xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จี้ต่อมสำนึก“พรรคร่วมรัฐบาล”เปลี่ยนขั้วเพื่อประเทศชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ปชป.จี้ต่อมสำนึก “พรรคร่วมรัฐบาล” เปลี่ยนขั้วจับมือฝ่ายค้านจัดตั้งรัฐบาล หลัง “ครม.สมัคร” โดนมรสุมกระหน่ำซ้ำหนัก เชื่อเสียงปริ่มน้ำสามารถบริหารประเทศต่อได้ เตือน “หมัก” อย่ายุบสภาหนี ชี้ ขี้ขลาด ทำประเทศชาติสิ้นเปลืองงบประมาณที่มาจากประชาชน

วันนี้ (8 ก.ค.) นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมาย กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษาให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ว่า การที่แกนนำของพรรครัฐบาลทุจริตการเลือกตั้ง จึงถือว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ อีกทั้ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ก็จ่อที่จะถูก ป.ป.ช.วินิจฉัยว่าทุจริตการจัดซื้อรถดับเพลิง และอาจถูกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ยืนให้จำคุกในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งหากเป็นรัฐบาลในต่างประเทศที่มีคุณธรรมจริยธรรม เขาไม่สามารถที่จะบริหารประเทศได้ต่อไป ดังนั้น จึงควรที่จะลาออก และเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาลไปจับขั้วใหม่

“ที่ผมพูดไม่ได้กระสัน หรืออยากเป็นรัฐบาล แต่เมื่อกลับไปดูคะแนนเสียงสัดส่วนของการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้คะแนนในระบบสัดส่วนน้อยกว่าพรรคพลังประชาชนเพียงแสนกว่าคะแนนเท่านั้น เราก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ หลายคนกังวลว่าการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะบริหารประเทศยาก ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง เพราะรัฐบาลจะมีอันเป็นไปด้วยการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเกินครึ่งตามหลักรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเสียงของพรรคพลังประชาชนมี 233 เสียง และวันนี้ถูกพักการทำหน้าที่ไป 10 เสียง เหลือประมาณ 223 เป็นอย่างมาก” นายถาวร กล่าว

นายถาวร กล่าวอีกว่า ถ้าทุกพรรคที่ไม่ใช่พรรคพลังประชาชน ลองมาทบทวนจับขั้วรัฐบาล ตนคิดว่า ไม่น่าจะเสียหายอะไร หลายคนถามว่าควรจะยุบสภาดีไหม ถามว่าถ้าจะยุบสภาเพื่อหาทางออกให้พรรคพลังประชาชนเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่ง เพราะ ส.ส.จากพรรคอื่นไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด และเชื่อว่า นายสมัคร คงไม่ขี้ขลาดยุบสภาหนี เพราะไม่ใช่ทางออกสุดท้าย เพราะถ้าจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ต้องใช้เงินของประชาชนจัดการเลือกตั้ง 3-4 พันล้าน ก็ไม่มีเหตุอันควรที่จะเอาเงินของพี่น้องประชาชนไปผลาญเพื่อแก้ปัญหาภายในของพรรคพลังประชาชน หรือกับรัฐมนตรีบางคนที่มาจากพรรคพลังประชาชน

นายถาวร กล่าวถึงการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ว่า เท่าที่ได้ติดตาม แม้จะเกิดขึ้นยากมาก หรือพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้คิด แต่เกิดขึ้นได้ เพราะเคยเกิดขึ้นในยุคที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ลาออก ก็เปลี่ยนขั้วมายกมือให้ประชาธิปัตย์เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในการบริหารงานของ พล.อ.ชวลิต เรื่องค่าเงินบาท ดังนั้น รัฐบาลควรจะทบทวนความผิดพลาด และความล้มเหลวใน 5 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาลตัดสินใจเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

“ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคอื่นๆ แต่อย่างไร และยังไม่ถึงขั้นส่งเทียบเชิญพรรคมาคุยกัน เพียงแต่ผมโยนหินถามทางไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้าที่จะเลือกตั้งก็เคยหารือกันอยู่บ้างว่า ถ้ามีโอกาสที่จะทำงานฝ่ายบริหารร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเหล่านั้นคิดเห็นเป็นอย่างไร แต่หลังการเลือกตั้ง พรรคเหล่านั้นไปจับมือกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรม แต่วันนี้ผมก็โยนหินถามทางไปอีกครั้งหนึ่งว่า คิดถึงวันเก่ากันได้ไหม”นายถาวร กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่มีคดียุบพรรค จะมีผลต่อการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ในการยุบพรรคจะมีผลเฉพาะคนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น สมมติคนที่เป็น ส.ส.มาจากเขตเลือกตั้ง ก็เลือกตั้งใหม่ หรือเลือกตั้งซ่อม ส่วนคนที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ก็ไปหาพรรคใหม่อยู่ รวมทั้ง ส.ส.ในส่วนที่ถูกตัดสิทธิ ก็เลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมา ไม่มีปัญหา ซึ่งเมื่อกฎหมายเขียนไว้อย่างนี้ ก็ต้องเลือกตั้งตามกติกานี้

“หลังจากที่ นายยงยุทธ โดนใบแดง คาดว่า ใช้เวลาอย่างมากอีก 7 เดือน ที่จะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน เนื่องจากครั้งก่อนที่มีการพิจารณายุบพรรคไทยรักไทยนั้น ใช้เวลา 9 เดือน แต่ครั้งนี้ไม่ต้องทำอะไรมากในสอบสวน โดยกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า หากกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นการทุจริตการเลือกตั้ง ก็เข้าสู่กระบวนการยุบพรรค ที่สำคัญคือ กรรมการบริหารพรรคดำเนินการเสียเอง ซึ่งยิ่งกว่ารู้เห็นเสียอีก จึงสามารถเข้าสู่กระบวนการยุบพรรคได้เลย” นายถาวร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น