xs
xsm
sm
md
lg

คตส.ขุดโคตรโกงแสนล้านแจงประชาชนทิ้งทวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คตส.ทิ้งทวนขุดคดีโคตรโกงแสนล้านแจงประชาชน “อุดม” หวั่นการเมืองแทรกแซง ป.ป.ช.ทำคดีไม่ถึงศาล วอนสภาสูงช่วยแก้ไข ด้าน “คุณหญิงจารุวรรณ” อุบไม้เด็ดหลัง สตง.พบแผนฮุบขวานไทย กระตุ้นสำนึกรักชาติเด็กรุ่นใหม่ ขณะที่ “บรรเจิด” เตือนถ้าไม่จัดการให้เด็ดขาดจะสิ้นชาติ ปลุกคนไทยต้านคอร์รัปชัน ด้านม็อบ “ไข่แม้ว” ไม่เลิกรา ตามก่อกวนหน้าหอประชุม

ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันนี้ (30 มิ.ย.) มีการจัดงานเปิดใจคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่มีนายทหารที่เคยเป็นอดีตสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่เป็นคนแต่งตั้ง คตส.มาร่วมงานแต่อย่างใด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ออกบัตรเชิญ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.มาร่วมงาน

ในการเปิดใจ คตส.นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.กล่าวว่า พวกตนรับทำหน้าที่ตั้งแต่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ออกคำสั่งมา ได้ทำงานมาตั้งแต่ลำดับ 1-6 ต่อไปก็อยู่ที่ศาล ในลำดับ 7-10 ซึ่ง คตส.ทำเสร็จทั้งหมด 11 คดี แล้ววันนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็บอกว่าการทำหน้าที่ คตส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ อยากให้ทุกคนติดตามเรียนรู้ด้วยความรอบคอบ หากทำสำเร็จบ้านเมืองอยู่รอด ถ้าความเป็นกลางหมายถึงการไม่รู้ถูกหรือผิด การนอนหลับอยู่ที่บ้านเอาของส่วนรวมมาเป็นของส่วนกลาง ตนก็คงจะไม่เป็นกลางอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะเอาตนไปฆ่าตนก็ไม่เป็น คนเป็นนักการเมืองต้องถูกตรวจสอบได้ ขึ้นศาลได้และติดคุกได้

นายกล้านรงค์ จันทิก คตส.กล่าวว่า แม้วันนี้จะหมดวาระของ คตส.แต่ต้องร่วมมือกับพี่น้องทำงานต่อไป เพื่อให้เรื่องขึ้นสู่ต่อศาลเป็นคดีสุดท้าย ที่บอกไม่หมดภารกิจ เพราะคดีที่ฟ้องศาลแล้ว ก็ต้องมีการสอบพยาน อย่างเรื่องที่ดินรัชดา คตส.ต้องขึ้นไปเบิกความในศาล ยกเว้น 2 คน คือ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง คตส.กับ นายอำนวย ธันธารา คตส.เพราะเป็นศาล แต่เราทั้ง 8 คนทำงานต่อไป ส่วนคดีอีก 3-4 คดีที่ทำไม่เสร็จ ป.ป.ช.ก็ทำต่อไปและจะตั้งอนุไต่สวนและจะเชิญ คตส.เข้าไปร่วมด้วย เรามั่นใจว่า เราทำอย่างถึงที่สุด แม้ใครจะผิดยิ่งใหญ่แค่ไหนก็พร้อมที่จะลากเข้าคุก ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนที่ตนเคยเจอสมัย พ.ศ.2544 ดังนั้น จะรักษาไว้เพื่อปราบนักการเมือง และเมื่อเราตัดสินใจไปแล้วก็ต้องรับสภาพ และจะสู้ต่อไปเพื่อแผ่นดิน

