xs
xsm
sm
md
lg

“พีระพันธุ์” ทำ จม.เปิดผนึกเสนอ “ผบ.สส.” ก่อนเจรจาเขมร หวั่นเสียรู้ซ้ำซาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
ปชป.มั่นใจ “พล.อ.บุญสร้าง” จะไม่ทำให้คนไทยผิดหวังในการเจรจาข้อพิพาทเขาพระวิหาร พร้อมทำ จม.เปิดผนึกเสนอ ผบ.สส.4 ประเด็น หวั่นเสียรู้ซ้ำซาก ซัดเขมรไม่จริงใจ เหลี่ยมจัดแจ้นฟ้องยูเอ็นให้ต่างชาติเข้าใจผิดไทยละเมิดอธิปไตย เตือนระวังวัตถุประสงค์การเจรจาเขมรแอบแฝง

วันนี้ (20 ก.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.ยุติธรรมเงา แถลงว่าตนได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.ซึ่งจะเป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปเจรจากับกัมพูชาถึงกรณีปัญหาเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ว่า ตนและคนไทยทั้งชาติเชื่อมั่นใจ พล.อ.บุญสร้าง ว่าจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง แต่อย่างไรก็ตาม การเจรจาครั้งนี้ไม่ใช่มีเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับทหารหรือกองทัพเท่านั้น แต่มีปัญหาเกี่ยวกับเขตแดนของชาติที่ต้องเจรจาควบคู่ไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ว่าเป็นของใครกันแน่

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า มีข้อสังเกตที่พึงต้องระมัดระวัง 4 ประการ ดังนี้ 1.เหตุใดการวางแนวรั้วลวดหนามของไทยที่วางแนวเขตประสาทพระวิหารตั้งแต่ พ.ศ.2505 จึงถูกเคลื่อนย้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งจะต้องหาคำตอบให้ได้ และมีความเป็นไปได้ที่จะกลับไปสู่สภาพเดิมเมื่อไหร่ 2.บริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นปัญหาเคยเป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ฝ่ายเมื่อ พ.ศ.2505 แต่ที่ผ่านมาทหารกัมพูชาไม่เคยเคลื่อนย้ายเข้ามาในบริเวณดังกล่าว จนเกิดสงครามภายในกัมพูชา ทำให้แนวรั้วดังกล่าวหายไปจนเกิดแนวรั้วใหม่ขึ้น ขณะที่กองกำลังทหารของไทยได้ถูกย้ายลงมาอยู่หลังแนวรั้วทำให้เกิดเป็นพื้นที่ทับซ้อน และปัจจุบันกองกำลังและประชาชนชาวกัมพูชาได้เข้ามาตั้งรกรากและสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรในพื้นที่ทับซ้อนนี้ ทำไมถึงมีกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียวที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ แต่คนไทยไม่สามารถเข้าไปได้

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า 3.ไทยมีหนังสือประท้วงกัมพูชามาแล้ว 4 ครั้ง แต่รัฐบาลกัมพูชากลับนิ่งเฉยและส่งกองกำลังและประชาชนเข้าไปอาศัยอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยตามหลักสากลในการแบ่งแนวสันปันน้ำและสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ ค.ศ.1907 รัฐบาลไทยก็มีอำนาจและสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันทหารและประชาชนชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว จึงสมควรที่จะต้องมีข้อยุติอย่างเป็นทางการในการเจรจาครั้งนี้ว่าคนเหล่านี้จะออกไปจากอาณาเขตของไทยเมื่อไหร่ และ 4.ที่มีการยอมรับว่าทางขึ้นปราสาทพระวิหารอยู่ในพื้นที่ไทย และการเดินทางฝั่งกัมพูชาทำได้ยากลำบาก ทำไมทหารและประชาชนกัมพูชาจึงสามารถเดินทางเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวได้สะดวก และยังมีการส่งเสบียงอาหารต่างๆ ด้วยวิธีการใด จะต้องได้รับอนุญาตและมีวิธีตรวจคนเข้าเมืองตามปกติหรือไม่ และใครเป็นผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการแก้ไข หรือเจรจาในกรณีนี้อย่างใด

“รัฐบาลไทยควรคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระหว่างการเจรจาครั้งนี้ แต่การดำเนินการใดๆ ก็ควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และต้องเคารพในสิทธิและอธิปไตยของแต่ละชาติด้วยความสุจริตใจ แต่จากพฤติกรรมและการแสดงออกของกัมพูชาในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ พยายามฉกฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเรียกร้องดินแดนที่เป็นปัญหาจากไทยในอนาคตอยู่เสมอ และเมื่อใกล้จะถึงกำหนดการประชุม กัมพูชากลับยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังยูเอ็น เหมือนว่าต้องการให้ประเทศต่างๆ เข้าใจว่าประเทศไทยเป็นฝ่ายเกเรและละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ และเล่ห์เหลี่ยมอย่างชัดเจน จึงต้องระมัดระวังวัตถุประสงค์แอบแฝงในการเจรจาครั้งนี้”
กำลังโหลดความคิดเห็น