“พิภพ” ชี้การเมืองใหม่ต้องเริ่มจากกำจัดคอร์รัปชัน เปิดทางประชาชนทุกระดับชั้นมีสิทธิทางการเมืองอย่างเท่าเทียม เลิกระบบผูกขาดของนักการเมืองมืออาชีพ สร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ปฏิรูปที่ดินให้ทั่วถึง รวมทั้งแก้ระบบการศึกษาให้เด็กไทยเข้าถึงการเมืองภาคประชาชน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 22.32 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐว่า สิ่งที่เราบอกว่าการเมืองใหม่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเป็นความจริงแน่ เพราะบ้านเมืองเราเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ขนาดผลิตข้าวต่ำกว่ามาตรฐานของการผลิตประเทศอื่นๆ เรายังสามารถได้เป็นอันดับ 1-3 ของโลก ถ้าเกิดการเมืองใหม่ขึ้นมาทำให้นักการเมือง หรือคนที่บริหารจัดการบ้านเมืองทำเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองจริงๆ ทรัพย์สินเงินทองของเรามีมากมายอยู่ในดิน
นายพิภพ กล่าวต่อว่า บ้านเมืองไทยมีดินชั้นเลิศที่อุดมสมบูรณ์ อย่าแปลกใจที่บ้านเมืองเรายังมสีคนจน มีคนรวยกระจุกตัว ดินของแผ่นดินเรามี 320 ล้านไร่ หักไปสัก 75 ล้านไร่ให้เป็นป่าเขา เฉลี่ยคนไทยจะมีที่ดินคนละ 4 ไร่ แต่เพราะไม่มีการปฏิรูปที่ดิน ที่ดินจึงไปอยู่กับกลุ่มตระกูลร้อยกว่าตระกูลเท่านั้นเอง แล้วไว้เก็งกำไร
“ดูการเมืองเก่าที่เขาเถียงกันในสภาระหว่างคุณเฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) กับเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เถียงกันว่าใครมีที่ดินผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครพูดเรื่องปฏิรูปที่ดินเลย ฉะนั้น การเมืองใหม่ก็คือการปฏิรูปที่ดิน ทำให้ทุกคนอย่างน้อยต้องมีที่อยู่อาศัย” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ เล่าว่า ได้ไปประเทศเกาหลีเหนือ สลดใจมากเมื่อหันมาดูประเทศไทย เขาปกครองด้วยคอมมิวนิสต์ ยากจนมาก แถมถูกสหรัฐฯบอยคอตอีก แต่เขามีที่ให้ประชาชนอยู่ทุกคน แล้วทำไมเราทำไม่ได้ แต่ข้อเสียของเขาคือขาดสิทธิและเสรีภาพของการทำมาหากิน การแสดงความคิดเห็น อันนี้พิสูจน์ได้ว่าถ้านักการเมืองไม่โกง การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติจะทั่วถึง ไม่ไปกระจุกตัวอยูกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พูดไม่ได้เป็นความฝัน ไม่ใช่ทำไมได้ ทำได้แน่นอน เพราะทรัพยากรธรรมชาติเราเหลือพอ เพียงแต่เรามีระบบการเมืองที่เลว คือระบบการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น อยู่แต่ในพวกของตัวเอง
“เพราะฉะนั้น การเมืองใหม่ถ้าแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ ทุกอย่างก็จะอยู่อย่างเสมอภาค ทำมาหากินอย่างปกติสุข คนยากจนจะได้รับการดูแล หนี้สินเกษตรกรจะไม่มี การขนส่งสินค้าเกษตรใช้แบบขนส่งมวลชน ใช้รัฐเป็นคนจัดการ เกษตรกรไม่ต้องซื้อปิคอัพขนส่งออกจากไร่นาของตัวเอง นี่คือการเมืองใหม่ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะสร้างการเมืองใหม่ได้อย่างไร ถ้าสร้างได้เมืองไทยจะเป็นเมืองทองสมชื่อ” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า การเมืองใหม่ ไม่ได้เป็นของใหม่ แต่ที่กลายเป็นของใหม่ในวันนี้เพราะเราจมปลักอยู่กับการเมืองเก่ามานาน จนกระทั่งมองไม่เห็นทางออก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีออกไปวันนี้ พรรคพลังประชาชนออกไปวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์กลับเข้ามา ก็ยังเป็นการเมืองแบบเก่าอยู่ ถึงแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะดูเป็นการเมืองน้ำดีกว่าก็ตาม แต่ก็ยังเป็นการเมืองแบบเก่า ยังไม่มีตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกอาชีพเข้าไปอยู่ในสภา ก็ยังเป็นการเมืองเก่าอยู่ ยุบสภาการเลือกตั้งก็ยังเป็นการซื้อสิทธิขายเสียงอยู่ในกลุ่มของนักการเมือง นักวิชาการเถียงกับตนว่า การเมืองเป็นอาชีพ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญทางการเมือง ถ้าเอาชาวไร่ชาวนา เกษตรกร โชว์ห่วยเข้าไปมีหวังถูกต้มหมด เขาเข้าใจผิด เราไม่ต้องการนักการเมืองอาชีพที่มีอาชีพการเมือง เพื่อนำไปสู่โกงกิน เราไม่ต้องการแบบนั้น
