อดีต 4 แกนนำแก๊ง นปก.จับมือฟื้นพีทีวีจัดรายการแก้ต่างให้หุ่นเชิด โต้พันธมิตรฯ อย่างเป็นอย่างทางการ มั่นใจไม่เข้าข่าย ม.48 อ้างยืนยันไม่มีหุ้น-รับจ้าง แค่ร่วมจัดรายการ
วันนี้ (7 ก.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการฟื้นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการที่นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ไปได้ช่วงเวลามา จากนั้นจึงมาชักชวนตน นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ให้มาช่วยกันจัดรายการ พวกตนจึงตัดสินใจที่จะไปร่วมกันจัดรายการ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ในอดีตสถานีโทรทัศน์พีทีวีเคยถือกำเนิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง จึงเปรียบเสมือนเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว จนนำไปสู่การปิดสถานีโทรทัศน์พีทีวี และลอยแพพนักงานของบริษัทหลายต่อหลายคนในขณะนั้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ด้วยว่า สถานีโทรทัศน์พีทีวีในขณะนั้นเงินปัญหาเงินไม่พอ ผู้บริหารจึงตัดสินใจว่าจะนำเงินที่ยังพอเหลืออยู่มาจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานในขณะนั้นแทน ซึ่งแต่ละคนได้รับเงินชดเชยประมาณคนละ 5-6 เดือนซึ่งเป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง แตกต่างจากเมื่อครั้งสมัยที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการประสบปัญหาอย่างชัดเจน
สำหรับกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่า อาจเข้าข่ายผิดมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญ ที่ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปมีหุ้นในบริษัทของเอกชนนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีนี้ไม่เหมือนกัน เพราะครั้งนี้นายวีระได้ไปเช่าช่วงเวลามาแล้วก็มาชวนพวกเราไปจัดรายการ ไม่ได้เป็นสถานีโทรทัศน์ใหญ่โตอะไร มีพนักงานเพียงไม่กี่คน อีกทั้งเราก็ไม่ได้ไปมีหุ้นหรือไปรับจ้างอะไร เป็นเพียงแค่นายวีระมาเชิญให้ไปร่วมจัดรายการเท่านั้น
อนึ่ง นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้นถือเป็นผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์พีทีวีในปี 2549 โดยมีเจ้าของคือบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด
ในปี 2549 นายวีระ มุสิกพงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ โดยมีนายจตุพรเป็นรองประธาน นายจักรภพดำรงตำแหน่งตัวแทนบริษัทผู้จัดรายการ และนายณัฐวุฒิทำหน้าที่ผู้อำนวยการสถานี
