“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” เผยจดหมายจากนักกฎหมายระหว่างประเทศระบุชัด เขาพระวิหารยังอยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทยตามเขตสันปันน้ำที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อปี ค.ศ.1904 ชี้ “นพเหล่” มุบมิบลงนามสนธิสัญญาร่วมกับเขมร ถือเป็นการเซ็นยกดินแดนไทยให้โดยปราศจากเงื่อนไข เตือนลูกกรอกกำลังสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (22 มิ.ย.) เวลา 22.15 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ว่า ประเด็นปราสาทเขาพระวิหารนี้สำคัญมาก โดยนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงมากอย่าง ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ได้แสดงความวิตกกังวลในประเด็นนี้ผ่านจดหมายของท่านที่ส่งให้นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ โดยระบุถึงความวิตกและห่วงใยอย่างลึกซึ้งในปัญหาปัจจุบันของประเทศชาติ
โดยเฉพาะกรณีพิพากระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้เสียงข้างมากจะตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา แต่ยังมีผู้พิพากษาอีกหลายท่านเขียนคำโต้แย้งไว้ ระบุปราสาทพระวิหารของกัมพูชาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินในเขตสันปันน้ำของไทย ที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อ ค.ศ.1904
ขณะเดียวกัน นักกฎหมายระหว่างประเทศท่านนี้ยังชี้ให้เห็นว่า เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่มีมาตรการในการดำเนินการบังคับคดี เช่น ระบบยุติธรรมในระบบกฎหมายภายในของประเทศไทยหรือประเทศอื่น ดังนั้นเมื่อศาลโลกได้ตัดสินคดีใดคดีหนึ่งแล้ว จึงไม่มีการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา และไม่มีการปฎิบัติตามคำพิพากษาเลยก็ได้
นอกจากนี้ ศ.ดร.สมปอง ยังสรุปไว้ในตอนท้ายจดหมาย ระบุกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามสนธิสัญญาเขาพระวิหารร่วมกับกัมพูชา ถือเป็นการเซ็นหยิบยกดินแดนของไทยให้กัมพูชาโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
นายสมเกิยรติ เชื่อว่าการกระทำของรัฐบาลกำลังจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องชาวศรีสะเกษเวลานี้กำลังรวมพลังต่อต้านพร้อมจะผลักดันพี่น้องชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาปักหลักอาศัยอยู่ในประเทศออกไปจากพื้นที่เขาพระวิหาร แต่ในขณะที่ทุกภาคส่วนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล ผู้ว่าฯศรีสะเกษ กลับแหกมติมวลชนให้สัมภาษณ์หน้าตาเฉย ระบุเป็นเพียงพื้นที่เสี้ยวหนึ่งที่ไทยเสีย อย่าไปสนใจ ถามว่าท่านยังเป็นศรีสะเกษอยู่หรือไม่