อดีตแกนนำ นปก.ควันออกหู หลังรู้ข่าว หน.พรรคเพื่อแผ่นดิน “สุวิทย์ คุณกิตติ” ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรค-ชักปอดแหก เตรียมเลื่อนชุมนุมใหญ่หนุนแก้ รธน.จาก 2 ส.ค.ออกไปอย่างไม่มีกำหนด อ้างกลัวปะทะกับพันธมิตรฯ เพิ่มปัญหาให้ รบ.
วานนี้ (29 ก.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน
เนื้อหาในรายการในช่วงแรก ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงเรื่องแนวโน้มสถานที่ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ย่านเกียกกาย ว่า นับเป็นสถานที่ที่เหมาะสมแล้ว เพราะสะดวกในด้านการเดินทาง และพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสมกับการก่อตั้งเป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้นายกรัฐมนตรี ที่ผลักดัน และดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ รายการในช่วงแรกแม้จะเป็นการพูดคุยอย่างผ่อนคลาย เกี่ยวกับเรื่องความยินดีในเรื่องการก่อสร้างอาคารรัฐสภา แต่หลังจากพักเบรก ทันทีที่เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 อยู่ในอาการที่ค่อนข้างเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และกล่าวว่า มีรายงานข่าวด่วนที่ต้องแจ้งให้ทราบ นั่นคือ เรื่องที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงข่าวการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล และเรื่องเขาพระวิหาร เพราะเชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง
ซึ่งผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ตัว นายสุวิทย์ ว่า แท้จริงแล้ว นายสุวิทย์ ถึงแม้จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่กลับไม่ได้มีอำนาจอย่างแท้จริงในพรรค และบรรดาลูกพรรคก็ไม่มีใครเชื่อถือและยอมรับ เพราะตัว นายสุวิทย์ เองไม่ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.ซึ่งจริงๆ แล้วด้วยสปิริตของหัวหน้าพรรค เมื่อสอบตกจากการเป็น ส.ส.ควรจะลาออกด้วยซ้ำ แต่ตัวนายสุวิทย์เอง ก็ไม่มีจิตสำนึกพอถึงได้อยู่เป็นหัวหน้าพรรคต่อ และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาจนทุกวันนี้ ซึ่งพวกตนก็คงไปตำหนิไม่ได้ เพราะเข้าใจดีว่าเรื่องมารยาททางการเมือง เป็นเรื่องของจิตสำนึกของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม พวกตนเชื่อว่า การลาออกของนายสุวิทย์ในครั้งนี้ ไม่ได้มีเหตุผลมาจากการแก้ไข รธน.และเรื่องเขาพระวิหาร อย่างที่ นายสุวิทย์ กล่าวอ้างแต่อย่างใด เพราะก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รธน.ฉบับนี้ไม่มีอะไรดีเลย ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาไม่เห็นด้วยกับการแก้ รธน.ส่วนเรื่องเขาพระวิหารนั้น รัฐบาลก็ดำเนินการมาอย่างถูกต้องทุกอย่าง จึงเชื่อได้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น แต่ปัญหาจริงๆ แล้วมาจากความสั่นคลอนภายในพรรคมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยมีกระแสข่าวออกมา ว่า ส.ส.ในพรรคเพื่อแผ่นดิน มีแนวคิดจะปรับนายสุวิทย์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาของพรรค
จึงทำให้แน่ใจได้ว่า การถอนตัวของ นายสุวิทย์ ครั้งนี้ น่าจะเป็นความคิดส่วนตัวของ นายสุวิทย์ เท่านั้น ลูกพรรคไม่น่าจะเห็นด้วย เพราะเท่าที่ตนเคยพูดคุยกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลเลย ส่วนการที่ นายสุวิทย์ ประกาศว่า เมื่อประกาศถอนตัวเช่นนี้แล้วลูกพรรคที่เป็น ส.ส.คงไม่ถูกเงินซื้อจนกลายเป็นกลุ่มงูเห่าของพรรคนั้น เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่า นายสุวิทย์ ไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกพรรคก่อน จึงพูดดักคอลูกพรรคเอาไว้ ว่า จะต้องทำตามที่ นายสุวิทย์ แถลง ซึ่งพวกตนเชื่อแน่ว่า เรื่องนี้จะต้องมีผลกระทบตามมาอีกมาก และต้องจับตามองให้ดีว่า ที่สุดแล้ว ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อแผ่นดิน จะเป็นงูเห่าไม่ยอมทำตามที่ นายสุวิทย์ แถลง หรือ นายสุวิทย์ จะกลายเป็นงูเห่าที่ทำตัวแบ่งแยกออกมาจากพรรคกันแน่
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีที่พวกตนได้ทำการนัดแนะว่าจะมีการรวมพลสนับสนุนการแก้ไข รธน.ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ว่า ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไป ทั้งการปรับคณะรัฐมนตรี การถอนตัวของพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงแห่งการปรับเปลี่ยน และอาจเกิดเป็นสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลเองกำลังถูกมรสุมทางการเมืองอยู่ ซึ่งก็คงวุ่นวายกับการแก้ปัญหาอยู่แล้ว หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก แล้วเกิดพลาดพลั้งไปประทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ เข้า อาจเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลหรือไม่ ดังนั้นแกนนำในการจัดชุมนุม จึงขอวิเคราะห์ร่วมกันก่อนว่า ควรจะมีการเลื่อนการชุมนุมออกไปหรือไม่ และหากเลื่อนควรจะเลื่อนไปเป็นวันไหน ซึ่งคาดว่าจะได้คำตอบในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.) ว่า จะเลื่อนออกไปหรือไม่ และเมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ก็จะแจ้งให้ทราบผ่านรายการต่อไป