“นายทหาร” สุดกลั้น ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ลากไส้ “รบ.โจร” ขายชาติ แฉแหลกงาบแก๊ส-น้ำมันเป็นขบวนการ ชี้ทำประเทศชาติเสียหายมหาศาลกว่า 3.5 ล้านล้าน ปูดซ้ำลักลอบขน “น้ำมันดิบ” ใส่เรือส่งไป “สิงคโปร์-อเมริกา” โดยหลีกเลี่ยงภาษี ก่อนปลุกสำนึกร่วมทวงคืน “ปิโตรเลียม” ให้กลับสู่ประชาชนโดยตรง
วานนี้ (28 มิ.ย.) พ.ต.รัฐเศรษฐ แจ้งจำรัส ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีที่การปิโตเลียมถูกระบอบทักษิณฉ้อฉลว่า ทันที่เศรษฐกิจของเราตกต่ำ เราจึงไปตรวจสอบแล้วพบว่า ปัญหาใหญ่เกิดจากการขึ้นราคาน้ำมัน และราคาแก๊สแพงกว่าปกติ รวมทั้งรถเมล์ขึ้นค่าโดยสารก็ขึ้นราคา อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว
“เดิมทีปั๊มมีอยู่ทั่วประเทศกว่า 3 หมื่นแห่ง ขณะนี้เจ๊งไปเกือบหมดแล้ว เพราะเดิมทีเขาขายน้ำมัน 7 บาท เขาได้กำไร 2.30 บาท แต่ตอนหลังเข้ายึดครองการตลาด ก็จะเห็นเพียงแต่ปั๊มใหม่ๆ ซึ่งมีทั้งปั๊มบางจาก ปั๊มเจ็ท และปั๊ม ปตท.เท่านั้น ที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ” พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าว
ส่วนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการปล้นน้ำมันของระบอบทักษิณนั้น พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวว่า ได้แก่รถสิบล้อ รถปิกอัพ รวมไปถึงควายเหล็กของชาวบ้าน สำหรับหลักในการคำนวณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ระบุเป็นบาร์เรลนั้น สามารถคำนวณได้ คือ 1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร โดย 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 33 บาท ซึ่งถ้าคำนวณเป็นเงินแล้ว 1 ลิตร จะเท่ากับ 27.78 บาท แต่วันนี้บ้านเราขายน้ำมันดีเซลลิตรละ 42 บาท ซึ่งถือว่าแพงเกินกว่าปกติ และแพงที่สุดในโลก เพราะคำนวณกลับไปแล้วจะพบว่า ราคำน้ำมันจะเท่ากับราคา 202 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งๆ ที่ราคาน้ำมันในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียง 138 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจะหายนะมากยิ่งขึ้น ถ้าเราไม่รวมตัวกัน
“ในภูมิภาคของเรา มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมายมหาศาล แต่กลับต้องใช้น้ำมันราคาแพงกว่าประเทศสิงคโปร์ และหลังจากการแปรรูป ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมันวันละ 100 ล้านลิตร คิดคำนวณเป็นเงินแล้ว ถัวเฉลี่ยตกวันละ 2,500 ล้านบาท นี่คือปิโตเลียมบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งไม่มีใครเคยบอกเรา มีแต่บอกว่านำเข้านำมัน ดังนั้นเราจะต้องกอบกู้เอาพลังงานปิโตเลียม และน้ำมัน กลับมาเป็นของประชาชนโดยตรง ซึ่งไม่ใช่ของระบอบทักษิณ” พ.ต.รัฐเศรษฐ ระบุ
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ คือ แหล่งน้ำมันดิบ และแก๊สธรรมชาติ ที่เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริง โดยวันนี้เราผลิตแก๊สธรรมชาติได้วันละ 5,000 ล้านลูกบาตรฟุต ซึ่งคำนวณแล้ว ไทยสามารถผลิตได้เฉลี่ย 138 ล้านลิตรต่อวัน แล้วยังมาอ้างว่าประเทศไทยไม่มีแก๊ส ต้องนำเข้า จนเป็นเงื่อนไขขอขึ้นราคา ขอลอยตัวแก๊ส อย่างนี้ยุติธรรมกับประชาชนหรือไม่ อีกทั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย และบนบก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,300 แท่น ซึ่งมีทรัพย์สินประมาณ 1 ล้านล้านบาท แต่เมื่อระบอบทักษิณเอาไปแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ขายเพียง 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมดเพียงระยะเวลา 1 นาทีกว่าๆ เท่านั้น
