“สนธิ” เอือมข้าราชการขายจิตวิญญาณ ห่วงเก้าอี้มากกว่าชาติบ้านเมือง ชี้ทหารยุคนี้ตกต่ำถึงขีดสุด เก่งแต่ในค่าย เรียกพันธมิตรอุดรฯ ไปชี้หน้าด่า แต่ไม่กล้าหือกับอันธพาลทำร้ายประชาชน เปรียบเทียบทหารยุค รสช.ยังกล้าหาญกว่า คงไม่ยอมเสียแผ่นดินให้เขมร พร้อมลากไส้รัฐบาลสัตว์นรก สร้างอันธพาลทำร้ายประชาชน แต่บิดเบือนว่าเป็นม็อบตีกัน
วันที่ 27 ก.ค. เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานฯ โดยได้กล่าวถึงผู้ใหญ่คนหนึ่งได้ติดต่อมาว่า กรณีที่พันธมิตรฯ ได้ยื่นรายชื่อบุคคลที่ขายบ้านขายเมืองให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้ถอนรายชื่อข้าราชการประจำออก ซึ่งตนได้ตอบว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าราชการตอนนี้เปลี่ยนไป ไปให้ความร่วมมือกับนักการเมือง เพราะข้าราชการระดับสูงเหล่านี้ยังห่วงตำแหน่งมากกว่าการที่ประเทศชาติถูกขาย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็สมควรติดคุก
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ข้าราชการเหล่านี้รับราชการมาจนเป็นถึงปลัดกระทรวง เป็นถึงอธิบดี ไม่เข้าใจเลยหรือว่าอะไรคือการขายชาติบ้านเมือง การกระทำที่จะทำให้บ้านเมืองเสียหายต้องปฏิเสธไป แต่การที่ไม่ปฏิเสธก็เพราะยังยึดติดกับตำแหน่งที่เป็นหัวโขน ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวง, อธิบดี, เลขาธิการ สมช. ยอมทำตามที่นักการเมืองสั่ง เพราะห่วงตำแหน่งกลัวถูกย้าย คนพวกนี้ กล้ายอมขายแม้แต่จิตวิญญาณของบรรพบุรุษ ทำให้พระเจ้าอยู่หัวต้องช้ำพระทัย และดวงวิญญาณทหารหาญต้องเคียดแค้น คนพวกนี้ไม่เข้าใจอนิจจัง ทั้งที่คนพวกนี้มีทางเลือกว่าจะตายหนักอย่าภูเขา หรือจะตายเบาอย่างขนนก ยังไงก็ต้องเอาผิดคนพวกนี้ และต้องส่ง ป.ป.ช.ดำเนินคดีนำตัวไปติดคุกทั้งหมด
นายสนธิ กล่าวว่า อยากจะเห็นข้าราชการเป็นอย่างนายสุธี อากาศฤกษ์ อดีตประธาน ป.ป.ป.โดยยอมรับว่าเป็นคนที่น่ายกย่องและยกมือไหว้ได้อย่างเต็มใจ เพราะมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นถึงประธาน ป.ป.ป.แต่นั่งรถเมล์ไปทำงาน คนๆ นี้คือคนที่ซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมืองเหมือนครั้งหนึ่งที่เรามีรัฐมนตรีมหาดไทยชื่อหลวงอรรถสิทธิสุนทร บุคคลที่ควรยกย่อง เพราะความดีไม่มีวันจะหายไปจากโลกนี้ ดังนั้น ข้าราชการระดับปลัดกระทรวง อธิบดี หรือกรมแผนที่ทหาร ที่มีส่วนร่วมในการขายชาติ หากวันหนึ่ง ป.ป.ช.ชี้มูลว่าคุณผิด และศาลตัดสินให้ติดคุกก็ต้องยอมรับ ชาติต้องมาก่อน นักการเมืองมาก่อนได้อย่างไร ตำแหน่งคุณจะมาก่อนได้อย่างไร
นายสนธิ ยังกล่าวถึงผู้บังคับการตำรวจ จ.อุดรธานี ไปถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่วนผู้บังคับการจังหวัดก็เป็นเด็กของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตำแหน่งของพวกคุณเป็นเรื่องสมมุติ ยศ พล.ต.ท.ในเดือนตุลาคมนี้ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ผู้บังกับการจังหวัดอุดรฯ ไม่กี่ปีก็เกษียณอายุราชการ แต่จะเกษียณท่ามกลางการสาปแช่งของผู้คน แล้วลูกหลานจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร ท่านทำตัวปล่อยให้อันธพาลทำร้ายประชาชน ก็คงต้องเกษียณไปท่ามกลางเสียงสาบแช่งของประชาชน ส่วนนายนพดล ปัทมะ ก็เช่นกัน ได้เงินไปเยอะแยะ แต่คนนามสกุลปัทมะ ไม่อยากจะใช้นามสกุลด้วย คนชื่อนพดล ก็ไปเปลี่ยนชื่อ แม้แต่นักเรียนชื่อนพดล เพื่อนร่วมห้องก็เรียกต่อท้ายว่าขายชาติ
