ปชป.แทงใจดำ “หมัก” ใช้สื่อรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง มั่นใจสถานะ ป.ป.ช.ชอบด้วยกฎหมาย และ รธน.รับรององค์กร เชื่อ นายกฯปลุกระดม เพราะหลังพิงฝาหลายคดีกำลังจ่อคอหอย เตรียมยื่นถอดถอน “ชัย” ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐพุธนี้
วันนี้ (20 ก.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” โดยกล่าวถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ยังยืนยันว่า เป็นองค์กรที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้นำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งว่า เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี ถ้าหากเห็นว่า ป.ป.ช.มีที่มาโดยไม่ชอบก็สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ ป.ป.ช. ทั้งนี้ ตนเห็นว่า ป.ป.ช.มาโดยถูกต้อง แม้จะมาจากการแต่งตั้งของคณะปฏิวัติ แต่ก็เป็นผู้ที่มีอำนาจในขณะนั้น อีกทั้งมีรัฐธรรมนูญปี 50 ในมาตรา 309 มารองรับองค์กรเหล่านี้ด้วย
“การที่นายกฯมาพูดแบบนี้ เพราะ ป.ป.ช.ชุดนี้กำลังทำคดีที่นายสมัคร และคนของพรรคพลังประชาชน ต่างไปทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะจงใจ หรือประมาทเลินเล่อ อีกทั้ง ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่สามารถแทรกแซง สั่งการได้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงมีปลุกระดมว่าองค์กรอิสระเหล่านี้ไม่มีความชอบธรรม ซึ่งนายสมัครยังใช้เวลาโดยใช้สื่อของรัฐปลุกระดมให้ประชาชนเชื่อตามที่ตนเองคิด” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวถึงการยื่นถอดถอน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265(2) ที่ถือหุ้นโรงโม่ศิลาชัย ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับประทานบัตรจากรัฐว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญระบุชัดเจน ว่า ไม่ให้ผู้ถือหุ้นที่เป็นสมาชิกรัฐสภา คู่สมรส หรือบุตรเข้าไปหาประโยชน์ หรือแทรกแซงการบริหารให้เกิดประ โยชน์ในบริษัท ดังนั้นในวันที่ (23 ก.ค.) เวลา 09.30 น.ตนจะประสานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยื่นเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าประธานไม่รับเรื่องก็จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป สำหรับรายชื่อขณะนี้ที่ต้องรวบรวมให้ได้ 1 ใน 10 ของสภา คือ 48 คนนั้น ตอนนี้รวบรวมได้ 30 คน คาดว่า จะสามารถเข้าชื่อยื่นได้ครบตามจำนวนแน่นอน ทั้งนี้ ยืนยันว่า การยื่นเรื่องดังกล่าว ไม่ใช่การจะมาฆ่ากันให้ตาย แต่เป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติต่อไป
นายสาธิตยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะใช้ช่วงเวลา 22.00-23.00 น.ในสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที )ชี้แจงตอบโต้กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยทุกวันๆ ละ 1 ชั่วโมงว่า เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์เคยขอเวลาทางเอ็นบีที จัดสรรเวลา 1 ชั่วโมง ให้ผู้นำฝ่ายค้านได้มีโอกาสชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ต่อประชาชน ซึ่งจนขณะนี้รัฐบาลก็ไม่ได้ทำตามที่เรียกร้องไป ทั้งนี้หากจัดสรรเวลาให้ เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะสอนวิธีการจัดรายการแบบสร้างสรรค์ให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ถ้ารัฐบาลกล้าให้เวลากับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ตนคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีทางการเมือง ซึ่งสถานการณ์ไม่ดีอยู่แล้วนายกรัฐมนตรีกำลังใช้สื่อของรัฐไปตอบโต้กับสื่อเอกชน โดยไม่แบ่งเวลามาให้ฝ่ายค้าน ดังนั้น หากมีการพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ในรายการ นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ
