“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เปิดโปงพฤติกรรม “แม้ว” สุดแสบ วางแผนเขี่ย “สุรเกียรติ์” ดัน “กันตธีร์” คุมบัวแก้ว เปิดทางเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับกัมพูชา ขณะที่รัฐบาลนอมินีรับลูกอีก เร่งเจรจาหวังผลประโยชน์ด้านพลังงาน จับตาศาลรัฐธรรมนูญฟันธง ครม.ล้มทั้งคณะแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 23.15 น.ที่ผ่านมา โดยระบุไม่หวั่นแม้จะถูกรองโฆษกพรรคพลังประชาชน แจ้งความดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าคดีที่โดนนั้นน้อยกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลายสิบเท่า โดยเฉพาะทางรอดก็เหลืออยู่น้อยนิด โดยเฉพาะเมื่อศาลฎีกานักการเมืองยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ เหตุคำร้องยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ ก็เท่ากับว่าใกล้วันเช็กบิลระบอบทักษิณเข้าไปทุกที
ทั้งนี้ นายสมเกียรติยังเปิดโปงขบวนการขายแผ่นดินเพื่อแลกผลประโยชน์ด้านพลังงาน โดยระบุว่า กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางแผนปลดนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย แล้วส่งนายกันตธีร์ ศุภมงคล เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทน ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน นายกันตธีร์ ได้เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา พร้อมเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับการเห็นชอบกับกัมพูชาผลักดันเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก และรัฐบาลไทยจะให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการสร้างถนนเพิ่มขึ้น
แต่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลง พ.ต.ท.ทักษิณ ชิงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ พ.ต.ท.ทักษิณ ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน จึงรีบบินด่วนไปที่กัมพูชาแบบเช้าไปเย็นกลับ เพื่อเซ็นสัญญา 4 ข้อ ลงนามร่วมกับสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากนั้นเกิดการรัฐประหาร มีการเลือกตั้งใหม่ พรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้เพียง 11 วัน ลุกลี้ลุกลนบินด่วนไปกัมพูชา ต่อยอดการเจรจาตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำไว้
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ บินไปร่วมออกรอบตีกอล์ฟกับสมเด็จ ฮุนเซน พร้อมเซ็นสัญญาเช่าเกาะกงเป็นเวลา 99 ปีหวังดำเนินธุรกิจเพื่อกอบโกยความร่ำรวยอย่างมหาศาล และก็เหมือนได้คืบจะเอาศอก หวังเอาเขาพระวิหารไปแลกผลประโยชน์ด้สนหลังงาน พ.ต.ท.ทักษิณ จึงส่งนายนพดล ปัทมะ ไปประเทศฝรั่งเศสเพื่อลงนามในข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ก่อนที่ครม.จะมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.และหลังจากนั้นก็เร่งลงนามแถลงการณ์ร่วมตามแนวทางของกรมแผนที่ทหาร เป็นความเร่งรีบที่ผิดปกติ ดังนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างแถลงการณ์ฉบับหลังนี้เป็นสนธิสัญญา เชื่อว่า เก้ารัฐมนตรีสั่นคลอนไปทั้งคณะแน่นอน