นายสัก กอแสงเรือง คตส.กล่าวว่า คตส.ทำงานเป็นวันสุดท้ายก็ยังถูกฟ้องอยู่ 20 คดี เพราะต้องการให้เราเบื่อหน่าย ท้อแท้ เกรงกลัว แต่ตรงกันข้าม คตส.10 คน ไม่มีใครเกรงกลัวท้อแท้ แต่เห็นว่าการทำงาน คตส.ครั้งนี้ได้รับเกียรติสูงสุด และเมื่อเราให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ขอให้อีกฝ่ายเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน เพราะทุกคนต้องเข้ามาสู่กระบวนการศาลอย่างเท่าเทียมกัน หากทำผิดจริงก็ไม่ควรมีการลอยนวล การดำเนินคดีหยุดกลางคันไม่ได้ การตรวจสอบเราดูหลักฐานไม่ได้ดูหน้าคน แรงกดดันทุกด้านไม่ได้กดดัน คตส.แต่สิ่งที่ คตส.ทำ คือ ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ยุติธรรม คนที่ตัดสินผลงาน คตส.คือ ศาลและเหนือศาล คือ ประชาชน ถ้าไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม ผลงานเหล่านั้นจะไร้ค่า คนทำผิดต้องลงโทษเงินแผ่นดินต้องตกน้ำไม่ไหล

ด้าน นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.กล่าวว่า ตนตื้นตันใจ ตนมั่นใจว่า ตนจะอายุยืนเพิ่มขึ้นอีก 20 ปี เมื่อมาเป็น คตส.ส่วนที่ตนถูกฟ้องเป็นเงินแสนล้าน ตนไม่เคยรู้สึกถอดใจเลย แม้การทำงานครั้งนี้จะเป็นการสร้างศัตรูและเสียอิสรภาพของครอบครัวก็พร้อมเสมอ และการทำงาน 1 ปี 9 เดือน ก็ไม่เคยมีใครขอร้องให้ช่วย หรือข่มขู่ แต่มีโทรศัพท์มาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายเสมอ ในการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ทำให้ตนรอบรู้ว่าการทุจริตคอร์รัปชันลึกลับซับซ้อนและแผ่ขยายไปในสังคมไทย โดยเฉพาะการทุจริตในเชิงนโยบาย และบุคคลทั่วไปค่อนข้างจะไม่เข้าใจ ถ้ามองผิวเผินเหมือนเขาทำตามกฎหมาย และขอให้คะแนนการทำงานของ คตส.8 คะแนน เพราะว่างานที่ทำมาก็ยังไม่สมบูรณ์และต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย

คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คตส.และผู้ว่าการ สตง.กล่าวว่า ทุกๆ คดีที คตส.ฟ้องนั้นคือความสำเร็จที่ทำเพื่อบ้านเมือง และต้องชื่นชมในความหวังและทุกอย่างต้องอดทนไว้ก่อน เพราะเรื่องที่ไม่ได้ไม่มีใน สตง.สิ่งที่ไม่ได้เปิดเผย โดย คตส.มีอยู่อีกเยอะ และมีอีกหลายเรื่องที่อยู่ใน สตง.ถ้าท่านรู้จะตกใจ ตนยังอุทาน ว่า โห แบบนี้จะกินขวานทั้งเล่มเลย หรือนี่ อยากฝากบอกนักศึกษาที่ก้มหน้าก้มตาเรียนในมหาวิทยาลัย ว่า บทเรียนเหล่านั้นไร้ประโยชน์หากเธอไม่เงยหน้าขึ้นมา อย่างท่าเรือ เรือเดินทะเล ธนาคาร โรงกลั่นน้ำมันเขาก็เอาไปหมด ถ้ามัวคร่ำครวญอยู่กับบทเรียน แล้วเงยหน้าขึ้นมาอาจะไม่เห็นทรัพย์สินอยู่ในมือ เพราะฉะนั้นต้องเงยหน้ามาช่วยกัน

นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ คตส.กล่าวว่า คนที่พูดว่า คตส.เป็นศัตรูนั้น ก็ขอให้มองว่า คตส.เข้ามาตรวจสอบไม่ได้ต้องการมารังแกใคร แต่มาตรวจสอบตามหลักกฎหมาย ถ้าหากผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก มองว่าคนที่ถูกตรวจสอบก็ยังบริสุทธิ์อยู่ และตนไม่ได้ตั้งเป้าเพื่อทำร้ายใคร เมื่อเราเกิดมาครั้งเดียวก็ตายครั้งเดียวเลยไม่กลัวอะไร

