนุษย์คือ การทำความดี และเราอยากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองและผู้ใหญ่ช่วยกันทำความดี โดยอย่าปล่อยให้เรื่องไม่ดีแบบนี้เกิดขึ้นอีก

6. พวกเราไม่อยากเติบโตและมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความโกรธแค้น ทุกคนมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง มิตรสหาย เราอาจคิดต่างกัน แต่ก็อาศัยอยู่ในชายคาเมืองอุดรฯ และเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา คนอุดรฯทุกคนทุกฝ่ายต้องให้อภัยกัน มีเมตตาต่อกัน ใช้สติปัญญาอย่าให้ใครมาชักจูง อย่าทำร้ายกันหรือทำลายเมืองแสนสุขของพวกเรา

7. เมืองอุดรฯ ดินแดนอารยะธรรมเก่าแก่ ดินแดนธรรมะ คนอุดรฯเคารพความแตกต่างทางเชื้อชาติและศาสนา มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย สงบ สวยงาม และน่าอยู่ อย่าทำลายอุดรฯ เพียงแค่ผลประโยชน์ทางการเมืองของคนบางกลุ่ม

ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องช่วยเหลือส่วนรวม โดยไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตอนนี้พวกเรายังเป็นเด็กและเป็นเยาวชน เราก็อยากจะเห็นผู้ใหญ่แสดงตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชน เพื่อวันข้างหน้าเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล มีความเป็นธรรม เคารพต่อสิทธิของตนเองและผู้อื่นอย่างเหมาะสม

หลังจากอ่านถ้อยคำแถลงการณ์แล้วกลุ่มเยาวชนได้เน้นย้ำถึงหลักการและจุดยืนของกลุ่มว่า เรายอมรับซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง สนับสนุนให้มีกิจกรรมทางการเมืองของทุกกลุ่ม แต่เราไม่ต้องการความรุนแรงในทุกรูปแบบ เราไม่อยากอยู่ในสังคมที่มีแต่ความรุนแรง ความโกรธ อาฆาตแค้น และไม่เคารพกฎหมาย เราคิดว่า “หากเราทุกคนเข้าถึงธรรม ย่อมเข้าถึงแก่นแท้ของประชาธิปไตย”

นายพงศธร คันธา หรือบาส ตัวแทนกลุ่มเยาวชน เล่าถึงความรู้สึกและเหตุผลในการเดินรณรงค์ในครั้งนี้ว่า ในวันที่เกิดความรุนแรงขึ้นตนได้เห็นเหตุการณ์จริง และรู้สึกแย่มากๆ กับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า คนอุดรมาฆ่ากันเอง ทุกอย่างเสียหายหมด ทั้งความรู้สึกของคนนอกที่มองคนอุดร และความรู้สึกของคนอุดรเอง เลยอยากจะทำอะไรเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้เสียงและความรู้สึกของเยาวชน ว่าอยากให้ผู้ใหญ่ใช้เหตุผล อย่าใช้กำลัง เอาเวลาที่ทะเลาะกันมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองจะดีกว่า

ทางด้าน นางสาวเคียงขวัญ ศักยพันธ์ หรือขวัญ ตัวแทนเยาวชนอีกคนหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้ว่า “วันนี้แม้อะไรหลายๆ อย่างจะดูไม่เป็นใจ ฝนที่ตกลงมาทำให้บางอย่างไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่เพื่อนๆ กลุ่มเยาวชนทุกๆคนก็ยังใจสู้ และคิดว่าสิ่งที่พวกเรากลุ่มเยาวชนทำในวันนี้จะทำให้เพื่อนๆ เราอีกหลายๆ คน และพวกผู้ใหญ่ ได้ฉุกคิดไปกับสิ่งที่เราได้ทำได้แสดงออก และช่วยกันไม่ให้ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก และหากพวกผู้ใหญ่ฟังและทำตามคำวิงวอนของพวกเรา กลุ่มเยาวชนอาจจะออกมาเดินรณรงค์กันอีกครั้งเพื่อแสดงขอบคุณผู้ใหญ่ที่เข้าใจและเห็นเมืองอุดรเป็นบ้าน” นางสาวเคียงขวัญ กล่าว

อนึ่ง สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากชมรมคนรักอุดรประมาณ 1,000 คน นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์ 97.50 และนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ได้เคลื่อนขบวนออกจากทุ่งศรีเมือง ไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งเป็นสถานที่จัดชุมนุมปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุดรธานี โดยระหว่างทางทั้งนายขวัญชัย และนายอุทัย ได้ปลุกระดมผ่านเครื่องขยายเสียงให้ทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อไม่ให้จัดเวทีปราศรัยได้ โดยอ้างว่าฝ่ายพันธมิตรฯ เข้ามายั่วยุในจังหวัดอุดรธานี เมื่อไปถึงสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ได้บุกฝ่าด่านกั้นของตำรวจเข้าไปอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นได้ใช้อาวุธที่เตรียมมา อาทิ ไม้หน้าสาม เหล็กแป๊ป กระบอง ขวาน ไล่ทุบตีฝ่ายพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บเกือบ 20 คน เจ็บสาหัส 3 คน ขณะที่บางกระแสข่าวระบุว่า มีผู้เสียชีวิตด้วย นอกจากนี้ชมรมคนรักอุดรยังได้ทำลายทรัพย์สินของพันธมิตรฯ ที่เตรียมไว้สำหรับการชุมนุม อาทิ เต็นท์ เสื้อยืดนับพันตัว จานดาวเทียมเอเอสทีวี 13 จาน จอโปรเจกเตอร์ โต๊ะ เก้าอี้ รวมค่าเสียหายราว 2 แสนบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น