xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” ติงช่อง 5 อย่าปิดข่าวเขาพระวิหาร - หวั่นชาตินิยมทำ ปชช.หมางใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ” ติงช่อง 5 ทีวีของทหาร อย่าปิดกั้นข้อมูลเขาพระวิหาร หวั่นเกิดปัญหาชาตินิยมระหว่างประชาชนสองประเทศโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเหยื่อยทางการเมืองของ “ทักษิณ-ฮุนเซน” ย้ำเตือนสติคนไทย พึงระวังภัยเหลือบแผ่นดิน เตรียมฮุบขุมพลังงานกลางทะเลซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน สอน “ปชป.” อย่าเล่นการเมืองแบบย่ำอยู่กับที่ ควรหนุนการเมืองใหม่ เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับประชาชน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 22.17 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า ได้คุยกับนักวิชาการหลายคนว่า การต่อสู้กับพันธมิตรฯ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยพฤษาฯ 2535 หรือ 14 ตุลาฯ 16 เพราะว่าเป็นการชุมนุมของหลายขนชน หนุ่มสาว คนแก่ คนชรา กลางคน ที่สำคัญ มีการถ่ายทอดสดเอเอสทีวี บนเวทีพันธมิตรฯ 24ชั่วโมง ทำให้มีคนเข้าร่วมชุมนุมทางหน้าทีวีอีก 10-20 ล้านคน

นายพิภพ กล่าวต่อว่า สงสัยว่าทำไมทหารสมัยใหม่ถึงได้สั่งช่อง 5 ไม่ให้รายงานเรื่องเขาพระวิหาร กลัวเสียสัมพันธไมตรี แต่ไม่กลัวเสียดินแดนหรือยังไง การทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องปราสาทเขาพระวิหารและมติของคณะกรรมการมรดกโลก ถ้าไม่ให้ประชาชนเข้าใจแล้วจะให้ประชาชนวางท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร พอวางท่าทีไม่ถูก ก็จะอาจจะทำให้เกิดลักษณะชาตินิยมระหว่างคนไทยกับเขมร ซึ่งคนไทยและกัมพูชาไม่รู้เรื่องในการกระทำของรัฐบาลทั้งสอง เป็นการกระทำของรัฐบาลไทยรักไทยในอดีตสืบทอดมารัฐบาลพรรคพลังประชาชน และฝั่งโน้นก็รัฐบาลฮุนเซ็น ซึ่งพยายามใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แล้วร่วมมือกับอดีตนายกฯไทยขุดที่ทรัพยากรของเขมร ประชาชนเขาไม่รู้เรื่อง แต่ธรรมดาประชาชนเขาก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา แต่เขาไม่รู้เรื่องหรอกว่าเป็นเหยื่อนักการเมือง

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ฉะนั้นเรื่องนี้เราต้องระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน แต่ที่เราเล่นงานคือกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล อดีตนายกฯไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินัวตร และนายกฯเขมร ที่พยายามจะเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นการลงทุนทำธุรกิจ ทางทหารต้องทบทวนว่าการปิดกั้นหูตาประชาขนเหมือนสมัย 14ตุลาฯ มันหมดไปแล้ว ยิ่งปิดคนก็ยิ่งอยากรู้ การให้ความรู้ผิดๆ ย่อมไม่ดีแน่

นอกจากนั้น นายพิภพ ยังเปิดเผยด้วยว่า มีจดหมายฉบับหนึ่งเสนอความเห็นมาถึงตนกรณีเอเอสทีวี โดยเขาระบุว่า เห็นความสำคัญของการถ่ายถอดสดการชุมนุมของพันธมิตรฯผ่านเอเอสทีวี ที่ทำให้คนในชนบทเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงเสนอให้ตั้งกองทุนจานดาวเทียมเอเอสทีวี ขอบริจาคทั่วไป เพื่อนำไปติดตามตำบลต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้ และเชื่อว่าจะทำให้การเมืองใหม่จะนำไปสู่ความเข้าใจและการยอมรับจากประชาชนในชนบท

