“เจิมศักดิ์” นำทีมนักวิชาการชำแหละ “หุ่นเชิด” ดันทุรังแก้รัฐธรรมนูญเหมือน “หมาจนตรอก” ชี้ พฤติกรรม “แม้ว” ไม่ใช่อันตรายเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ยังอันตรายกับทุกประเทศในแถบนี้ด้วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย"
วันนี้ (16 ก.ค.) ในช่วงรู้ทันประเทศไทย โดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ นายสันติสุข มะโรงศรี และเชิญ นายสุรัฐ โหราชัยกุล อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มาเป็นวิทยากร ก่อนเริ่มเข้ารายการ พวกเขาได้กล่าวว่า จากการออกไปร่วมพบปะกับประชาชนทั่วประเทศ โดยบางพื้นที่ เช่น สุพรรณบุรี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ แพร่ ลำปาง เป็นต้น มีความตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด และรู้ทันการเมืองแล้ว
นายเจิมศักดิ์ กล่าวถึงความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล และพรรคพลังประชาชน ในครั้งนี้ ว่า เปรียบเสมือนหมาจนตรอก และพยายามบิดเบือนเจตนาของรัฐธรรมนูญ โดยยกตัวอย่างความพยายามในการยื่นเรื่องให้เอาผิด ส.ว.-ส.ส.ฝ่ายค้านที่ตรวจสอบการกระทำความผิดของตนเอง เป็นเจตนาที่ไม่ชอบ ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 142 ในเรื่องผลประฌยชน์ขัดกัน ซึ่งรัฐบาลกำลังเดินเข้าป่าลึกเข้าไปทุกที
นายสุรัฐ กล่าวว่า อยากบอกว่ารัฐบาล หรือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า ให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนไปยื่นเรื่องเอาผิดกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ว.ว่า เป็นลักษณะมือถือสากปากถือศิล ทั้งที่ตนเองปากบอกว่าไม่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ในที่สุดก็กลับมาใช้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ตนเองบอกว่าไม่ศรัทธา
นายสุรัฐ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่เกี่ยวกับเรื่องการทำสนธิสัญญาหรือเกี่ยวข้องกับเขตแดนอาณาเขต ว่า ถือว่าเป็นมาตราที่เป็นประชาธิปไตยที่สุด และในกรณีที่ถูกแรงกดดันจากต่างประเทศ เราสามารถทำไปอ้างว่าเราต้องมาถามสภาก่อน ดังนั้น ถ้ามีพฤติกรรมโปร่งใสจริง ถือว่าคนนั้นแหละผิด ไม่ใช่รัฐธรรมนูญผิด
นายเจิมศักดิ์ ได้แสดงความเสียใจกับคำพูดของ นายกระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยออกกฎหมายขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง และเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ชี้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดจากคดีซุกหุ้น อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาโจมตีรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่กล่าวหาว่า ทำลายระบบการถ่วงดุลฝ่ายบริหาร จนทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงาน ว่า ถ้าไม่บ้าก็ถือว่าแก่เกินไปแล้ว
ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 237 เพื่อหนีคดียุบพรรคนั้น นายสุรัฐ กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรค จะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำผิดในการทุจริตเลือกตั้ง โดยเปรียบเทียบกับกฎหมายสถานบริการที่หากมีการพบสิ่งผิดกฎหมายเช่นยาเสพติดเจ้าของร้านก็ต้องรับผิดโดยปิดสถานบริการนั้นด้วย
นายสุรัฐ ยังวิจารณ์ถึง 6 มาตรการช่วยคนจนของรัฐบาล ว่า เป็นโครงการประชานิยมที่ทำลายประชาชน และภาษีที่นำมาใช้อุดหนุนก้เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคนจนต้องจ่ายภาษีเท่ากับคนรวย
จากนั้น นายเจิมศักดิ์ ได้เล่าย้อนอดีตถึงพฤติกรรมของ พต.ท.ทักษิณ ในเขมร เมื่อสิบกว่าวันก่อน ในช่วงที่เข้าไปทำธุรกิจทีวี และโทรศัพท์ โดยได้สัมปทาน 99 ปี ต่อมาเมื่อ ฮุนเซน ได้อำนาจก็มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็น 25 ปี ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจสั่งให้ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ ไปสั่งการให้มีการรัฐประหารในกัมพูชา แต่ไม่สำเร็จต้องหนีมาประเทศไทย ดังนั้น พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อันตรายเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ยังอันตรายต่อทุกประเทศในแถบนี้ด้วย ยกตัวอย่างการปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ให้กับพม่า เป็นต้น