นายบรรเจิด สิงคเนติ คตส.กล่าวว่า วันนี้คงเป็นภารกิจสุดท้ายกับการทำงาน คตส.แต่คงไม่ใช่สุดท้ายในการตรวจสอบ ซึ่งสถาบันเพื่อความโปร่งใสของประเทศแคนาดา ได้จัดประเทศไทยระดับความโปร่งใสอยู่ระดับที่ 80 จาก 180 ได้ชี้ว่าระดับการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยมีการเข้มข้นรุนแรงในปีนี้ โดยมาจากภาคการเมือง ซึ่งการสังเคราะห์ส่วนตน คือ เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มักอาศัยมติ ครม.เป็นพื้นฐานในการทุจริต มีการใช้อำนาจของรัฐในการทุจริต และเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นมติความสัมพันธ์ของประเทศ และการทุจริตมีความซับซ้อนมีการใช้กลไกภาคธุรกิจ ภาคตลาดหลักทรัพย์ โดยอาศัยนักธุรกิจ มีการนำเงินอนาคตมาใช้ อาศัยการตรวจสอบที่รอบคอบ อยากหาคนสั่งการ และอาศัยโครงการประชานิยม ปัญหาเกี่ยวกับระบบใช้จ่ายเงินของแผ่นดินมีการต่อท่อมาใช้สายตรงและนำไปสู่ผลกระทบการตรวจสอบโดยตรง เพราะการทุจริตกับการเมืองเป็นคู่แฝดกัน การได้เสียงข้างมากจากระบอบประชาธิปไตยมี 2 ด้าน หากใช้เพื่อสนองต่อประโยชน์ตัวเองเป็นการทรยศต่อบ้านเมือง

“ประเทศเกาหลีใต้เคยมีสภาพการณ์เหมือนเราในปัจจุบันและเขาเห็นว่าถ้าไม่จัดการอาจสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน เขาจึงลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจริงและเอาประธานาธิบดีเข้าคุกไป 2 รายทำให้ประเทศเกาหลีใต้พัฒนาไปถึงจุดนี้ ซึ่งประเทศไทยถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญว่าจะสิ้นชาติหรือให้ชาติเดินหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ตราบใดกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ตราบนั้นชาติไทยมีโอกาสสิ้นชาติแน่นอน” นายอุดม กล่าว

นายบรรเจิด กล่าวว่า คตส.มาจากอะไรไม่สำคัญแต่เราทำเพื่อความถูกต้อง และความเป็นกลาง คตส.ไม่ได้มุ่งหวังฝากหนังสือนี้ไว้ในแผ่นดิน แต่สิ่งที่ฝากไว้คือผลงานแต่ผลงานไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากประชาชนที่ช่วยกันให้กระบวนการยุติธรรมธำรงอยู่ได้ สิ่งที่สร้างสมมานานย่อมไม่สูญหาย

นายอุดม เฟื่องฟุ้ง คตส.กล่าวว่า กระบวนการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย ไม่ใช่ทุจริตเชิงนโยบายแต่มีนโยบายตั้งการทุจริตตั้งแต่ต้น การคอร์รัปชันมีกระบวนการฟอกย้อมให้ใสสะอาด โดยอาศัยรูปแบบร่วมกันมีมติ หรือที่เรียกแบบบ้านๆว่ามีการสุ่มหัวกันมีมติก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตนเข้ามาก็เพื่อทำให้ชาติสูงขึ้น หากพวกเราช่วยกัน และต้องทำตัวเป็นฉลามไม้กระเหี้ยนกระหือรือ ช่วยกันไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกระบวนการต่างๆ ที่เกิดการทุจริตโดยออกมาจากรูปแบบของการทำตามมติไม่ว่าจะเป็นมติของบอร์ดต่างๆ หรือมติของที่ประชุมแห่งใดแห่งหนึ่งทุกคนก็ล้วนอ้างว่าปฏิบัติตามมติของที่ประชุม โดยไม่ต้องมีความรับผิดชอบไม่ว่าทางแพ่งหรือทางอาญา จึงขอถามว่าเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะปล่อยให้เรื่องนี้ยังดำเนินอยู่ในบ้านเมืองเราหรืออย่างไร ซึ่งตนมองว่าการกระทำที่ร่วมกันหลายๆ คนที่สร้างความเสียหายให้หน่วยงานรัฐตนมองว่าเป็นความผิดอาญาร้ายแรงมากกว่าคนร้ายที่ปล้นหรือลักทรัพย์สินของคนอื่น เพราะลักษณะความผิดที่เป็นหมู่คณะที่ตั้งกันขึ้นมาตั้งแต่ต้น มีเจตนาทุจริตมีความผิดจึงควรได้รับโทษอาญาที่ร้ายแรง นอกจากนี้ ล่าสุด ยังมีโจรใส่สูทเข้ามาคอร์รัปชันบ้านเมืองด้วย

