“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ชี้รัฐบาลอาจทำการยึดอำนาจตนเองเพื่อหาทางออก หลังทางเลือกอื่นพบทางตัน เตือนกฤษฎีกาวินิจฉัยคำสั่งศาลปกครองกรณีปราสาทพระวิหารให้ถูกต้อง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 1 ก.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ในขณะนี้ประชาชนชาวกัมพูชากำลังดีใจกันมากและเตรียมที่จะฉลองกันในเรื่องของการที่ปราสาทพระวิหารจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
นอกจากนี้ยังเปิดเผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมีนายทุนคนหนึ่งได้ไปเจรจาผลประโยชน์ในเรื่องของสัมปทานการสื่อสารในประเทศกัมพูชาในสมัยที่นายฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคู่กับสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ จนถึงปัจจุบันก็ยังหาผลประโยชน์กับประเทศกัมพูชาอีก ขณะเดียวกัน ในเวลานี้มีรายงานข่าวว่า ที่เกาะช้างซึ่งมีรีสอร์ตของนายทุนคนดังกล่าวกำลังทำการถมทะเลติดต่อกันเป็นวันที่ 10 โดยมีพลโท ชื่อย่อ ป.คนหนึ่งที่เป็นเพื่อร่วมรุ่น เป็นผู้ควบคุมการถมทะเล
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงการประชุมของแกนนำพันธมิตรฯ ว่า กำลังจะมีการประชุมกันเพื่อหารือถึงวันที่จะทำการเป่านกหวีดครั้งใหญ่ เพราะขณะนี้ชัยชนะของพันธมิตรฯ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องที่ครม.มีมติเห็นชอบแถลงการณ์ไทยขกัมพูชาที่รับรองการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารไว้พิจารณาแล้ว ซึ่งน่าจะขัดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นในตอนนี้รัฐบาลกำลังเจอปัญหาและกำลังหาทางออกในเรื่องต่างๆ อยู่
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลมีอยู่ 3 ทางเลือก ประการแรก คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้คดีความต่างๆ เป็นโมฆะ ซึ่งไม่ได้ผลแล้วเพราะศาลรัฐธรรมนูญได้รับมือในเรื่องนี้ไว้แล้ว ประการต่อมาคือ การติดสินบนกระบวนการยุติธรรม กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เห็นได้จาก กรณีถุงขนม 2 ล้านบาท แต่ก็ถูกจับได้ และประการสุดท้าย คือ การปฏิวัติตนเอง และทำการประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 1 และล้มคดีต่างๆ ซึ่งในขณะนี้มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า มีรถยนต์ของ พลเอก วิ่งเข้าพบบรรดานักการเมืองอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายสมเกียรติได้กล่าวเตือนคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงเรื่องกรณีการตีความคำสั่งศาลปกครองกรณีปราสาทพระวิหาร ด้วย เพราะขณะนี้กำลังถูกจับตามองอยู่ว่าจะมีการวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร เพราะที่ผ่านมามีกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้ว เช่น กรณีทุจริตที่กำจัดขยะ 9,000 ล้านของนายสมัคร สนุทรเวช สมัยที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งกฤษฎีกาวินิจฉัยว่ามีความผิด แต่เมื่อนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีกลับเปลี่ยนคำวินิจฉัยว่าไม่ผิด
นายสมเกียรติ กล่าวในตอนท้ายว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในขณะนี้เป็นการทำให้เหตุการณ์ต่างๆ เข้ารูปเข้ารอยด้วยการเสียสละของประชาชนที่เข้ามาชุมนุม หรือที่เรียกว่า ธรรมะจัดระเบียบ