แกนนำพันธมิตรฯ เตรียมร่วมลงชื่อร่อนถึงผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เพื่อหามาตรการป้องกันการเผชิญหน้าของ ปชช. ระบุการชุมนุมเรียกร้องปราสาทพระวิหารเพราะหวงแหนอธิปไตย สาปส่ง “หมัก” ใช้พีทีวีตอบโต้เอสเอสทีวี ระบุเอ็นบีทีเป็นสถานีภาษีของ ปชช.
วันนี้ (20 ก.ค.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในค่ำคืนนี้แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนจะร่วมลงชื่อเพื่อส่งจดหมายไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าสถานีตำรวจทุกจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และสิทธิของประชาชนในการชุมนุมโดยสงบและเป็นไปอย่างสันติออกแจกจ่าย โดยขอยืนยันว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นหน้าที่ของตำรวจและฝ่ายปกครองที่จะต้องเข้าไปทำหน้าที่ดูแลให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าของประชาชน
นายพิภพ กล่าวว่า รัฐบาลต้องดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความหวั่นไหว แต่อย่าทำให้ไทยถูกมองว่า อ่อนแอ ดังนั้น ผู้ที่มาทำหน้าที่ทั้งทูตที่ประจำอยู่ที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ต้องมีความเข้มแข็ง เด็ดขาดและเก่ง
นายพิภพ ยืนยันว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นคนสั่งให้ประชาชนไปชุมนุมอยู่ที่เขาพระวิหาร แต่เป็นการเดินทางไปของประชาชนที่หวงแหนอธิปไตย ดังนั้น อยากฝากเตือนนักการเมืองท้องถิ่นที่นำคนออกมาต่อต้าน จนเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างคนไทยด้วยกัน รัฐบาลควรนำประเด็นที่มีการชุมนุมของประชาชนมาเป็นประโยชน์ในการต่อสู้เพื่อทวงแผ่นดินคืนดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์หรือไม่หลังกัมพูชายื่นหนังสือร้องต่อยูเอ็นกรณีไทยบุกรุกดินแดน นายพิภพ กล่าวว่า ให้มองในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยประเทศไทยจะได้นำแผนที่ตามแนวสันปันน้ำไปชี้แจงข้อเท็จจริงให้ถูกต้องและให้นานาประเทศเข้าใจ เพื่อยืนยันหากยึดตามแนวสันปันน้ำ พื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของไทยอย่างแน่นอน แต่ที่ผ่านมาเข้าใจผิด เพราะได้หยิบแผนที่ของประเทศฝรั่งเศสในยุคที่มีการล่าอาณานิคมขึ้นมากล่าวอ้าง ดังนั้น รัฐบาลต้องเตรียมตัวเรื่องนี้ให้พร้อม
ต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรีใช้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีชี้แจงโต้ข้อกล่าวหาของพันธมิตรฯ นั้น เห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นเงินภาษีของประชาชน รัฐบาลควรใช้พีทีวีเป็นสถานีชี้แจงของฝ่ายรัฐบาลจะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากการบริจาคของกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล ทั้งนี้ การจัดรายการวันอาทิตย์ของนายกรัฐมนตรีในตอนเช้าก็ถือว่าเอาเปรียบฝ่ายอื่นอยู่แล้ว สิ่งที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดถือว่า ไม่แม่นในเรื่องข้อกฎหมาย รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องการบริหารนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องเขาพระวิหาร ไม่ได้เกิดจากกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด