xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ยื่นศาล รธน.ชี้ขาดแถลงการณ์ร่วม “นพเหล่” เป็นโมฆะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปชป.ยื่นคำร้องผ่านรองประธานสภาฯ ให้ศาล รธน.วินิจฉัยแถลงการณ์ร่วมจดทะเบียน “พระวิหาร” เป็นโมฆะ ชี้เข้าข่ายหนังสือสัญญา ต้องนำเข้าสภาก่อนตาม ม.190 พร้อมจี้รัฐบาลลูกกรอกหยุดกล่าวหายุยงคลั่งชาติ “สุขุมพันธุ์” โต้ รมต.เขมร ยันไม่ใช่เกมการเมือง ย้ำ 2 ชาติต้องขอจดมรดกโลกร่วมกัน ด้าน “ชูศักดิ์” ตีกันพันธมิตรฯ ยื่นฟ้องศาล


วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะได้ยื่นหนังสือคำร้องต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 51 เห็นชอบให้นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาสนับสนุนให้มีการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ในวันที่ 18 มิ.ย.51 เป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และเป็นโมฆะ เนื่องจากการแถลงการณ์ร่วมถือเป็นหนังสือสัญญา และจะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน

ทั้งนี้ เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา ศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ รมว.ต่างประเทศและรัฐบาลไทยปฏิบัติตามเนื้อหาในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว เนื่องจากอาจทำให้ไทยเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหารโดยถาวร โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทางพรรคฯ เตรียมจะยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นโมฆะด้วย เพราะถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ระบุว่าการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาก่อนดำเนินการเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยุติกระบวนการใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวหาว่ายุยงให้คนไทยคลั่งชาติ

ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเงา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้นำประเด็นการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของประเทศกัมพูชาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ตามที่นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวพาดพิงแต่อย่างใด เพราะทราบดีว่าไม่มีหนทางใดที่จะล้มรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ขอย้ำจุดยืนว่า ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาควรขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารร่วมกัน

“เชษฐา” เชื่อไม่กระทบสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา

พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เชื่อว่าปัญหานี้จะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้ว่าเรื่องเขตแดนจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พร้อมยืนยันพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยกดดันให้ปรับคณะรัฐมนตรีหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 7 รัฐมนตรี แต่เป็นดุลพินิจที่นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาเอง ซึ่งพรรคไม่ขอเข้าไปก้าวล่วง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากมีการปรับจริงก็เป็นเพียงบางตำแหน่งไม่ใช่ปรับใหญ่

** “ตือ” เชื่อสถานการณ์คลี่คลาย

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ อันเกิดจากปราสาทเขาพระวิหารจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนำมติคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการลงนามในร่างคำแถลงการณ์ร่วมปราสาทเขาพระวิหารกับประเทศกัมพูชา ซึ่งคงจะมีเพียงแต่ความรู้สึกที่มีต่อรัฐบาลเท่านั้น ทั้งนี้เห็นว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในช่วงที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ส่วนที่ทางกลุ่มพันธมิตรจะนำประเด็นนี้มาฟ้องร้องดำเนินคดีกับขณะรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าสามารถดำเนินการได้เพราะถือว่าเป็นสิทธิ

พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยยืนยันไม่เคยต่อรองกับพรรคกลังประชาชน เพื่อให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยแลกกับคะแนนลงมติไว้วางใจ ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ขอตอบตำถามว่า ขณะนี้ถึงเวลาในการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วหรือไม่เพียงแต่เห็นว่ารัฐบาลควรรับฟังกระแสสังคม

** “ชูศักดิ์” ยันไม่แก้มติ ครม.

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องทบทวนหรือปรับแก้มติกรณีปราสาทพระวิหาร หลังศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพราะเป็นเพียงการคุ้มครองชั่วคราวเท่านั้น ทั้งยังไม่เห็นความจำเป็นที่ทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำกรณีนี้ไปดำเนินการฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันได้ว่า ไม่มีรัฐมนตรีคนใดที่ประสงค์จะให้เกิดความเสียหายหรือเสียดินแดนให้กับประเทศกัมพูชา แต่เพราะประเด็นดังกล่าวถูกนำไปเชื่อมโยงเป็นประเด็นทางการเมืองจึงต้องมีการออกมาโต้แย้งต่างๆ เกิดขึ้น

** “สุวิทย์" อ้าง “เขาพระวิหาร” ผิดพลาดต้องแก้ไข

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ก่อนการลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้คุยประเด็นเขาพระวิหารว่า อะไรที่ผิดก็ควรแก้ไข ซึ่งทางพรรคได้เสนอให้แก่มติคณะรัฐมนตรี ไม่ให้กระทบกับมติคณะรัฐมนตรีปี 2505

ส่วนการชี้แจงในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 นายสุวิทย์ ยืนยัน เงินรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลค้างกระดาน ส่งชำระกองทุนทั้งหมดไม่ได้ตกหล่นอยู่ที่ใคร ทุกอย่างตรวจสอบได้

ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ส่วนตัวไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกพรรคร่วมรัฐบาลหารือ อย่างไรก็ตาม การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่มีผลกระทบกับพรรคเพื่อแผ่นดิน




กำลังโหลดความคิดเห็น