“นายกรัฐมนตรีคนนี้กำลังใช้ลูกไม้เดิมๆ เหมือนในอดีตที่มีอำนาจ ใช้สื่อของรัฐตอบโต้ปลุกระดมโดยครั้งหนึ่งใช้วิทยุยานเกราะปลุกระดมคนให้เกลียดนักศึกษาเจ้าหน้าที่นำมาสู่ความวุ่นวายของบ้านเมือง จนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ทบทวนพฤติกรรม ถ้าอยากให้ความสงบสุข สมานฉันท์กลับมาก็ไม่ควรไปเติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟ” นายเทพไท กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลนายสมัครได้เดินหน้าทำลายความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช.อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค.นายสมัคร กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ว่า ป.ป.ช.ไม่ถูกกฎหมาย เพราะผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่มีความชอบธรรมที่จะพิจารณาถอดถอนคณะรัฐมนตรีที่ผ่านการถวายสัตย์มาอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นคนในพรรคพลังประชาชนได้ระดมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอย่างถี่ยิบ รวมทั้งให้ 4 อดีตแกนนำ นปก.พูดย้ำประเด็นดังกล่าวในรายการทางพีทีวีทุกวัน
ล่าสุด วันนี้ (20 ก.ค.) นายสมัครพูดย้ำในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” อีกครั้งว่า ป.ป.ช.ไม่ผ่านการโปรดเกล้าฯ ตาม กฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 โดยหลังจาก คมช.ยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย.49 แล้ว ได้ลงนามแต่งตั้ง ป.ป.ช. 9 คน แล้วปฏิบัติหน้าที่เลย หลังจากนั้นค่อยนำความขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ก็ยังไม่มีการโปรดเกล้าลงมา นอกจากนี้ ยังอ้างว่า ป.ป.ช. มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยสั่งการ โดยเฉพาะกรณีการตรวจสอบรายชื่อ 40,000 รายชื่อของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยื่นถอดถอนรัฐมนตรีทั้งคณะ กลับตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ายที่จะยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 20,000 รายชื่อ ยื่นไปนานแล้วยังตรวจสอบไม่เสร็จ
ขณะเดียวกัน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวที่สำนักงานพรรคฯ วันนี้ ว่า การแต่งตั้ง ป.ป.ช. ยังไม่มีความสมบูรณ์ เนื่องจากการแต่งตั้งจะต้องได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกัน สถานภาพและวาระการทำงานในตำแหน่งของ ป.ป.ช.นั้น จะเริ่มนับตั้งแต่เมื่อใด เพราะเนื่องจากยังไม่ได้มีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทั้งนี้ เห็นว่าองค์กรที่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จะทำงานตรวจสอบตัดสินองค์กรที่ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแล้วนั้นจะมีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
นอกจากนี้ โฆษกพรรคพลังประชาชน ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.ของพรรค จะเข้าชื่อเพื่อดำเนินการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน ป.ป.ช.ว่า ถือเป็นสิทธิทางรัฐธรรมนูญของ ส.ส.ที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม พรรคไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ขณะเดียวกัน การดำเนินการของ ส.ส. ก็ไม่ได้เป็นความต้องการที่จะดิสเครดิต ป.ป.ช.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาเรื่องเร่งด่วนกรณีที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ส.ว.จำนวนหนึ่ง ยื่นคำร้องให้ดำเนินคดีกับ ครม.ทั้งคณะ ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศและนายทหารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 กรณีรับรองการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาสนับสนุนให้มีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่า แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นหนังสือสนธิสัญญา การดำเนินการของรัฐบาลโดยไม่ผ่านรัฐสภาถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และกรณีทำให้ไทยสูญเสียดินแดนและอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร จะทำให้มีโทษจำคุกตลอดชีวิตถึงประหารชีวิต
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังได้รับช่วงดำเนินคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จำนวนหลายสิบคดี หลังจากที่ คตส.หมดอายุลงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ป.ป.ช.จึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่แทน คตส.ที่เครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพุ่งเป้าโจมตี