“เราต้องเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง เอาประโยชน์ของส่วนรวม พี่น้องครับ สังคมไทยวันนี้แบ่งค่ายกันหมดแล้ว ค่ายที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักพระเจ้าอยู่หัว รักสมเด็จพระนางเจ้าฯ ค่ายนี้ถือว่ามีคนเยอะที่สุด เพราะรักสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนอีกค่ายหนึ่งนั้น พวกพลังประชาชน ที่ชอบอ้าง 16-17 ล้านเสียง คนพวกนั้นมีจำนในมากเขาเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาถูกหลอกเข้ามาเป็นพวก ผมขอบอกว่าคนพวกนี้กี่สิบล้านคนก็ไม่มีความหมาย เพราะพวกเขามาเพราะได้รับ 500 บาท หากมาเจอพี่น้องที่มาเพราะอุดมการณ์ และข้อมูลข้อเท็จจริง”
นายสนธิ กล่าวว่า ที่น่าเสียใจกว่านั้นก็คือ นักวิชาการก็ยังมีการแบ่งค่ายด้วย สงครามครั้งนี้ ทำให้อีแอบต่างๆ ได้เผยโฉมออกมา แต่ยืนยันว่าข้างในคนพวกนี้ ไม่ใช่ทอง แต่เป็นแค่ตะกั่ว ส่วนตำรวจ ตนตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว เพราะตำรวจชอบเป็นทาสของอำนาจ ไม่ชอบเป็นทาสของความยุติธรรม เป็นสัตว์สายพันธุ์พิเศษที่เห็นได้ในยุคนี้
นายสนธิ กล่าวต่อว่า แต่ที่ตนเสียใจมากที่สุดก็คือทหาร ซึ่งตอนนี้ทหารก็มีแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย คือ ทหารของฝ่ายโน้น และทหารของพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะกรณีล่าสุดทหารที่อุดรธานีที่เรียกแกนนำพันธมิตรฯ อุดรธานี ไปต่อว่าและชี้หน้าด่า โดยหาว่าไปจัดเวทีทำไม โดยที่ไม่ไปด่ากลุ่มอันธพาลที่เข้ามาทำร้ายประชาชน เก่งแต่ในค่าย ทำไมไม่ตบเท้าไปด่านายสมัคร และนพดล ที่มันขายแผ่นดินไทยให้เขมร
นายสนธิ กล่าวเสริมว่า ทุกวันนี้ภาพของทหารตกต่ำลงไปมาก โดยเฉพาะทหารบก ไม่เคยเห็นยุคไหนที่ทหารบกจะตกต่ำเท่ากับยุคนี้ ยกตัวอย่างสมัย พล.อ.สุจินดา และ พล.อ.สุนทร ยุคของ รสช.ก็เชื่อว่า ในสมัยนั้นหากมีการนีเขาพระวิหาร พวกเขาก็จะไม่ยอมแน่นอน และต้องบอกว่าเป็นของไทย แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ชื่นชมเท่าไร และนี่คือความเจ็บใจมากที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะทหารยุคนี้ ไม่ทรายเลยหรือว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงเสียพระทัยมากกรณีเขาพระวิหาร เพราะเรามีนายกรัฐมนตรีชั่ว รัฐมนตรีต่างประเทศที่ทำให้เราต้องเสียดินแดนถึง 4.6 ตารางกิโลเมตร และต้องมีเสียอีกหลายครั้ง 5, 6, 7 ต่อไปเรื่อยๆ
นายสนธิ ระบุอีกว่า ทหารมีหน้าที่อยู่ 2 อย่าง คือ รักษาอธิปไตยของชาติ และรักษาราชบัลลังก์ หากทำทั้ง 2 ประการนี้ไม่ได้แล้ว จะมาเป็นทหารไปทำไม นี่คือวิกฤตของบ้านเมือง เขายอมได้ยังไง ทั้งที่เป็นข้าราชการกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการ สมช. ผู้การจังหวัดอุดรฯ และนายขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งทราบว่ามีตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี ก็กินเงินเดือน 27,000 บาท เป็นเงินภาษีประชาชน แล้วยังมาทำร้ายประชาชน
“พ่อแม่พี่น้องครับ ในที่สุดวันนี้ผมเชื่อว่าที่เราสู้มาถูกต้องแล้ว เมื่อวานนี้ผมส่งสัญญาณเตือนไปยังคนที่เอาประชาชนมาข่มขู่พวกเราเพื่อสร้างสถานการณ์ว่าประชาชนตีกัน แล้วหาเหตุออกมายึดอำนาจตัวเอง ล้างหน้าไพ่ใหม่ ทุกวันนี้สังคมแตกแยกเพราะมีการสร้างกระแสว่า ม็อบชนม็อบ ที่จริงแล้วเป็นเรื่องของอันธพาลทำร้ายประชาชน เพราะพวกที่ทำร้ายพันธมิตรอุดร มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นอันธพาลกลุ่มของนายขวัญชัย และเป็นกุ๊ยของรัฐบาล แม้นายเฉลิม มท.1 จะบอกว่าไม่เคยแสดงความยินดีกับนายขวัญชัย แล้วสุนัขตัวไหนเป็นคนโทร.ไป”
นายสนธิ ยืนยันว่า ที่พวกเราจ้องออกมาสู้ เพราะเราจะไม่ทนกับรัฐบาลนี้แล้ว มันเหลืออดจริงๆ เรามาไกลเกินกว่าที่จะยอมใครแล้ว พลังที่พวกเรามีนี้ มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน เป็นพลังของประชาชนอย่างแท้จริง ขอยืนยันว่า ทั้งหมดจะเปลี่ยเป็นพลังที่ไม่หมดสิ้น เพื่อทำลายล้างพวกรัฐบาลชั่ว เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ได้ เราจะไม่ยอมกลับไปเป็นแบบเก่าๆ แล้วให้มันกลับมาทำร้ายเราอีก