คณะทำงานติดตามพฤติกรรมลูกกรอก สีข้างเข้าถูโวย ปชป.2 มาตรฐานตรวจสอบต้นตอทนายสินบน 2 ล้านบาท อ้างยุคชวนมีสินบน 5 ล้าน กลับเงียบ หลุดปากตะเพิด “นพเหล่” พ้นเก้าอี้ หากศาล รธน.ชี้จดทะเบียนปราสาทพระวิหารขัด ม.190
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่พรรคพลังประชาชน นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานติดตามพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ และพันธมิตรฯประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ วอทช์ด็อก ปชป.แถลงข่าว กรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศยังไม่ยอมย้ายการชุนนุม ว่า ถือเป็นการกระทำที่ขัดคำสั่งศาลแพ่ง แต่เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ ไปร้องต่อศาลปกครองกรณีเขาพระวิหารหรือกล่าวหาคนอื่นไปปฎิบัติตามคำสั่งศาล แล้วก็มีการพูดโจมตี กล่าวหาคนอื่นขัดขืนคำสั่งศาล แต่วันนี้กลับไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเสียเอง เป็นพฤติกรรมเหมือนนักเลงอันธพาล จึงขอเรียกร้องให้พันธมิตรฯ ยุติ และถอนย้ายจากถนนดังกล่าวและปฎิบีติตามคำสั่งศาลเพื่อให้เป็เยี่ยงอย่างแก่เยาวชนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงของนายสุรพงษ์ เป็นการบิดเบือนคำสั่งศาลแพ่งเพื่อฉวยโอกาสโจมตีพันธมิตรฯ เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว คำสั่งศาลแพ่งระบุเพียงให้พันธมิตรฯ เปิดเส้นทางจราจรบนถนนพิษณุโลกและถนนพระราม 5 พร้อมงดใช้เสียงในช่วงเวลา 07.30 -16.30 น.ในวันจันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น ไม่ได้สั่งให้พันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด นอกจากนี้ เมื่อเช้าที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลด้วยเปิดเส้นทางจราจรตั้งแต่เวลา 06.00 น. ก่อนที่จะกลับมาชุมนุมใหม่ในเวลา 16.30 น. หลังจากพ้นคำสั่งห้ามของศาลแล้ว
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังแถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจะติดตามการกรณีทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำเงิน 2 ล้านบาท ไปให้เจ้าหน้าที่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นว่าเรื่องนี้ตนไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ มองแต่ความผิดของคนอื่นโดยไม่มองความผิดของตนเอง เพราะสมัยที่ตนเป็น ส.ส.ในสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เคยมีข้าราชการหอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท ไปให้ที่ทำนียบรัฐบาล แต่เหตุใด พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการตรวจสอบว่าเงิน 5 ล้านบาท ต้นตอมาจากไหนได้มาอย่างไร
“แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาตรวจสอบหาที่มาที่ไปของเงิน 2 ล้านมาจากไหน มาจากใครแล้ว พยายามผูกโยงเรื่องให้ได้ ดังนั้น ตนไม่อยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์ ทำงานแบบสองมาตรฐาน หรือ ดับเบิลสแตนดาร์ด และขอร้องอย่าเล่นการเมืองเอาแต่ได้ และชี้นำสังคมอย่างเดียว” นายสุรพงษ์ ย้ำ
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าการแถลงการณ์ร่วมกรณีจดทะเบียนปราสาทพระวิหารนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ จะต้องรับผิดชอบหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ถ้าเรื่องนี้ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าขัดรัฐธรรมนูญ รมว.ต่างประเทศ ก็คงจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่งไม่ไช่ว่าคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่นายสุรพงษ์ กล่าวหาว่าในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย มีข้าราชการนำเงิน 5 ล้านบาท ไปให้ที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วนายชวนไม่ได้ตรวจสอบนั้น เป็นการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อน เพราะกรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่นายประวัติ ถนัดค้า อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ได้นำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทไปบริจาคให้รัฐบาลตามโครงการกองทุนไทยช่วยไทย เมื่อปี 2541 ซึ่งนายชวนเห็นว่ามีพิรุธจึงไม่รับเงิน และได้สั่งการให้มีการสอบสวน และพบว่าเงิน 5 ล้านบาทนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากพ่อค้าไม้ คือนายวินัย พาณิชยานุบาล เจ้าของบริษัทสหวนกิจ (2499) จำกัด ที่นำมาติดสินบนนายประวัติ ทั้ง 2 คนจึงถูกดำเนินคดีอาญา โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 ให้จำคุกนายวินัยเป็นเวลา 2 ปี ส่วนนายประวัติให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี