“วีระ” แฉ “ผบ.ทร.” ส่อแววทุจริตจัดซื้อเรือยกพล และเรือตรวจการณ์ มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ที่ดอดฮั้วประมูลไว้กับสิงคโปร์ เผย ลือสะพัด “หมัก” จะถูกจับ ราชวินิตจะถูกเผาก่อนโยนบาปให้พันธมิตรฯ ตั้งข้อสังเกต สร้างกระแสหวังปฏิวัติตัวเอง หนีคดีที่ “พลังแม้ว-นายใหญ่” กำลังจะถูกฟันอีกหลายกระทงต่อเนื่องกันในเวลาอันใกล้นี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวีระ สมความคิด ปราศรัย
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.20 น.นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า มีนายทหารเรือท่านหนึ่งเขียนจดหมายเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชันในกองทัพเรือมายังตน โดยจดหมายดังกล่าว ระบุว่า สาเหตุที่ ผบ.ทร.ออกอาการไม่สนับสนุนการดำเนินการของพันธมิตรฯ เนื่องจากกลัวว่า โครงการจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก งบประมาณ 5,000 ล้านบาท และโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งและจัดการระบบควบคุมบัญชาการ งบประมาณ 1,644 ล้านบาท จะดำเนินการเสร็จไม่ทันก่อนการเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.2551 เพราะขั้นตอนของการคัดเลือกแบบได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว โดยล็อกสเปกให้บริษัท สิงคโปร์เทคโนโลยี มารีน หรือ เอสพีมารีน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเทมาเส็ก สิงคโปร์
นายวีระ กล่าวว่า ทั้งนี้ โครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบกนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยหน้าเหลี่ยม ทั้งๆ ที่ไม่อยู่ในความต้องการของกองทัพเรือ เรือนี้เป็นเรือชนิดเดียวกับเรือจักรีนฤเบศร แต่เล็กกว่า สามารถต่อในประเทศได้ แต่ ผบ.ทร.กลับไม่สนับสนุน โดยทำเรื่องขอ ครม.ซื้อเรือดังกล่าว ส่วนเรื่องการล็อกสเปก ได้มีการจัดไว้ให้เอสพีมารีนโดยตรง เพราะมีตารางให้คะแนนโดยให้ผู้ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้งานไปเลย โดยไม่ต้องเสนอราคาแข่งขัน
จดหมายยังระบุด้วยว่า ผมเป็นนายทหารเรือตัวเล็กๆ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว จริงๆแล้วควรให้ผู้ได้คะแนนสามอันดับแรก เสนอราคาเข้ามาแข่งขันกัน ในสองโครงการซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท ซึ่งมากพอที่จะพยายามไม่ให้เกิดความวุ่นวายก่อนการเกษียณอายุราชการ นอกจากนั้น ผบ.ทร.คนนี้ยังเดินทางไปสิงคโปร์ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ตั้งแต่ต้นปี 2551 ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง การออกมาขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรฯจึงสร้างความไม่พอใจ และมีความพยายามที่จะยุติการต่อต้านของพันธมิตรฯโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการจัดซื้อทั้งสองโครงการ
ภายหลังอ่านจดหมายจบ นายวีระ กล่าวว่า ผบ.ทร.ตอบคำถามตนผ่านสื่อพรุ่งนี้นะ เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร ตรงกับที่ลูกน้องท่านนายทหารเรือ ซึ่งอัดอั้นตันใจแล้วส่งข้อมูลให้ตนหรือเปล่า เพราะตนมีข้อมูลปึกใหญ่
นอกจากนั้น นายวีระ เผยว่า วันนี้มีข่าวปล่อยที่น่าสนใจ ว่า จะมีการจับกุม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่สุวรรณภูมิ มีการเช็กข่าวกันมาก อีกข่าวคือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โทรศัพท์รายงานเมื่อบ่าย ว่า ให้พันธมิตรฯช่วยกันดูแลโรงเรียนราชวินิตให้ดี เพราะจะมีมือที่สามไปเผาโรงเรียนราชวินิต แล้วจะโยนบาปให้พันธมิตรฯ เลยเป็นภาระของพวกเราอีกแล้ว ต้องช่วยกันเป็นยามเฝ้าโรงเรียนราชวินิต
“วิชามารต่างๆ กำลังเริ่ม นับตั้งแต่ข่าวที่จะจับ สมัคร สุนทรเวช ที่สนามบิน ข่าวที่จะสร้างสถานการณ์เผาโรงเรียนราชวินิต เพื่อที่จะทำการปฏิวัติตัวเอง เหตุผลที่เขาต้องปฏิวัติตัวเองเพราะพรุ่งนี้ พจมาน จะติดคุก คดีภาษีหุ้นชิน” นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวต่อว่า ประการที่สอง วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ รับคดีที่ 77 ส.ว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และรัฐบาล ว่า การที่ไปลงนามในแถลงการณ์กับกัมพูชา ขัดมาตรา 190 หรือไม่ วันนี้ นายนพดล ถูกศาลเรียกไปชี้แจงตอนบ่ายสาม แต่ไม่ไป ถ้าพรุ่งนี้ 9 โมงเช้าไม่ไปอีก ศาลไม่สนจะวินิจฉัยเลย อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ตนดำเนินคดี นายนพดล รัฐบาล และ 278 ส.ส.แน่นอน ในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ซึ่งมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
นายวีระ กล่าวด้วยว่า ยังมีเหตุผลอีก คือ แม้วกลัวติดคุก เพราะเมื่อวันอังคารที่แล้ว เขายื่นคำร้องขอศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะพิจารณาคดีที่ดินรัชดา โดยขอเดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.2551 แต่ศาลยกคำร้อง เพราะกลัวจะหนี วันที่ 8 ก.ค.2551 ทักษิณต้องไปปรากฏตัวเผชิญหน้ากับตนในศาล 09.30 น.ใครว่างก็ขอเชิญที่ศาลฎีกา สนามหลวง ถ้าทักษิณไม่ไปโดนออกหมายจับทันที นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน เวลา 16.30 น.ศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง จะตัดสินคดีที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกฟ้องทุจริตเลือกตั้ง ถ้าศาลตัดสินว่าสมควรได้รับใบแดง จะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน นี่ล่ะคือเหตุผลที่จะต้องรีบปฏิวัติตัวเอง