xs
xsm
sm
md
lg

“ปองพล” โร่แจง ปชป. ปากแข็งไม่เสียดินแดน อ้างไทยแตกแยกต่อรองยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปองพล” โร่พบหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังปากแข็งไทยไม่ได้เสียดินแดนหลังเขมรขึ้นทะเบียน “ปราสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวสำเร็จ พูดพิลึกเมืองไทยแตกแยกทำให้การต่อรองในเวทีต่างประเทศลำบาก

วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะ อาทิ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เพื่อชี้แจงถึงกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

นายปองพล กล่าวว่า เป็นผู้มาขอเข้าพบเองเพื่อมาชี้แจงข้อเท็จจริง และเอกสารมติคณะกรรมการมรดกโลก และไม่ใช่เดินทางมาเพราะเรื่องการเมือง ส่วนตัวคิดเสมอว่าการทำงานในคณะกรรมการมรดกโลกไม่มีพรรค และไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะคำว่า “มรดกโลก” เป็นคำที่กว้าง ครอบคลุมทั้งหมด รวมทั้งอยู่เหนือเรื่องความขัดแย้ง

นายปองพล กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องมาชี้แจง เนื่องจากเกรงว่าหากมีการพูดขยายวงกว้างออกไปจะกระทบความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศได้ เพราะคนที่พูดรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ขอยืนยันว่า มติของคณะกรรมการมรดกโลกจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย ไม่ได้ทำให้เราสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น ทุกอย่างยังเป็นเหมือนที่เคยปฏิบัติมาตลอด 46 ปี เพราะกัมพูชาเป็นผู้เสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เรื่องต่างๆ ก็ต้องไปลงที่กัมพูชา และมติคณะกรรมการมรดกโลกตอนท้าย มีเงื่อนไข 4 ข้อ ระบุว่า ขึ้นทะเบียนแล้วประเทศกัมพูชาต้องทำอะไรบ้าง

“เมื่อปีที่ผ่านแล้ว กัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร รวมกับพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเราก็ไปเจรจาจนเหลือแต่ตัวปราสาท จึงชัดเจนว่าไม่รุกล้ำมาในดินแดนไทย คณะกรรมการมรดกโลกก็เป็นพยาน และยืนยันว่าไม่รุกล้ำเข้ามา” นายปองพล กล่าว

เมื่อถามว่า นายสมปอง สุจริตกุล หนึ่งในคณะทนายความของไทย ที่ว่าความคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลก ในปี 2505 ระบุว่าคำตัดสินของศาลโลกไม่เคยระบุว่ามีพื้นที่ซับซ้อน นายปองพล กล่าวว่า เรายอมรับอย่างนี้มาตลอด 40 กว่าปี และที่ผ่านมาก็ไม่มีใครทำอะไร ก็ยังถือว่าเป็นพื้นที่ซับซ้อนตามแผนที่ฝรั่งเศส ต่างคนจึงต่างเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน

นอกจากนี้ นายปองพลยังยินดีที่จะไปร่วมงานสัมมนาต่างๆ เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ รวมทั้งยังยินดีไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ขอปฏิเสธที่จะชี้แจงบนเวที

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนกับประเทศไทยอย่างไรในอนาคต นายปองพล กล่าวว่า จากการสัมผัสจากเวทีโลก บทเรียนคือ ความเป็นเอกภาพของคนในชาติเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เพราะอำนาจต่อรองของเราในเวทีโลกอ่อนมาก ทำให้เวลาไปเจรจา เราไม่อยู่ในฐานะที่ต่อรองอะไร เราจึงต้องทำเรื่องภายในประเทศของเราให้เรียบร้อย เพราะต่างประเทศมองสถานการณ์ในประเทศไทยอยู่ ขณะที่ ประเทศกัมพูชาเป็นเอกภาพ เดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แต่เราขาดๆ หายๆ และไม่เป็นเอกภาพ

“เราต้องมารวมกันให้ได้ ทั้งภาครัฐ และประชาชน รวมถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นว่า ยังไม่รุนแรงเท่าไร เพราะเราไม่ได้สูญเสียอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ แล้วเรายังอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผมก็เป็นห่วง” นายปองพล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น