แกนนำอีสานกู้ชาติ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ จวกรัฐบาลทรราช ออกคำสั่งอัปยศเอาใจ “ฮุนเซน” สุดกลั้นแทนที่จะสั่งตรึงกำลังทหารพรานป้องกันการบุกรุก กลับไล่กลับกรมกองเช้าวันนี้ แฉอีกกัมพูชาลอบวางกับดักระเบิดล่วงล้ำอธิปไตยดินแดนไทย จี้หุ่นเชิดอย่ามัวแต่เอาใจเจ้าของบ่อน-ซ่อน เร่งปิดชายแดนตอบโต้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายไทกร พลสุวรรณ ปราศรัย
วันนี้ (16 ก.ค.) เวลา 01.45 น. นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำอีสานกู้ชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.มีความสำคัญเกิดขึ้น 2 กรณี กรณีแรก คือ เหตุการณ์ 3 คนไทยบุกเข้าไปในเขตดินแดนราชอาณาจักรไทย แต่ถูกกองกำลังติดอาวุธชาวกัมพูชาจี้จับตัวไปบริเวณตลาดชุมชนทางขึ้นปราสาทพระวิหาร จากนั้นนำชาย 3 คน ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ 1 รูป ขึ้นไปบนโคปุระชั้นที่ 2 เพื่อเอาไปถ่ายรูปยืนยันว่าทั้ง 3 คน เข้ามาในเขตอธิปไตยของกัมพูชา แต่ความเป็นจริง คนไทย 3 คน ข้ามไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นเขตแดนของไทย
นายไทกร กล่าวว่า ในอดีตหลายรัฐบาลได้พยายามปกป้องพื้นที่เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ จ.ศรีสะเกษ มาตั้งแต่รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ประกาศให้พื้นที่ 1,300 ไร่ บริเวณปราสาทพระวิหารและเขาพระวิหาร เป็นโบราณสถานแห่งชาติ ในปี 2483 แต่หลังจากเกิดกรณีพิพาทระหว่างเจ้านโรดมสีหนุ ซึ่งขณะนั้นทรงสละราชสมบัติจากการเป็นกษัตริย์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีข้อพิพากเรื่องปราสาทพระวิหารกับรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
จนในที่สุดรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ก็ประกาศให้เขาพระวิหารและบริเวณต่อเนื่องประมาณ 8 หมื่นไร่ 130 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และหนึ่งในนั้นก็รวมปราสาทพระวิหารและทางขึ้นไปตัวปราสาทพระวิหารด้วย โดยประกาศเมื่อปี 2504 จากนั้นปี 2505 ศาลโลกตัดสินให้ส่วนหนึ่งของปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้กันเขตแนวเขต จากนั้นนำทหารมาดูแลปราสาทพระวิหาร
นายไทกร กล่าวอีกว่า แม้ไทยจะสูญเสียพื้นที่ดังกล่าวไป แต่ก็ยังมีการสำรวจออกเขียนแผนผังพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารอย่างต่อเนื่อง จนมาเสร็จสิ้นในรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย พื้นที่ 8 หมื่นไล่ จากยอดเขาปราสาทพระวิหารไปจนถึง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี รวมพื้นที่ทั้งหมด 130 ตารางกิโลเมตร วันนี้พื้นที่ทั้งหมดที่มีการถกเถียงกันว่า เป็นของกัมพูชาหรือของไทยนั้น อยู่ในแนวเทือกเขาพระวิหาร เขตที่ตัดให้กับรัฐบาลกัมพูชาไปดูแลนั้น ไม่ได้รวมทางขึ้นเขาพระวิหารที่ทอดยาวมา
ดังนั้น ในบริเวณนี้จึงมีการปล่อยปละละเลยให้กองกำลังติดอาวุธชาวกัมพูชา และคนต่างด้าวชาวกัมพูชามาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ บริเวณลานตามภาษาชาวบ้านเรียกขานว่า ด่านพระลานหิน จะเป็นลานหินกว้างก่อนจะขึ้นไปบันได เพื่อขึ้นไปสู่ปราสาทพระวิหาร ตรงนี้เขาเรียกว่าห้วยตานีเป็นห้วยที่น้ำไหลลงมาจากยอดเขาพระวิหาร ไหลลงมาเป็นร่องลงไปที่สระตราว หรือเรียกตามภาษาชาวบ้าน คือ สระน้ำที่ให้คนที่มาไหว้ หรือมาตั้งชุมชนบริเวณปราสาทพระวิหารในอดีตกาลได้ดื่นกิน ได้ใช้อุปโภคบริโภค สระตราวนี้ที่กัมพูชาพยายามที่จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก
“วันนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น นั่นคือการเหยียบกับระเบิดของทหารพรานหนึ่งท่าน บริเวณที่เหยียบห่างจากปราสาทพระวิหารเข้ามาทางทิศเหนือ 3 กิโลเมตร ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณผามออีแดงเข้ามา 1 กิโลเมตร บริเวณนี้อยู่เลีบยทางขึ้นภูมะเขือ อยู่หลังสระตราวหรือสระน้ำที่ขุดไว้ให้พี่น้องประชาชนที่มากราบไหว้ปราสาทพระวิหารได้ดื่มกิน
ถามว่าทำไมถึงไปเกิดตรงนั้น ทั้งๆที่พื้นที่ตรงนั้นมีการเคลียรวัตถุระเบิดออกไปโดยสหประชาชาติ ซึ่งมีอยู่สองชาติสำคัญที่เข้ามาเก็บกู้ระเบิด หนึ่งคือไทย สองคือญี่ปุ่น หากมองภาพการเก็บกู้ระเบิดจะเห็นว่า แถบจะไม่มีกับระเบิดอันใดหลงเหลืออยู่ในบริเวณที่เคลียร์กั เพราะจะมีการคีตารางกันทุก 1 ตารางเมตร แล้วใช้วัตถุตรวจระเบิดเอ็กซเลย์พื้นที่ หากตรงไหนมีก็จะทำสัญลักษณ์ จากนั้นให้ช่างกู้ระเบิดค่อยแงะเอากับระเบิดนั้นไปทิ้ง ถ้าพื้นที่ใดยังไม่มีการเคลียร์จะมีการติดป้ายเตือนสัญลักษณ์หัวกระโหลกไคว่สีแดงเห็นชัดเจน
มีข้อมูลสำคัญที่จะต้องบอกว่า นายทหารพรานที่เหยียบกับระเบิด ได้เข้าไปทำหน้าที่ตามคำสั่งลับของผู้บังคับบัญชาระดับสูงจากกองกำลังสุรนารี ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการหทารบก ให้เข้าไปตรึงกำลังและผลักดันให้ทหารกัมพูชาและชาวกัมพูชาบางส่วนที่เข้ามาปักหลัก สร้างบ้านอยู่ทางขึ้นเขาพระวิหารบริเวณที่อยู่ใกล้กับสระตราว นั่นหมายถึงการขยายเขตของคนกัมพูชาและกองกำลังติดอาวุธชาวกัมพูชา ได้รุกล้ำเข้ามาจนลึกถึง 3 กิโลเมตร
ในทางยุทธิวิธี ถ้าใครเป็นทหาร ลูกหลานทหารจะรู้ว่า เมื่อสร้างบ้านเรือนแล้ว สร้างจุดรักษาความปลอดภัย ต้องวางระเบิดไว้เป็นแนวเพื่อที่จะป้องกันการบุกรุก 100 เปอร์เซ็นต์คนไทยทั้งชาติ ระเบิดที่นายทหารพรานเหยียบนั้นเป็นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่บนแผ่นดินของไทย นั้นแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่กองทัพไทยและรัฐบาลสมัคร ประเมินทัศนะคติและจุดประสงค์ของกัมพูชาผิดไป
ถ้าหากว่าคนกัมพูชาและกองกำลังติดอาวุธชาวกัมพูชา หรือกระทั้งสมเด็จ ฮุน เซ็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่อยู่ในกรุงพนมเปญ สำนึกได้ว่า บริเวณนี้ที่ภูเขาพระวิหารทั้งหมดเป็นแผ่นดินของไทย เป็นแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว กัมพูชาคงไม่ดำเนินการวางกับระเบิด เพื่อเป็นแนวป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเข้ามาผลักดัน เข้ามาทำร้ายคนกัมพูชา และกองกำลังติดอาวุธชาวกัมพูชาที่ยึดครองพื้นที่ดังกล่าวอยู่”
นายไทกร กล่าวด้วยว่า หลังการเหยียบกับระเบิด กลับมีคำสั่งจากรัฐบาลที่แย่ที่สุด ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดนี้ ออกคำสั่งเป็นทางลับ ขอให้ทหารพรานชุดที่ไปตรึงกำลังป้องกันการบุกรุกเข้ามายึดครองพื้นที่ของกองกำลังติดอาวุธชาวกัมพูชา ให้ปักหลักค้างคืนเพียงแค่ 1 วัน พรุ่งนี้เช้าให้ถอนกำลังออกมา นี่แสดงว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ได้เห็นความรู้สึกของคนไทยในสายตาเลย สนใจแต่ความรู้สึกของสมเด็จฯ ฮุนเซน
“จะไปกลัวทำไมถ้าเกิดข้อพิพากขึ้น เมื่อเป็นเรื่องดินแดน ศักดิ์ศรีของคนในชาติ ถ้าจะปิดชายแดนกัน ก็จะมีแต่เจ้าของบ่อน เจ้าของซ่องที่ไปเปิดในกัมพูชาที่เดือดร้อน นี่แสดงว่า เจ้าของบ่อนการพนัน เจ้าของซ่องในกัมพูชา มันถือหุ้นใหญ่ในพรรคพลังประชาชน ถึงกลัวนักกลัวหนา กลัวว่า หากเกิดการปะทะกันแล้ว กอ.รมน.(กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน) จะเสนอรัฐบาลปิดชายแดนไทย-กัมพูชาทุกจุด นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นชัดแล้วว่า สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้ ศักดิ์ศรีในความเป็นราชอาณาจักรไทยไม่อยู่ในสายตาของรัฐบาลนายสมัครเลย” แกนนำอีสานกู้ชาติ กล่าว