นายพิภพ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ กรณียูเนสโกกับการประกาศให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดลโลก ต้องแยกกันเพราะมีความสับสนทางเนื้อหา คณะกรรมการมรดกเป็นผู้รับรองให้กัมพูชาดูแลปราสาทเขาพระวิหาร แต่ปราสาทเขาพระวิหาร ประเทศไทยสงวนสิทธิ์กับศาลโลกว่าเราจะยื่นให้พิจารณาใหม่โดยข้อมูลใหม่ ว่าเป็นของเขมรถูกต้องตามหลักสากลหรือไม่ ฉะนั้นกรรมการมรดกโลกไม่ใช่ศาล เขาเพียงแต่รับรองว่าเป็นมรดกโลก แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนข้อสงวนของไทยที่จะยื่นต่อศาลโลกว่า ถ้าแบ่งตามสันปันน้ำต้องเป็นของไทย รัฐบาลชั่วๆไปบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์แล้ว ไม่จริง ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ประการที่สอง คณะกรรมการมรดกโลกถือดีอย่างไร ที่บอกว่า พื้นโบราณสถานที่อยู่ในบริเวณเขาพระวิหาร ให้ 7ประเทศมาดูแล รวมทั้งไทยและกัมพูชา ถามหน่อยว่ามีอำนาจอะไรมาสั่ง เพราะพื้นที่ตรงนั้น 4.6 ตร.กม.เป็นของไทย รัฐบาลไทยถ้ารักชาติรักแผ่นดิน แล้วก็เสียทีกัมพูชาไปในเรื่องมรดกโลกแล้ว ต้องมีมติครม.ทันทีว่าไม่รับมติของกรรมการมรดกโลกในเรื่องให้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว แต่ไม่ทำอะไรเลย เพราะถ้าเราขืนไม่โต้แย้ง แล้วไปยอมรับว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อน ให้7 ประเทศมาดูแล อีก 5หรือ10ปี เขมรไปยื่นศาลโลกอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็จะอ้างว่าไทยยอมรับทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยไปแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงต้องกดดันให้รัฐบาลชั่วๆ ที่ขายชาติขายแผ่นดินต้องออกมติครม.ว่าไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมมรดกโลก

ทั้งนี้ นายพิภพ ยังอธิบายถึงพื้นที่ทับซ้อนว่า บนแผ่นดินไม่มีพื้นที่ทับซ้อน เพราะบนแผ่นดินเราใช้วิธีปักปันเขตแดนโดยใช้สันปันน้ำหรือร่องน้ำ ที่เราเคยใช้โต้แย้งกับฝรั่งเศส ซึ่งหากใช้พื้นที่สันปันน้ำและร่องน้ำ จะไม่มีพื้นที่ทับซ้อนแน่นอน เพราะสันปันน้ำไปอย่างไรก็แบ่งกันสองฝั่ง ฉะนั้นต้องระวังการใช้คำว่า ตรงเขาพระวิหารมีพื้นที่ทับซ้อน เราต้องปฏิเสธ ตรงนั้นเป็นของไทย ส่วนพื้นที่ทับซ้อนจะใช้กับพื้นที่ในทะเล เพราะการวางเขตแดนน่านน้ำในทะเล จะใช้วิธีลากเส้นตั้งฉากจากฝั่งของแต่ละประเทศไป 200ไมล์ทะเล แต่ไม่รู้ว่าวัดจากตรงไหนมา ทีนี้ตรงปลายๆ 200ไมล์ทะเลจะไปทับกัน ตรงนั้นจะเรียกพื้นที่ทับซ้อน ที่จะดูแลร่วมกัน แล้วก็ต้องชิงไหวชิงพริบกันแล้วว่าจะดูแลกันยังไง ซึ่งเรื่องนี้เคยเกิดเหตุทับซ้อนกับมาเลเซียแล้วครั้งหนึ่งแล้วตรงนั้นมีแหล่งพลังงานธรรมชาติ แต่สุดท้ายก็ได้ข้อยุติว่าแบ่งกันคนละครึ่ง

นายพิภพ กล่าวต่อว่า พอมากรณีกัมพูชา เมื่อปี2548 สหรัฐฯ โดยกลุ่มเซฟล่อนประกาศว่าค้นพบน้ำมันดิบในบ่อเจาะทดสอบนอกชายฝั่งเมืองสีหนุวิน ก็เป็นเรื่อง เพราะตรงหลุมนั้นต้องตกลงกันว่าเป็นพื้นทีทับซ้อนหรือไม่ ถ้าแพ้เขมรอีก เขมรก็จะลากตรงนั้นเป็นของเขาหมดเลย อันนี้ก็ต้องเป็นการเมืองต่อไป ถ้าปล่อยให้พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลเราจะเสียหายเหมือนกับเขาพระวิหารอีก