นายอุดม กล่าวต่อว่า เราเชื่อมั่นในคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่ไม่รู้ว่าต่อไป ป.ป.ช.จะได้รับการส่งเสริมจากอำนาจรัฐให้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องได้หรือไม่ จึงอยากให้กำลังใจที่ให้ คตส.ไปให้ป.ป.ช.และอยากฝากไปยัง ส.ว.ให้ดูแลกฎหมายที่ให้กระบวนการยุติธรรมมีอิสระจริงๆ ตอนนี้เราเป็นนักวิ่งผลัดไม้หนึ่งพอส่งไปให้ไม้สองเกิดสะดุดเราก็ต้องวิ่งไปส่งให้ศาลอีก จึงอยากถามว่าส.ว.จะแก้กฎหมายนี้อย่างไร ในฐานะที่รับผิดชอบด้านนิติบัญญัติ อำนาจนิติบัญญัติบริหารและตุลาการต้องถ่วงดุลและค้ำจุนกัน แต่ปัจจุบันอำนาจที่โดดเดี่ยว คือ อำนาจตุลาการแม้เป็นที่ยอมรับต่อสังคมก็ตาม เห็นได้จากเหตุการณ์สินบนสองล้านที่อำนาจบริหารทำไม่รู้ไม่ชี้หรือรู้แล้วแต่ไม่นำพา ประชาชนต้องทำให้อำนาจตุลาการคงอยู่

ด้าน นายอำนวย ธันธารา คตส.กล่าวว่า วันนี้สังคมไทยทราบถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการซื้อเสียงเลือกตั้ง พรรคการเมืองและนักการเมืองเมื่อเข้ามามีอำนาจรัฐเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องเข้ามาถอนทุน ถ้าประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขการซื้อเสียงได้ก็อยากที่จะแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ทำอย่างไรให้องค์การตรวจสอบมีความเข้มแข็ง ปราศจากการแทรกแซงของนักการเมือง ซึ่งนักการเมืองที่จะทุจริตคอร์รัปชั่นก็ต้องคิดมากขึ้น

นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ คตส.กล่าวว่า ในการตรวจสอบค่อนข้างยุ่งยากและไม่ค่อยมีข้อมูล ตนเคยได้ตรวจสอบคนเป็นอดีตนายกฯ แต่รายนี้เป็นรายค่อนข้างยาก ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยมีรายไหนที่ยุ่งยากมากกว่านี้เลย ตนได้ทำงานอย่างรอบคอบตั้งคณะกรรมการจำนวนมากถึง 19 คน เพื่อที่จะวิเคราะห์ ซึ่งการทำงานขณะนี้ไม่น่าจะมีผิดพลาดอะไร และมีการตรวจสอบเงินมากมายถึง 33,279 หมื่นล้านบาท ในเรื่องที่เกี่ยวกับความไม่สม่ำเสมอของข้าราชการบางคนที่มีการตอบข้อซักถามหรือข้อต้องหาของผู้ที่เสียภาษี ทั้งที่มีกฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผนของกรมสรรพากรตั้งแต่ปี 38 แต่ก็บอกไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงมีการดำเนินคดีข้าราชการทั้ง 4 คนนี้ด้วย

จากนั้นในเวลา 17.00 น. ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน นำโดย นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.ได้เป็นตัวแทนรับมอบงานจาก นายนาม ซึ่งในเวลา 19.00 น.จะมีงานเลี้ยงที่สโมสรกองทัพบก เพื่อเป็นการขอบคุณทุกคนที่ร่วมงานกับ คตส.เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน โดยมี พล.อ.วินัย ภัทธิยะกุล ปลัดกลาโหม อดีตเลขา คมช.เป็นเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานไม่มี คมช.มาแม้แต่คนเดียว มาเฉพาะ ส.ว.สรรหา อาทิ นายสมชาย แสวงการ นายคำนูณ สิทธิสมาน และ นางสาวรสนา โตสิตระกูล ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างราบรื่น มีประชาชนจากเครือข่ายพันธมิตรฯ มาให้กำลังใจ คตส.เต็มห้องประชุม นอกจากนี้ มีการร้องเพลงให้กำลังใจ โดย พวงเดือน ยนตรลักษณ์ การอ่านบทกวีให้กำลังใจโดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีกลุ่ม นปก.ประมาณ 50 คน มายืนตะโกนด่าทอ คตส.โดยกล่าวหาว่า คตส.กลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังได้ปิดล้อมรถของ สตง.ไม่ให้ออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

