ผู้จัดการรายวัน-"สุรยุทธ์"นัดครม.ขิงแก่ กินข้าวเที่ยง เผยเป็นห่วงปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น แนะให้น้อมนำพระราชดำรัสเรื่องรู้รักสามัคคี มาปฏิบัติจะดีที่สุด ส่วนเรื่องเขาพระวิหาร ไม่ออกความเห็นอ้างพ้นหน้าที่แล้ว แต่เชื่อว่า"เตช"น่าจะแก้ปัญหาได้ "บุญรอด"ย้ำเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะลดปัญหาความรุนแรง ลั่นกองทัพต้องไม่อ่อนแอ
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (27ก.ค.) ที่ ร.ร.แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี นำอดีตคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล"ขิงแก่" พร้อมด้วยคู่สมรส ร่วมงานสังสรรค์และรับประทานอาหารกลางวัน โดยมีอดีตรัฐมนตรีเกือบครบทั้งครม. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีตรมว.กลาโหม นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม อดีตรมว.ต่างประเทศ นายธีระ สูตะบุตร อดีต รมว.เกษตรฯ นายวิจิตร ศรีสอ้าน อดีต รมว.ศึกษาธิการ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรองนายกฯ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมี อดีต ครม.หลายคนที่ไม่ได้มาร่วมงาน อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และรองนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ อดีตรมต.สำนักนายกฯ
ก่อนเข้างาน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติว่า เป็นห่วง และอยากให้พิจารณากันให้รอบครอบ น่าจะเป็นเรื่องของความรู้รักสามัคคีตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เราน่าจะน้อมนำมาใช้ปฏิบัติในชาติของเรา เป็นสิ่งที่ตนคิดว่าดีที่สุดแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าคนไทยควรหย่าศึกในบ้านเพื่อเตรียมไปทำศึกเจรจาศึกนอกบ้านดีกว่าหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นศึก แต่เป็นเรื่องของเพื่อนบ้านที่อาจมีข้อขัดแย้งกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่คิดว่าการเจราจาพูดคุยกัน เป็นทางที่ดีที่สุด สำหรับไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
"ส่วนในบ้านของเราเอง แน่นอน ถ้าเป็นบ้านของผม และผมกับภรรยาทะเลาะกัน ลูกๆ ก็คงจะลำบาก ดังนั้นไม่ควรให้เกิดปัญหาในบ้านเราขึ้น เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความลำบาก"พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจรัฐบาลปัจจุบันฝ่าฟันวิกฤติอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าคงมีกำลังใจจะฝ่าไป เมื่อถามว่าการแก้ปัญหากรณีเขาพระวิหาร ควรมีการเพิ่มเติมส่วนใดบ้าง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความคิดเห็น เพราะออกมาแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อถามว่านายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศคนใหม่ จะสามารถแก้ปัญหาเขาพระวิหารได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า นายเตช ก็เป็นคนที่รู้เรื่องคนหนึ่ง
ด้านนายนิตย์ พิบูลย์สงคราม อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงนายเตช ว่าคิดว่าประเทศไทยโชคดีที่เพื่อนของตน สามารถทำงานให้ได้ ทั้งนี้ตนวิตกในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา แต่เชื่อว่านายเตช จะสามารถแก้ปัญหาและสถานการณ์ได้ เพราะเป็นมืออาชีพ และเป็นคนดี นายเตช มาแล้วจะโชคดีซึ่งตนก็ได้โทรศัพท์พูดคุย และแสดงความยินดีต่อนายเตชไปแล้ว
พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีตรมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องที่เป็นห่วงที่สุดคือ เรื่องของชายแดนทางฝั่งใต้และฝั่งกัมพูชา และเรื่องความแตกแยกภายในชาติ เมื่อถามว่า ขณะนี้กองทัพเป็นผู้รับบทหนักในเรื่องนี้ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เท่าที่ดูกองทัพก็ดีอยู่แล้วคือปกป้องดินแดน ปกป้องสถาบันฯและประชาชน เมื่อถามว่าปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ ควรแก้ไขอย่างไร พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายมีสติ ต้องไม่ให้เกิดความรุนแรง ส่วนผู้ที่ควรมีบทบาทในเรื่องนี้ คือรัฐบาลที่จะดูแลคนทั้งชาติไม่ให้แตกแยก