นายพิภพ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อย่างที่คุณสนธิ (ลิ้มทองกุล)บอกว่า สิ่งแรกทหารเรือ ต้องแสดงแสนยานุภาพทางทะเล และบอกก่อนเลยว่าพื้นทีทางทะเลของไทยอยู่ตรงไหน ต้องบอกก่อนพูดก่อน ถ้าเขมรมาพูดตามหลัง แล้วจึงจะมาตกลงกัน ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นก็หวานหมูเขมร แล้วเบื้องหลังหวานหมูของเขมรก็คืออดีตนายกฯ ที่ไปตกลงกับฮุนเซ็นไว้แล้ว

“ทำไมคุณทักษิณจึงขายดาวเทียมและคลื่นความถี่เอไอเอสให้สิงคโปร์ เพราะต้องการเอาเงิน 7.3หมื่นล้านบาทนั้น ไปลงทุนกิจการน้ำมัน แล้วสิ่งที่เขาจะลงทุนก็คือในเขมร ถ้าพื้นที่ทับซ้อนอยู่ในเขตเขมรมากและคุมแหล่งน้ำมันทักษิณกับฮุนเซ็นก็รู้อยู่แล้วว่าสนิทกัน แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันที่เกาะกงจะทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทักษิณและคณะก็จะลงทุนในกิจการพลังงาน แล้วเอากำไรเหล่านั้นมาทำพรรคการเมืองนอมินีของตัว” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า นี่ล่ะเราปล่อยไว้ไม่ได้พรรคพลังประชาชน เราปล่อยไว้ไม่ได้กับพรรคอะไรก็แล้วแต่ ถ้าพลังประชาชนถูกยุบไป แล้วกลายเป็นพรรคนอมินีกลุ่มทุนทักษิณ ทักษิณไม่ต้องเป็นนายกฯ แต่ระบอบทักษิณที่เขาสร้างขึ้นมา ที่เรียกว่าทักษิโณมิค มันจะเข้ามาครอบงำประเทศไทย โดยผ่านการยึดอำนาจรัฐในระบบการเลือกตั้ง

นายพิภพ กล่าวว่า การยืดเวลาให้เป็นรัฐบาลนานที่สุด เพื่อใช้งบประมาณ เพื่อมีมติครม. จนถึงเดือนก.ย.ย้ายข้าราชการรับสูงและทหาร ตำรวจ เมื่อนั้นเขาบอกว่า ใน 5ทหารเสือ เขาเรียกกลุ่มที่จะมีโอกาสเป็นแม่ทัพ รุ่น 10 จะมีโอกาสเข้าไป อะไรจะเกิดขึ้น แม่ทัพบกต่อไปก็จะเป็นของรุ่น 10

“นี่เป็นการมองปัญหาระยะยาวมาก ของกลุ่มทุนพวกนี้ เขาไม่รู้สึกรู้สาหรอกว่า เขาทำไปมันขายชาติหรือเปล่า เขาถือว่าเป็นธุรกิจ แล้วการเมืองก็เป็นธุรกิจ เพราะฉะนั้นเขาไม่รู้ประสีประสา รู้สึกรู้หนาวรู้ร้อน เพราะเขาถือว่าทั้งหมดคือการทำธุรกิจการเมืองเพื่อยึดประเทศไทย นี่เขาเรียกว่าระบอบทักษิณ เขาไม่ได้รู้สึกผิดหรอก เราสิเจ็บช้ำน้ำใจ เรารู้สึกว่าเขาทำผิดขนาดนี้ทำไมไม่ลาออก เราเอามาตรฐานทางจริยธรรมทางการเมืองไปจับเขา เป็นไปไม่ได้ เพราะนักธุรกิจ ย่อมไม่มีมาตรฐานทางจริยธรรม”นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวว่า เราต้องรู้ทัน แล้วใช้พลังของประชาชน ที่เรียกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้ในเรื่องนี้ ต่อไปจนถึงแม้รัฐบาลนี้ลาออก ยุบสภาก็จะต้องไม่ให้กลับมาอีก ฉะนั้นการรณรงค์เรื่องการเลือกตั้ง หรือการรณรงค์ซื้อจานเอเอสทีวี เป็นภารกิจ เพราะเชื่อว่าพี่น้องในชนบทไม่ได้โง่หรือขาดสติปัญญา แต่เขาไม่ได้รู้ข้อมูลข่าวสาร คุณทักษิณทำอะไรหลายอย่างให้คนชนบทรู้สึกว่าไม่ถูกทอดทิ้ง แต่การเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของไทยรักไทยเดิม เป็นการเข้าสู่อ้อมกอดแบบลูกค้าของบริษัทเป็นผู้บริโภค ต้องทำให้ประชาชนรู้ มันไม่จีรังยั่งยืนเลย ในการมีนโยบายประชานิยมต่างๆเข้าไปในหมู่บ้าน ทำให้ประชาชน ตกเป็นทาสนักการเมืองและทุนบริโภค ฉะนั้นสิ่งเดียวทีต้องทำคือทำให้เขาตื่นรู้ เมื่อถึงจุดเขาจะเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่เลือกพรรคนอมินีของไทยรักไทย ของทักษิณตลอดไป

