แฉอีก! “แม้ว” หวังสูง จ้องฮุบธุรกิจพลังงานแบบเบ็ดเสร็จ

“ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เปิดโปงกระบวนการฮุบสัมปทานพลังงานบริเวณอ่ายไทย เผย “แม้ว” ทำทุกอย่าง เพื่อให้กลุ่มทุนในเครือข่ายที่จ้องตาเป็นมัน เข้ามาจับธุรกิจที่สร้างกำไรมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 ให้อยู่ในกำมือ

วันนี้ (15 ก.ค.) เวลา 20.30 น.ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีปราศรัย ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งกรณีการสูญเสียปราสาทพระวิหาร และการสูญเสียบริเวณพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร เป็นการเตรียมการของบรรดาสมุนรับไช้ระบอบทักษิณ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นกลุ่มทุนที่สามารถผูกขาดธุรกิจด้านพลังงานทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด เพราะธุรกิจการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน คือ ธุรกิจการลงทุนของศตวรรษที่ 21 เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรอย่างมหาศาล

ศ.ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า พยายามชี้แจงมาตั้งแต่ต้น ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หวังที่จะเอาปราสาทพระวิหาร รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์จากสิทธิสัมปทานก๊าซธรรมชาติ และบ่อน้ำมันในอ่าวไทย ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่บริเวณชายฝั่งของเวียดนามตอนล่าง ต่อเนื่องมาถึงชายฝั่งกัมพูชา และไปถึงชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย โดยภูมิศาสตร์โดยรอบอ่าวไทยน้ำจะไม่ลึก พื้นที่ส่วนใหญ่ไปไหล่ทวีป ซึ่งโดยหลักธรณีวิทยา เชื่อว่า เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันมากที่สุดแห่งหนึ่ง

นอกจากนี้ ศ.ดร.ภูวดล ยังเปิดเผยให้เห็นถึงความสำคัญในพื้นที่อ่าวไทย โดยระบุว่า ในอดีตตอนที่ไทยเปิดให้มีการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จะเห็นว่า ประชาชนจะไม่รับรู้ข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับผลสำรวจ รู้เพียงแต่ว่า วันดีคืนดีไทยมีก๊าซธรรมชาติใช้ แต่ความเป็นจริง อ่าวไทยเป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ในอดีตเมื่อน้ำมันบาเรลหนึ่งไม่กี่บาท การขุดเจาะบริเวณอ่าวไทยจึงไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน อีกทั้งยังมีแหล่งน้ำมันอื่นๆ เช่น ตะวันออกกลาง รัสเซีย อเมริกา ทะเลเหนือ หรือบริเวณแถบอเมริกาใต้ขุดขึ้นมาได้ถูกกว่า

แต่วันนี้เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกบาร์เรลหนึ่งเกินกว่า 100 ดอลลาร์ขึ้นไป มันกำไรทั้งนั้น ทุกฝ่ายจึงจ้องผลประโยนช์ในอ่าวไทย จริงๆ แล้วการคำนวณ ว่า ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงตลอดเวลาในโลก มันมีแนวโน้มดังกล่าวมาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นบริษัทน้ำมันต่างๆ ในโลก จึงพยายามที่จะเข้ามาขอสิทธิสัมปทานในการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันในอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง

โดยมีการเปิดให้สัมปทานการสำรวจปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ ทั้งบนบก อ่าวไทย และทะเลอันดามัน จำนวนกว่า 40 แปลง บนบก 19 แปลง อ่าวไทย 18 แปลง และทะเลอันดามัน 3 แปลง ขณะที่มีแปลงที่มีปัญหาอยู่ 5 แปลง ซึ่งคาดว่าจะเป็นแปลงที่มีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้กับบริเวณที่เรียกว่า หลุมหมีใหญ่ของเวียดนาม ซึ่งในวันนี้สามารถผลิตน้ำมันไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาร์เรล

ศ.ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า บ่อหมีใหญ่นี้จริงๆ อยู่ใกล้สีหนุวิลล์ เมืองชายทะเลยอดนิยมมากที่สุดของกัมพูชา แต่เนื่องจากเวียดนาม เป็นประเทศที่มีอิทธิพลเหนือกัมพูชา เพราะฉะนั้นจึงตัดปักปันเขตแดนเอาเปรียบกัมพูชา เชื่อว่า ในอนาคตหากกัมพูชาเข้มแข็งขึ้น บ่อหมีใหญ่นี้จะเป็นปัญหาที่กัมพูชาจะเรียกร้องอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่า แหล่งสัมปทานในอ่าวไทย จะต่อเชื่อมโยงไปที่แหล่งบิ๊กแบร์ของเวียดนาม ซึ่งแหล่งน้ำมันแหล่งมีกำลังการผลิตที่ 3-5 แสนบาร์เรลต่อวัน และจะต่อไปถึงแหล่งพลังงานของกัมพูชาเพิ่มเติมอีก ซึ่งเข้าใจว่า ได้มาจากการนำดินแดนเขาพระวิหารส่วนหนึ่งไปเป็นเงื่อนไข ซึ่งเมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะขนขึ้นเรือของการปิโตรเลียม ก่อนถูกนำมากลั่นที่ท่าเรือจังหวัดระยอง

ดังนั้น อ่าวไทยจึงเป็นจุดที่สำคัญแห่งหนึ่งของระบอบทักษิณ บริษัทนายทุนที่เกี่ยวโยงกับระบอบทักษิณ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิทธิในการสำรวจปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติบริเวณนั้น โดยเฉพาะพื้นที่ 5 แปลงที่มีปัญหา เป็นพื้นที่ที่ถูกคาดการณ์ ว่า มีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหลังจากได้ผลกำไรจากปตท.สผ.บริษัทลูกของ ปตท.ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการขุดเอาก๊าซขึ้นมาใช้งานแล้ว กลุ่มทุนของระบอบทักษิณ จึงหวังที่ฮุบผลประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเบ็ดเสร็จ ถึงขนาดยอมเสียทุกอย่างเพื่อแลกกับผลประโยชน์ตรงนั้นกับกัมพูชา