เมื่อถามว่า ท่าทีของทหารในการแก้ปัญหาชายแดนต้องเพิ่มเติมเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า กองทัพมีความพร้อมอยู่แล้ว และควรแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยกัน ขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่อ่อนแอ คือความพร้อมของเราดีกว่าเขาอยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงด้านนี้ แต่ก็ไม่อยากให้บาดหมางกัน เพราะโอกาสที่จะคืนดีก็จะยาก และในเมื่อมีโอกาสที่จะคุยกันอยู่แล้ว ก็ควรจะใช้วิธีนี้
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับบรรดาบุคคลในกองทัพบ้างหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุย เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าเป็นห่วงนั้น เป็นห่วงเรื่องการเสียดินแดน หรือเรื่องการใช้กำลัง พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า อยากให้ทั้งสองฝ่ายอยู่กันอย่างปกติสุขอย่างเดิม เพราะเมื่อพูดคุยกันแล้วได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายก็น่าจะเป็นผลดี และขณะนี้ทั้งในระดับรัฐบาล และบรรดาผู้นำกองทัพเขาคุยกันอยู่แล้ว แต่ว่าการเมืองต่างหากที่ทำให้มันเป็นปัญหาอย่างนี้ เพราะถ้าการเมืองไม่สามารถตกลงกันได้ ข้างบนข้างล่างก็ไม่มีปัญหา ความสัมพันธ์ของระดับผู้นำกองทัพทั้งสองฝ่ายเท่าที่ดูก็ยังดีอยู่ แต่สถานการณ์จะขึ้นๆลงๆ อยู่กับคำพูดของนักการเมือง ซึ่งของเราก็ระวังดีพอสมควร แต่อีกฝ่ายอาจไม่ค่อยสำรวม
ขณะที่นายไชยา ยิ้มวิไล อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ อดีตรมช.อุตสาหกรรมเป็นแม่งานในครั้งนี้ที่มีการประสานงานกับพล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าภาพแต่จะเป็นระบบออแกไนเซอร์ช่วยกันหารคนละ 1,500 บาท อย่างไรก็ตามบรรยากาศงานเลี้ยงเป็นบรรยากาศที่ดีที่ 3 เดือนพบกันหนึ่งครั้ง มีการทบทวนความจำเรื่องต่างๆ ถือว่าเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากๆ เสมือนว่าเป็นครอบครัว ถามว่ามีเรื่องการเมืองหรือไม่ตนตอบได้เลยว่าไม่มีเลย ไม่มีการพูดเรื่องการเมืองรวมทั้งกรณีปราสาทพระวิหาร แต่มีการล้อกันเล่นว่าไม่มีเรื่องเขาพระวิหารหรือเขายายเที่ยงแต่เป็นเขาเอราวัณ ทั้งนี้งานเลี้ยงครั้งหน้าจะจัดขึ้นในช่วงเดือนต.ค.แต่ยังไม่ทราบว่าจะจัดที่ไหน
นายไชยา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีมีเปรยๆกันว่าเราก็ต้องช่วยกันเรื่องของชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะมีประเด็นที่ไม่ได้พูดจากพล.อ.สุรยุทธ์ แต่เป็นการพูดกันเองในอดีตรัฐมนตรีถึงเรื่องที่จ.อุดรและจ.บุรีรัมย์ ซึ่งทุกคนก็ไม่ค่อยสบายใจและไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (27ก.ค.) ที่ ร.ร.แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี นำอดีตคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล"ขิงแก่" พร้อมด้วยคู่สมรส ร่วมงานสังสรรค์และรับประทานอาหารกลางวัน โดยมีอดีตรัฐมนตรีเกือบครบทั้งครม. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีตรมว.กลาโหม นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม อดีตรมว.ต่างประเทศ นายธีระ สูตะบุตร อดีต รมว.เกษตรฯ นายวิจิตร ศรีสอ้าน อดีต รมว.ศึกษาธิการ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรองนายกฯ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมี อดีต ครม.หลายคนที่ไม่ได้มาร่วมงาน อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และรองนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ อดีตรมต.สำนักนายกฯ
ก่อนเข้างาน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติว่า เป็นห่วง และอยากให้พิจารณากันให้รอบครอบ น่าจะเป็นเรื่องของความรู้รักสามัคคีตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เราน่าจะน้อมนำมาใช้ปฏิบัติในชาติของเรา เป็นสิ่งที่ตนคิดว่าดีที่สุดแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าคนไทยควรหย่าศึกในบ้านเพื่อเตรียมไปทำศึกเจรจาศึกนอกบ้านดีกว่าหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นศึก แต่เป็นเรื่องของเพื่อนบ้านที่อาจมีข้อขัดแย้งกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่คิดว่าการเจราจาพูดคุยกัน เป็นทางที่ดีที่สุด สำหรับไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