หอประชุม มธ.แทบแตก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศในหอประชุมใหญ่ ธรรมศษสตร์ เวลา 13.00 น. มีประชาชนมาร่วมงานจนแน่นหอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์กว่า 4 พันคน จนทางมหาวิทยาลัยต้องเปิดหอประชุมเล็กเป็นการด่วนเพื่อให้ประชาชนเข้าฟังการสัมมนาในครั้งนี้

บรรยากาศการจัดงานเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะประชาชนได้ร่วมกันลงชื่อรับหนังสือปัจจิมบท คตส.ซึ่งเป็นการสรุปผลงาน คตส.1 ปี 9 เดือนที่ คตส.พิมพ์ไว้ 12,000 เล่ม นอกจากนี้ภายในงานยังมีผู้ให้กำลังใจคตส.มาคอยมอบช่อดอกไม้พร้อมกับตะโกนคำว่าทักษิณติดคุกเป็นระยะ ซึ่งก่อนที่จะเริ่มต้นการจัดงานนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์ได้ร่ายบทกวีที่แต่งขึ้นโดยเฉพาะเพื่อให้กำลังใจคตส.โดยเฉพาะรวมทั้งการเดี่ยวเปียโนของครอบครัวนายณัฐ ยนต์รักษ์ นักเปียโนชื่อดังที่ร่วมกันร้องเพลงให้กำลังใจคตส.เช่นเพลงเราสู้ โดยมีประชาชนร่วมกันร้องเพลงคลอดังลั่นหอประชุม

จากนั้นมีการอภิปรายหัวข้อ “เงินแผ่นดินนั้น คือเงินของประชาชนทั้งชาติ” โดยนายอมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชนและการปฏิรูปการเมือง ได้ขึ้นกล่าวปาถกฐาพิเศษเรื่อง เงินของประชาชนนั้นเป็นเงินของแผ่นดิน

นายอมรกล่าวสรุปใจความได้ว่า การจัดงานวันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ เพราะงานการตรวจสอบของคตส.ถือเป็นผลงานที่เหลืออยู่ของ คปค.เพราะงานอื่นของคปค.ล้มเหลวหมด คตส.รับตรวจสอบโครงการต่างๆรวมทั้งสิ้น 24 คดี ตลอดเวลาที่ทำงานมา คตส.ถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา รวม 24 คดี ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินรวมกว่า 1 แสนล้านบาท และมีเหตุการณ์ที่น่าสงสัยและเป็นเหตุการณ์ประหลาดที่เป็นปัญหาสี่เรื่องคือ 1.คตส.กับสำนักงานอัยการสูงสุด 2. คตส.กับ อดีตคมช. 3. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกับการออกหมายจับของตำรวจ สภ.อ.พระนครศรีอยุธยาและ 4. เหตุการณ์ระหว่างรัฐบาลกับศาลปกครองช่วงวันที่ 23 มิ.ย.ถึง 30 มิ.ย.

นายอมร กล่าวว่า เหตุการณ์แรกกรณี คตส.กับอัยการที่มีปัญหากันในเรื่องข้อกฎหมายซึ่งเถียงกันไปมาแทนที่จะร่วมกันทำงาน แต่กลับมาถกเถียงเรื่องอำนาจการฟ้องโดย่างฝ่ายต่างอ้างอำนาจตัวเองถือว่าเป็นสิ่งที่แปลก และที่แปลกกว่านั้นคือ บุคคลที่คตส.ฟ้องเป็นจำเลยอัยการกลับจะรับเป็นทนายให้ โดยอ้างว่าเป็นการทำตามกฎหายทั้งที่คตส.ฟ้องเป็นจำเลยแผ่นดิน กลับอัยการกลับไปเป็นทนายแผ่นดินเสียเอง 2.กรณีปัญหาคตส.กับคมช.กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อคตส.ถูกตำรวจออกหมายเรียกและออกหมายจับ แม้ว่าคตส.จะทำหนังสือแจ้งไปยังคมช.แต่ก็เกิดปัญหาเมื่อคมช.บอกว่าไม่รู้เรื่องและไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ถือเป็นสิ่งปกติและแปลกประหลาด 3.กรณีการออกหมายจับนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็ถูกย้ายและถูกออกหมายเรียกหมายจับโดยตำรวจสภอ.อยุธยาและได้รับความเห็นชอบออกหมายจับจากศาลอยุธยาจนต้องทำเรื่องขอกลับไปเป็นผู้พิพากษาและอุทธรณ์การออกหมายจับจนต่อมาศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งอันเป็นคดีแรก

