กก.สิทธิ์ ออกแถลงการณ์เตือนรัฐบาลเคารพสิทธิการชุมนุมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ชี้ รัฐบาลไม่นำพา และไม่เคารพต่อคำทักท้วงทั้งในและนอกสภา ทำให้ภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ระบุ รัฐบาลงุบงิบรับรองการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ทำให้ไทยอาจเสียอธิปไตย ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายเสน่ห์ จามริก อ่านแถลงการณ์
วันนี้ (19 มิ.ย.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นำโดย นายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วย นางสุนีย์ ไชยรส และ นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้อ่านแถลงการณ์เรื่อง “การใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ระบุว่า ตามที่มีการชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาลจากหลายภาคส่วนจนสถานการณ์ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าทำท่าจะบานปลาย อาจนำไปสู่ความรุนแรง
คณะกรรมการสิทธิฯ จึงอยากเตือนสติทุกฝ่ายดังนี้ คือ 1.ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย 2.รัฐบาลขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์และสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และไม่นำพาต่อเสียงทักท้วง และการคัดค้านของประชาชน นอกจากนั้น การดำเนินการเรื่องที่ยูเนสโกจะประกาศให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก อาจจะทำให้เกิดผลกระทบในด้านสิทธิอธิปไตยของประเทศไทย แต่รัฐบาลไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่ผ่านกระบวนการให้ความเห็นชอบของรัฐสภาตามเจตนารมณ์มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
3.ความล้มเหลวของรัฐสภาในการควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่างๆ อันกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ถูกต้องตรงกันของแต่ละฝ่าย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมยึดมั่นในการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธ และขอให้รัฐบาลยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการหยุดยั้ง หรือสลายการชุมนุมไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว
นายเสน่ห์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการจะไม่พยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นขัดแย้ง แต่ต้องการเตือนสติให้แต่ละฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลกลับไปทบทวนในการบริหารประเทศ เพื่อป้องปรามประชาชนที่จะไปใช้สิทธินอกสภา
เมื่อถามว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯถือเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ นายเสน่ห์ กล่าวว่า การชุมนุมใดๆ ย่อมไม่ปกติแน่ แต่การที่รัฐบาลบริหารประเทศโดยไม่ยอมฟังเสียงทักท้วง และเป็นต้นเหตุของการกระตุ้นให้คนออกมาชุมนุมเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปรับปรุง จึงอยากให้รัฐบาลและประชาชนมองให้กว้างๆ ลึกๆ ว่า แท้จริงปัญหามาจากอะไร และคิดว่าสิ่งที่จะช่วยทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ รัฐบาลต้องแถลงอะไรสักอย่างให้ประชาชนทั้งประเทศเกิดความมั่นใจ และทำทุกเรื่องให้เกิดความชัดเจน
ส่วนที่พันธมิตรฯประกาศจะเคลื่อนขบวนไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล จะทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่ นางสุนีย์ กล่าวว่า เมื่อผู้ชุมนุมประกาศว่าจะเคลื่อนขบวนก็จะต้องพึงระวังและต้องดูแลกันเองให้ได้ เพื่อไม่ให้มีบุคคลใดกระทำการนอกกรอบของการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายเสน่ห์ จามริก อ่านแถลงการณ์
วันนี้ (19 มิ.ย.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นำโดย นายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วย นางสุนีย์ ไชยรส และ นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้อ่านแถลงการณ์เรื่อง “การใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ระบุว่า ตามที่มีการชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาลจากหลายภาคส่วนจนสถานการณ์ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าทำท่าจะบานปลาย อาจนำไปสู่ความรุนแรง
คณะกรรมการสิทธิฯ จึงอยากเตือนสติทุกฝ่ายดังนี้ คือ 1.ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย 2.รัฐบาลขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์และสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และไม่นำพาต่อเสียงทักท้วง และการคัดค้านของประชาชน นอกจากนั้น การดำเนินการเรื่องที่ยูเนสโกจะประกาศให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก อาจจะทำให้เกิดผลกระทบในด้านสิทธิอธิปไตยของประเทศไทย แต่รัฐบาลไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่ผ่านกระบวนการให้ความเห็นชอบของรัฐสภาตามเจตนารมณ์มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
3.ความล้มเหลวของรัฐสภาในการควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่างๆ อันกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ถูกต้องตรงกันของแต่ละฝ่าย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมยึดมั่นในการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธ และขอให้รัฐบาลยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการหยุดยั้ง หรือสลายการชุมนุมไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว
นายเสน่ห์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการจะไม่พยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นขัดแย้ง แต่ต้องการเตือนสติให้แต่ละฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลกลับไปทบทวนในการบริหารประเทศ เพื่อป้องปรามประชาชนที่จะไปใช้สิทธินอกสภา
เมื่อถามว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯถือเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ นายเสน่ห์ กล่าวว่า การชุมนุมใดๆ ย่อมไม่ปกติแน่ แต่การที่รัฐบาลบริหารประเทศโดยไม่ยอมฟังเสียงทักท้วง และเป็นต้นเหตุของการกระตุ้นให้คนออกมาชุมนุมเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปรับปรุง จึงอยากให้รัฐบาลและประชาชนมองให้กว้างๆ ลึกๆ ว่า แท้จริงปัญหามาจากอะไร และคิดว่าสิ่งที่จะช่วยทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ รัฐบาลต้องแถลงอะไรสักอย่างให้ประชาชนทั้งประเทศเกิดความมั่นใจ และทำทุกเรื่องให้เกิดความชัดเจน
ส่วนที่พันธมิตรฯประกาศจะเคลื่อนขบวนไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล จะทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่ นางสุนีย์ กล่าวว่า เมื่อผู้ชุมนุมประกาศว่าจะเคลื่อนขบวนก็จะต้องพึงระวังและต้องดูแลกันเองให้ได้ เพื่อไม่ให้มีบุคคลใดกระทำการนอกกรอบของการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