อย่างไรก็ตาม นายพิภพ กล่าวว่า เรื่องนี้จึงมาเชื่อมกับการกระทำของนายนพดล เขาไม่รู้สึกผิดหรอก แต่เขาทำภารกิจเสร็จแล้ว เขาให้กัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว แล้วฮุนเซ็นก็จะนำไปหาเสียง เมื่อได้เป็นนายกฯ แล้วกลุ่มทักษิณก็จะไปบอกว่าเพราะเขาได้ช่วยให้ คุณได้ดูแลปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว ฉะนั้นบุญคุณต้องทดแทน แล้วก็จะมาเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ทับซ้อนในทะแลที่เป็นแหล่งก๊าซและน้ำมัน

นายพิภพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลไทยรักไทยทำถนน 100กม.เชื่อมจังหวัดตราดกับเมืองสีหนุวิล และพนมเปญ โดยสร้างด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย เป็นเงินกู้ให้เปล่ากว่า1พันล้านบาท เอาเงินประเทศไปสร้างถนนเพื่อเมืองใหม่ของตัวในการจะไปเซ็นสัญญาเช่ากับกัมพูชา 99 ปี นี่ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง เอาเงินภาษีเราไป เอาพื้นที่ทับซ้อนเราไป แล้วยังเอาแหล่งพลังงานของเราไปอีก อย่างนี้ไม่เรียกว่าขายชาติแล้วขายอะไร

นอกจากนั้นนายพิภพ ยังถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยว่า ขณะที่การเมืองเก่ากำลังสับสน และประชาชนเริ่มมองเห็นว่าเป็นธุรกิจการเมืองเมื่อพันธมิตรฯเสนอการเมืองใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องถามตัวเองว่าพร้อมจะร่วมมือกับพันธมิตรฯ สร้างการเมืองใหม่หรือเปล่า เพราะการเมืองก็ต้องมีทางเลือก ถ้าไม่เอาพรรคพลังประชาชน ก็ต้องเอาพรรคการเมืองอื่นเลือก แต่การเมืองใหม่ของเราพยายามจะลดบทบาทของพรรคการเมือง ไม่ใช่ไม่ให้มีพรรคการเมือง แต่จะให้มีตัวแทนกลุ่มอาชีพเข้ามาอยู่ในสภา

“ฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ต้องสนับสนุนแนวทางนี้ แต่ไม่ใช่ไปเดินการเมืองแบบย่ำอยู่กับที่ จะถอดถอดนพดลคนเดียวใช้ไม่ได้ ต้องถอดถอดทั้งครม. ประชาธิปัตย์ทำอะไรอยู่ ทำให้เราต้องใช้คนอีก 2หมื่นคน กระบวนการก็ช้า เพราะถ้าปล่อยให้ครม.ชุดนี้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ บ้านเมืองยิ่งเสียหาย” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม เราไม่อยากจะถูกกล่าวหาว่า 5 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนกำหนดชะตาประเทศไทย หรือผูกขาดประเทศไทย แต่สิ่งที่เราทำอาศัยฉันทามติของพี่น้อง ไม่ใช่ความคิดของ 5แกนนำพันธมิตรฯ โดดๆ เพราะแกนนำฯต่อให้มีความคิดดีเลิศแค่ไหน แต่ถ้าพี่น้องประชาชนไม่สนับสนุนก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นอยากจะเรียนนักวิชาการและคนอื่นๆที่ยังสงสัยในตัวแกนนำพันธมิตรฯ เราเป็นแค่ทัพหน้า ต้องมีทัพหลวงสนับสนุน ฉะนั้นวันนี้เชิญทัพหลวงที่ยังไม่ได้ออกมาร่วม ออกมาได้แล้ว





กำลังโหลดความคิดเห็น