“พิภพ” สะเทือนใจ ไทยเสียเขาพระวิหารและสิทธิในการโต้แย้งศาลโลก จวกรัฐบาลไร้น้ำยา ไม่คิดจะรั้งเอาไว้ให้สุดกำลัง กลับเฉือนให้ง่ายๆ แลกกับผลประโยชน์ของนายใหญ่ เรียกร้องคนไทย ร่วมเฉดหัวทั้งคณะ ไม่เว้นแม้แต่พรรคร่วมฯ สาปส่งอย่าให้ได้ผุดได้เกิดอีกเลย
วานนี้ (8 ก.ค.) เวลา 22.03 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า การเสียสิทธิในมรดกโลกเขาพระวิหารครั้งนี้อาจนำไปสู่การเสียสิทธิทวงคืนปราสาทพระวิหารที่เราสงวนไว้เมื่อปี 2505 เรื่องนี้สำคัญที่สุด เพราะมติ ครม.สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สงวนสิทธิการโต้แย้งคำพิพากษาศาลโลก ฉะนั้น ครม.ชุดสมัคร ความไม่ระมัดระวัง เอาแต่ใจตัว ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากนักวิชาการ ความเสียหายใหญ่หลวงนัก จะทำให้เสียสิทธิ์อันชอบธรรมที่เราสงวนสิทธิ์ไว้กับศาลโลก ที่เราต้องการจะสู้ให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเรา เพราะถ้าวัดกันตามแนวสันปันน้ำจะต้องเป็นของไทย วันนี้สามารถพูดได้อย่างเต็มที่ว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังทำให้เราเสียสิทธิในการโต้แย้งในศาลโลก ซึ่งอาจจะตลอดไป
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เราเห็นการยกเสาธงของทหารหาญลงจากเขาพระวิหาร เมื่อปี 2505 ที่ไม่ยอมลดธงแล้วเอาเฉพาะธงลงมา แต่ขุดลงมาทั้งเสา เพื่อจะแสดงว่าวันหนึ่งจะต้องเอาเสาไปปักที่เขาพระวิหารอีกครั้งหนึ่ง อารมณ์ความรู้สึกนี้มันเจ็บช้ำที่ ครม.ชุดนี้ ผู้บริหารประเทศนี้ไม่เคยแสดงให้ประชาชนได้เห็นว่า ต่อสู้เพื่อคงสิทธิไว้สุดใจขาดดิ้น ไม่ทำอะไรเลย แล้วยังจะมาบอกว่าทำตามข้าราชการประจำ ถามหน่อยว่า แล้วจะเป็นรัฐบาลไว้ทำไม ไม่รับผิดชอบเลย ถ้าเป็นประเทศอื่นเขาลาออกไปแล้ว แต่นี่การลาออกไปพอ จะต้องดำเนินคดีอาญาไปถึงที่สุดให้ติดคุกติดตารางเลย
จากนั้น นายพิภพได้เล่าถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ผ่านมา ซึ่งพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ทรงพยายามรักษาดินแดนและอธิบไตยของชาติไทยเอาไว้ ถึงแม้บางครั้งจะต้องยอมแลกด้วยเงินทอง หรือดินแดนบางส่วน แต่ก็ได้รักษาอธิบไตยของชาติไว้มาจนถึงปัจจุบัน
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงปัจจุบัน กรณีปราสาทเขาพระวิหาร เราเสียทีฝรั่งเศสและเขมร ฝรั่งเศสเอาใจเขมรเพราะเป็นประเทศอาณานิคม ไทยเราถึงแพ้แต่ขอสงวนสิทธิ์ว่าเราจะโต้แย้งเรื่องนี้อีก เมื่อมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมขึ้น หรือสามารถพลิกเอาเรื่องสันปันน้ำขึ้นมา แล้ววันนี้รัฐบาลสมัครกลับมาพูดว่า เราเสียเขาพระวิหารไปแล้ว 65 ปี ไม่มีสิทธิ์จะไปโต้แย้งอีก พูดอย่างนี้ได้ยังไงผู้นำประเทศ อ่านประวัติศาสตร์ชาติไทยดูสิว่า ประชาชน พระมหากษัตริย์ในอดีตทรงชอบช้ำ ทรงเตรียมเงิน ทรงเตรียมข้อต่อรอง ทรงเตรียมบุกไปถึงยุโรปเพื่อจะต่อสู้ไม่ให้เสียดินแดน เมื่อต้านทานไม่ได้ก็ยอมเสียสละบางส่วนเพื่อให้ได้เอกราชของชาติ ไม่ถูกกล่าวหาว่าตกเป็นเมืองขึ้น แล้วเราก็ภูมิใจจนถึงทุกวันนี้
“สิ่งที่เราช้ำใจมาก เมื่อไปดูภาพของทหารหาญเมื่อปี 2505 รวมทั้งเสียงของจอมพลสฤษดิ์ที่ว่าเราจะต้องต่อสู้เพื่อให้ได้เขาพระวิหารกลับคืนมา แล้วทำไมรัฐบาลชุดนี้รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศ จึงไม่มีความสำนึกในประวัติศาสตร์ ว่าบรรพบุรุษของเรายอมเสียเลือดเนื้อ เสียเงินเสียทอง เพื่อแลกกับเอกราชของชาติ หน้าที่ของเราในวันนี้ก็คือ ต้องทวงเขาพระวิหารกลับคืนมา ไม่ใช่ไปยอมง่ายๆ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลเขมรโดยเห็นแก่ประโยชน์ของธุรกิจของนักการเมือง ถามหน่อยว่า ในรัชกาลที่ 3 ทรงเก็บเงินเก็บทองไว้ เรียกว่าถุงแดงเพื่อใช้ต่อสู้รักษาเอกราชไว้ แต่นักการเมืองวันนี้กลับอยากได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองเพื่อยอมเสียอธิปไตยเขาพระวิหาร อย่างนี้ยอมได้หรือ” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า วันนี้อารมณ์ความรู้สึก เราเสียน้ำตา เสียกำลังใจว่าพ่อแม่พี่น้อง ทำไมจึงลงคะแนนให้นักการเมืองแบบนี้มาปกครองประเทศ ฉะนั้นการลงโทษประการแรกคือต้องสู้ให้พวกนี้ติดคุก อันดับที่สอง ถ้าจะมีการชิงยุบสภา เราจะต้องออกไปรณรงค์ทุกภูมิภาคไม่ให้เลือกพรรคนี้ถือแม้จะเปลี่ยนพรรคกลับมาบริหารประเทศอีก เราสัญญากันไหมว่าเราจะทำงานเพื่อกู้สิทธิ์ของปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมาตามที่รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ได้พยายามต่อสู้สงวนไว้
“ไม่ให้แต่ติดคุกเท่านั้น แต่นักการเมืองชั่วแบบนี้จะต้องไม่ให้ผุดให้เกิดอีกทั้งพรรค รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็น ครม.ร่วมกัน แล้วมีมติที่ผิดพลาดไป พวกนี้ต้องถูกลงโทษด้วย หลังจากนั้นเราก็ต้องกลับมาต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิปราสาทเขาพระวิหารตามที่เราสงวนสิทธิ์ไว้ เราจะสู้ต่อไปอีก” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า ขอให้แปรเปลี่ยนความชอกช้ำในวันนี้เป็นพลังที่จะต่อสู้ต่อไป เพราะถ้าเราไม่รวมพลังกันอย่างเหนียวแน่นแล้วเพิ่มให้เป็นกำลังอย่างมหาศาล เพื่อจะต่อสู้ให้เขาพระวิหารกลับคืนมา