“ถ้าไม่มีนักการเมืองอาชีพที่ร้อยเล่ห์เพทุบาย ทำไมตัวแทนแบบ โชว์ห่วย เกษตรกร นักอุตสาหกรรม ข้าราชการ ชนชั้นกลาง หรือแบบทหาร ทำไมจะไปตกลงกติการ่วมกันเพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะไม่มีการโกง ไม่ใช่ทำแทนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”นายพิภพ กล่าว และว่า อยากชี้แจงว่า สิ่งที่ 5แกนนำพันธมิตรฯ ฝัน และนายสนธิเสนอเป็นไปได้ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนระบบบริหารจัดการบ้านเมืองใหม่ ไม่เอานักการเมืองที่อ้างตัวเองว่าเป็นอาชีพ หรือมีอาชีพการเมืองเข้ามาเต็มสภาไปหมด
นายพิภพ กล่าวว่า ในต่างประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาคิดก็ตรงกับเราในวันนี้คือทำยังไงที่จะสร้างการเมืองแบบใหม่ เพราะแบบเก่าประเทศจะล่มสลายแล้วนำไปสู่สงครามในที่สุด เขาคิดกันทั้งนั้นในโลกนี้ ของเราในปี40 หวังว่าได้การเมืองใหม่ ไม่มีเฉพาะส.ส.ในสภา มีปาร์ตี้ลิสต์ มีเลือก ส.ว. มีองค์กรอิสระ เราคิดว่าจะเกิดการเมืองใหม่ เรียกว่าประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ในที่สุดด้วยความโชคร้ายของเมืองไทย ที่ได้คุณทักษิณและไทยรักไทยมา แล้วรื้อรัฐธรรมนูญ40หมด แล้วเริ่มทุจริตคอร์รัปชัน มีนโยบายที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างที่รู้กัน
นายพิภพ กล่าวต่อว่า จากนั้นถึงแม้จะจับได้ว่ามีการโกงกินกันเป็นแสนๆ ล้านบาท แต่กลุ่มทุนเหล่านั้นก็ยังจะกลับมาได้อีกในรูปของการเลือกตั้ง ดังนั้นฉะนั้นถ้าไม่รื้อระบบการเลือกตั้งใหม่ การเมืองใหม่ไม่เกิด ถ้าเทียบกันแล้วประเทศไทย ถึงแม้จะไม่เคยเกิดสงคราม ไม่เคยแพ้สงครามเหมือนเยอรมันหรือญี่ปุ่นแต่ประเทศก็เกือบจะฉิบหายวายวอด เกือบจะเสียเขาพระวิหาร เราเสียเงินเป็นมหาศาล ในงบประมาณแผ่นดินล้านล้าน มีการแบ่งเค้กกันในสภา ฉะนั้นปล่อยต่อไป ใช้เงินสักสองหมื่นล้าบาทพรรคพลังประชาชนก็กลับมาอีก นี่ล่ะถึงต้องคิดการเมืองใหม่
จากนั้น นายพิภพ ได้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในต่างประเทศ นับตั้งแต่ประเทศเยอรมัน ที่ภายหลังแพ้สงครามได้มีการคิดการเมืองใหม่ โดยคิดว่าพรรคการเมืองในเยอรมันต้องไม่เป็นเผด็จการ อย่างที่เคยเกิดเหตุการณ์ฟังฮิตเลอร์คนเดียว ซึ่งเหมือนประเทศไทยที่ฟังแต่ทักษิณคนเดียว เขาจึงได้ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยแล้วให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และปฏิรูปเศรษฐกิจบนโครงสร้างของการเมืองใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนระบบการศึกษาทั้งระบบ ให้มีการสร้างจิตสำนึกทางการเมือง สถาบันการศึกษาต้องเข้ามาเรียนรู้เรื่องการเมืองกับภาคประชาชน
ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นก็เช่นกัน ภายหลังแพ้สงครามเช่นกัน เมื่อสหรัฐฯ เข้ายึดครอบญี่ปุ่น ก็พยายามที่จะทำให้ญี่ปุ่นไม่กลับเข้าสู่สงครามอีกแต่ต้องฟื้นประเทศญี่ปุ่นให้ยืนได้ ประการแรกคือเขาจะล้มสถาบันจักรพรรดิไม่ได้ เพราะคนญี่ปุ่นซึ่งรวมใจไว้กับสถาบันจักรพรรดิจะแหลกสลาย เหมือนกับของเรา เราจะทำการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องคงอยู่ ต่อมาเขาได้ให้ประชาธิปไตย และให้แยกศาสนาชินโตออกจากการเมืองไม่ให้เข้ามามีอิทธิพลทางการเมืองอีก และทำการปฏิรูปที่ดิน
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า วันนี้ที่ 5แกนนำพันธมิตรฯและพันธมิตรฯพยายามจะเสนอการเมืองใหม เพราะตระหนักดีว่า ตอนนี้วิกฤติทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ รุณแรงมาก ถ้าปล่อยไปอย่างนี้เห็นชะตากรรมของประเทศชาติอย่างชัดเจนว่าจะล่มสลาย วันนี้เราโชคดีไม่ต้องให้สงครามเป็นตัวกำหนดให้เกิดการเมืองใหม่ แต่เราเห็น เรามีสติปัญญาว่าสังคมกำลังจะถูกนำพาไปด้วยระบบการเมืองเก่า ระบบเศรษฐกิจเก่าที่ผูกขาดและเอากำไรของกลุ่มทุนไม่กี่ตระกูล ระบบสังคมกำลังเหลวแหลก ระบบการศึกษาใช้ไม่ได้ ทั้งที่เราเป็นประเทศที่สามารถผลิตอาหารโลกได้ ฉะนั้นวันนี้ถึงวันที่ถึงจุดวิกฤตพอที่เราจะต้องคิดการเมืองใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศชาติและสังคมให้ดีขึ้น