นายอมร กล่าวว่า กรณีรัฐบาลและศาลปกครองในเรื่องการละเมิดอธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติ คตส.บอกว่าเงินของแผ่นดินคือเงินของประชาชนทั้งชาติ เช่นเดียวกับแผ่นดินที่เป็นของคนทั้งชาติ แต่มีคนบางคนหรือบางกลุ่มจะเอาเงินและแผ่นดินไปเป็นของตนเอง ที่ผ่านมานายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศให้สัมภาษณ์โดยอ้าง้อมูลของกรมแผนที่ทหาร สภาความมั่นคงแห่งชาติ ในส่วนของกระทรวงต่างประเทศอธิบดีกรมต่างประเทศต้องปฎิบัติตามนโยบายรัฐไม่เช่นนั้นจะถูกย้ายไปเป็นฑูตประจำกระทรวง แต่ทหารควรให้ความเห็นที่เป็นอิสระ

“ การประชุม ครม.วันที่ 1 ก.ค. ต้องดูว่าครม.จะมีมติอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางหรือไม่ แต่ผมอยากขอร้องให้มีการอุทธรณ์ เพราะฐานะคนไทยอยากทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร การไต่สวนของศาลปกครองกลาง เราได้ฟังเฉพาะข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ได้ฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ถ้ามีการอุทธรณ์ก็จะมีการเรียกเจ้าหน้าที่เหล่านี้มาชี้แจงก็จะได้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายเห็นอย่างไร และควรอุทธรณ์ใน 2ประเด็นหลักคือ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวมีความจำเป็นหรือไม่ และคำแถลงการณ์ร่วมอยู่ในอำนาจของศาลปกครองหรือไม่ และเป็นเรื่องภายในหรือระหว่างประเทศ และอยู่ในอำนาจของศาลใด ประเด็นนี้รัฐบาลน่าจะมีปัญหาเพราะที่ผ่านมาได้บอกมาตลอดว่า คำแถลงการณ์ไม่ใช่หนังสือสัญญาระหว่างประเทศ” นายอมร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนายอมร กล่าวจบได้ขอให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาในห้องประชุมกว่า 4,000 คนปรบมือให้ คตส.เป็นเวลา 5 นาที และมีประชาชนได้นำดอกกุหลาบไปมอบให้ด้วย

ส่วนบรรยากาศนอกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งตรงข้ามหอประชุมใหญ่ได้มีกลุ่มสภาสนามหลวงต่อต้านเผด็จการซึ่งเป็นกลุ่ม นปก.เดิมกว่า 50 คนได้ตั้งเวทีย่อยกล่าวปราศรัยโจมตีคณะกรรมการ คตส.ผ่านโทรโข่งพร้อมทั้งนำแผ่นผ้าเขียนข้อความโจมตี คตส.อาทิ “คตส.รับใช้เผด็จการ” “คตส.สมุนโจร” “คตส.ควายตัวแสบ”พร้อมกันนี้ได้นำดอกไม้จันและโลงศพจำลองที่มีชื่อของกรรมการ คตส.ทั้ง 10 คน มาตั้งทำพิธีฌาปณกิจบนเวทีย่อย โดยมีข้อความเขียนบนโลงศพว่า คตส.ชาตะ 30 ก.ย.และมรณะ 30 มิ.ย ทั้งนี้แกนนำได้กล่าวบนเวทีว่าจะนำโลงศพดังกล่าวมามอบเป็นรางวัลส่งท้ายการทำงานให้ กรรมการ คตส. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับใช้เผด็จการ โดยในเวลา 16.00 น..จะมีการแห่โลงศพรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อจากนั้นจะมีพิธีวางดอกไม้จันทน์และเผาโลงศพเพื่อประท้วง คตส.ด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น