"ส่วนในบ้านของเราเอง แน่นอน ถ้าเป็นบ้านของผม และผมกับภรรยาทะเลาะกัน ลูกๆ ก็คงจะลำบาก ดังนั้นไม่ควรให้เกิดปัญหาในบ้านเราขึ้น เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความลำบาก"พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจรัฐบาลปัจจุบันฝ่าฟันวิกฤติอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าคงมีกำลังใจจะฝ่าไป เมื่อถามว่าการแก้ปัญหากรณีเขาพระวิหาร ควรมีการเพิ่มเติมส่วนใดบ้าง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความคิดเห็น เพราะออกมาแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อถามว่านายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศคนใหม่ จะสามารถแก้ปัญหาเขาพระวิหารได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า นายเตช ก็เป็นคนที่รู้เรื่องคนหนึ่ง
ด้านนายนิตย์ พิบูลย์สงคราม อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงนายเตช ว่าคิดว่าประเทศไทยโชคดีที่เพื่อนของตน สามารถทำงานให้ได้ ทั้งนี้ตนวิตกในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา แต่เชื่อว่านายเตช จะสามารถแก้ปัญหาและสถานการณ์ได้ เพราะเป็นมืออาชีพ และเป็นคนดี นายเตช มาแล้วจะโชคดีซึ่งตนก็ได้โทรศัพท์พูดคุย และแสดงความยินดีต่อนายเตชไปแล้ว
พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีตรมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องที่เป็นห่วงที่สุดคือ เรื่องของชายแดนทางฝั่งใต้และฝั่งกัมพูชา และเรื่องความแตกแยกภายในชาติ เมื่อถามว่า ขณะนี้กองทัพเป็นผู้รับบทหนักในเรื่องนี้ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เท่าที่ดูกองทัพก็ดีอยู่แล้วคือปกป้องดินแดน ปกป้องสถาบันฯและประชาชน เมื่อถามว่าปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ ควรแก้ไขอย่างไร พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายมีสติ ต้องไม่ให้เกิดความรุนแรง ส่วนผู้ที่ควรมีบทบาทในเรื่องนี้ คือรัฐบาลที่จะดูแลคนทั้งชาติไม่ให้แตกแยก
เมื่อถามว่า ท่าทีของทหารในการแก้ปัญหาชายแดนต้องเพิ่มเติมเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า กองทัพมีความพร้อมอยู่แล้ว และควรแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยกัน ขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่อ่อนแอ คือความพร้อมของเราดีกว่าเขาอยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงด้านนี้ แต่ก็ไม่อยากให้บาดหมางกัน เพราะโอกาสที่จะคืนดีก็จะยาก และในเมื่อมีโอกาสที่จะคุยกันอยู่แล้ว ก็ควรจะใช้วิธีนี้
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับบรรดาบุคคลในกองทัพบ้างหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุย เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าเป็นห่วงนั้น เป็นห่วงเรื่องการเสียดินแดน หรือเรื่องการใช้กำลัง พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า อยากให้ทั้งสองฝ่ายอยู่กันอย่างปกติสุขอย่างเดิม เพราะเมื่อพูดคุยกันแล้วได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายก็น่าจะเป็นผลดี และขณะนี้ทั้งในระดับรัฐบาล และบรรดาผู้นำกองทัพเขาคุยกันอยู่แล้ว แต่ว่าการเมืองต่างหากที่ทำให้มันเป็นปัญหาอย่างนี้ เพราะถ้าการเมืองไม่สามารถตกลงกันได้ ข้างบนข้างล่างก็ไม่มีปัญหา ความสัมพันธ์ของระดับผู้นำกองทัพทั้งสองฝ่ายเท่าที่ดูก็ยังดีอยู่ แต่สถานการณ์จะขึ้นๆลงๆ อยู่กับคำพูดของนักการเมือง ซึ่งของเราก็ระวังดีพอสมควร แต่อีกฝ่ายอาจไม่ค่อยสำรวม
ขณะที่นายไชยา ยิ้มวิไล อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ อดีตรมช.อุตสาหกรรมเป็นแม่งานในครั้งนี้ที่มีการประสานงานกับพล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าภาพแต่จะเป็นระบบออแกไนเซอร์ช่วยกันหารคนละ 1,500 บาท อย่างไรก็ตามบรรยากาศงานเลี้ยงเป็นบรรยากาศที่ดีที่ 3 เดือนพบกันหนึ่งครั้ง มีการทบทวนความจำเรื่องต่างๆ ถือว่าเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากๆ เสมือนว่าเป็นครอบครัว ถามว่ามีเรื่องการเมืองหรือไม่ตนตอบได้เลยว่าไม่มีเลย ไม่มีการพูดเรื่องการเมืองรวมทั้งกรณีปราสาทพระวิหาร แต่มีการล้อกันเล่นว่าไม่มีเรื่องเขาพระวิหารหรือเขายายเที่ยงแต่เป็นเขาเอราวัณ ทั้งนี้งานเลี้ยงครั้งหน้าจะจัดขึ้นในช่วงเดือนต.ค.แต่ยังไม่ทราบว่าจะจัดที่ไหน
นายไชยา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีมีเปรยๆกันว่าเราก็ต้องช่วยกันเรื่องของชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะมีประเด็นที่ไม่ได้พูดจากพล.อ.สุรยุทธ์ แต่เป็นการพูดกันเองในอดีตรัฐมนตรีถึงเรื่องที่จ.อุดรและจ.บุรีรัมย์ ซึ่งทุกคนก็ไม่ค่อยสบายใจและไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก