ผบ.สส.“บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์” เผย การประชุมร่วมกับกัมพูชา ถือว่าประสบความสำเร็จบ้าง ตรงที่ยุติความรุนแรงได้ แต่เหตุที่ยังไม่บรรลุผล เพราะยังติดขัดข้อกฏหมายเรื่องดินแดนที่ทั้งสองประเทศยังตกลงกันไม่ได้ – อ.รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ “สุรชัย ศิริไกร” ชี้ ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก รบ.อ่อนแอ โง่! อ่อนข้อมาตลอด จนเขมรได้ใจ เชื่อ การต่อสู้ของ ปชช.คือ แรงกดดันให้ รบ.ลุกขึ้นมาแก้ปัญหา
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนนัล ถึงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันนี้ ว่า ไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าสำเร็จบางส่วนอยู่เหมือนกัน เพราะก็สรุปได้ว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา และในการพูดคุยวันนี้ ก็เป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดีไม่ได้มีความกดดันมากมาย ส่วนที่ใช้การพูดคุยนาน ก็เป็นเพราะแต่ละเรื่องที่พูดคุยมีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก
ส่วนข้อตกลง สาเหตุที่ยังตกลงกันไม่ได้ ก็เพราะยังมีประเด็นในกฎหมายบางข้อ ที่ทางไทยยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็เท่ากับเรายอมยกดินแดนบางส่วนให้เขา ส่วนกัมพูชาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาก็เห็นว่า พื้นที่ที่เราไม่ยอมนั้น เป็นพื้นที่ของเขา ดังนั้น ในประเด็นนี้จึงเป็นเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนนั้น ในวันนี้ก็มีการพูดคุยกันแล้ว ว่า ต้องมีการดำเนินการซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต้องนำเรื่องกลับไปรายงานต่อรัฐบาลของตน
ทั้งนี้ การพูดคุยกันในวันนี้ เป็นเรื่องของดินแดนเป็นส่วนใหญ่ไม่มีการพูดถึงเรื่องการเลือกตั้งในกัมพูชา แต่ตนคิดว่าก็คงเป็นเรื่องที่อยู่ในใจเขาอยู่เช่นกัน ส่วนเรื่องของเขาพระวิหาร ถึงแม้จะไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนว่า หากไทยจะขอขึ้นทะเบียนร่วมจะได้หรือไม่ แต่จากท่าทีการพูดคุยแล้วก็ประเมินได้ว่า ทางกัมพูชาไม่ยอมเด็ดขาด
ต่อคำถามว่า การเจรจาแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ยังไม่อาจทราบได้ว่าอาจจะเกิดอีกหรือไม่เกิดอย่างไร เพราะคงต้องดูทีท่าของรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่คิดคงไม่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งในกัมพูชา เพราะตอนนี้ก็ใกล้เข้ามาทุกที จึงคาดว่ารัฐบาลกัมพูชาคงไม่มีเวลามาคุยในระยะใกล้นี้
ด้าน รศ.ดร.สุรชัย ศิริไกร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนคิดว่าผลการเจรจาที่เกิดขึ้น ก็ทำให้สบายใจได้ว่าทั้งสองประเทศจะใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไข ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ก็เป็นเพราะกัมพูชาเข้ามาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ทับซ้อนก่อน เมื่อรัฐบาลไทยทำหนังสือประท้วงไปแล้ว ก็ไม่เป็นผล ดังนั้น เรื่องนี้ตนจึงโทษ ว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลอ่อนแอมากเกินไป ที่ไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดจนกัมพูชาก็ได้ใจ เพราะเห็นว่าไทยยอมมาตลอด จนกระทั่งยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว จนเป็นสาเหตุที่ประชาชนต้องออกมาประท้วง เพื่อเรียกร้องให้เห็นว่าประชาชนจะไม่ยอมอีกแล้ว ในเมื่อรัฐบาลไม่ยอมดำเนินการ ทหารไม่ยอมดำเนินการ เอาแต่ตีกอล์ฟ ประชาชนจึงต้องดำเนินการเอง
ทั้งนี้ ตนคิดว่า การที่ประชาชนออกมาเรียกร้องกดดันรัฐบาลในครั้งนี้ คือ สาเหตุสำคัญที่รัฐบาล และทหารออกมาแก้ไขปัญหา ตนจึงมองว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง “เราโง่มาก ๆ เราเสียค่าโง่ ที่ยอมให้เขาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารได้ฝ่ายเดียว” และว่า กรณีนี้เราอาจจะเสียค่าโง่ซ้ำสองอีก หากไม่ยอมดำเนินการเจรจาในเรื่องที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน ดังนั้น การเจรจาที่เกิดขึ้นในวันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน ไม่ใช่จะยอมให้กัมพูชาจะกระทำการใดๆ ก็ได้ตามอำเภอใจอย่างที่ผ่านมา