“ผมแทบน้ำตาไหล เพราะเพื่อนผมทำงานอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน เพราะน้ำมันดิบที่ขึ้นมา เขาเอาใส่เรือวิ่งไปทางสิงคโปร์ และออกไปทางจีน ญี่ปุ่น และอเมริกา ซึ่งไม่เข้าระบบกลไกภาษีของเรา เพราะมีเท่าไหร่เขารับซื้อไม่อั้น ตรงนี้มูลค่าความเสียหายมากมายมหาศาล นอกจากนี้ แม้แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เขาก็เอาไปไว้ที่อาคารชินวัตรชั้น 26 ที่สำคัญหลังจากที่แปรรูป ปตท.ไปแล้ว รัฐบาลซึ่งถือหุ้นใหญ่ 52 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับได้เปอร์เซ็นต์น้อยมากเพียง 3 หมื่นล้านบาท และภาษีน้ำมันรวมผลิตภัณฑ์ทุกอย่างได้แค่ 7.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งๆ ที่ ปตท.บอกว่า ภาษีน้ำมันประมาณ 13 บาท ส่งให้หลวงหมด ซึ่ง 1 ปี ตกอยู่ที่ประมาณ 6-7 แสนล้านบาท เงินหายไป 5-6 แสนล้านบาทต่อปี รวมทั้งสิ้นเมื่อ ปตท.แปรรูป เงินหายไป 3.5 ล้านล้านบาท แล้วใครจะรับผิดชอบ” พ.ต.รัฐเศรษฐ ระบุ
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ถ้ามีการยึดทรัพย์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะจ่ายคืนให้กับเราวันละประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่เราถูกโกงไปหรือไม่ ซึ่งเราไม่เคยได้รับรู้รับทราบ เพราะไม่เคยมีใครเปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบ เพราะข้อมูลข่าวสารที่ออกมานั้นเป็นของราชการทั้งสิ้น
วานนี้ (28 มิ.ย.) พ.ต.รัฐเศรษฐ แจ้งจำรัส ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีที่การปิโตเลียมถูกระบอบทักษิณฉ้อฉลว่า ทันที่เศรษฐกิจของเราตกต่ำ เราจึงไปตรวจสอบแล้วพบว่า ปัญหาใหญ่เกิดจากการขึ้นราคาน้ำมัน และราคาแก๊สแพงกว่าปกติ รวมทั้งรถเมล์ขึ้นค่าโดยสารก็ขึ้นราคา อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว
“เดิมทีปั๊มมีอยู่ทั่วประเทศกว่า 3 หมื่นแห่ง ขณะนี้เจ๊งไปเกือบหมดแล้ว เพราะเดิมทีเขาขายน้ำมัน 7 บาท เขาได้กำไร 2.30 บาท แต่ตอนหลังเข้ายึดครองการตลาด ก็จะเห็นเพียงแต่ปั๊มใหม่ๆ ซึ่งมีทั้งปั๊มบางจาก ปั๊มเจ็ท และปั๊ม ปตท.เท่านั้น ที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ” พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าว
ส่วนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการปล้นน้ำมันของระบอบทักษิณนั้น พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวว่า ได้แก่รถสิบล้อ รถปิกอัพ รวมไปถึงควายเหล็กของชาวบ้าน สำหรับหลักในการคำนวณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ระบุเป็นบาร์เรลนั้น สามารถคำนวณได้ คือ 1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร โดย 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 33 บาท ซึ่งถ้าคำนวณเป็นเงินแล้ว 1 ลิตร จะเท่ากับ 27.78 บาท แต่วันนี้บ้านเราขายน้ำมันดีเซลลิตรละ 42 บาท ซึ่งถือว่าแพงเกินกว่าปกติ และแพงที่สุดในโลก เพราะคำนวณกลับไปแล้วจะพบว่า ราคำน้ำมันจะเท่ากับราคา 202 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งๆ ที่ราคาน้ำมันในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียง 138 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจะหายนะมากยิ่งขึ้น ถ้าเราไม่รวมตัวกัน
“ในภูมิภาคของเรา มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมายมหาศาล แต่กลับต้องใช้น้ำมันราคาแพงกว่าประเทศสิงคโปร์ และหลังจากการแปรรูป ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมันวันละ 100 ล้านลิตร คิดคำนวณเป็นเงินแล้ว ถัวเฉลี่ยตกวันละ 2,500 ล้านบาท นี่คือปิโตเลียมบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งไม่มีใครเคยบอกเรา มีแต่บอกว่านำเข้านำมัน ดังนั้นเราจะต้องกอบกู้เอาพลังงานปิโตเลียม และน้ำมัน กลับมาเป็นของประชาชนโดยตรง ซึ่งไม่ใช่ของระบอบทักษิณ” พ.ต.รัฐเศรษฐ ระบุ
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ คือ แหล่งน้ำมันดิบ และแก๊สธรรมชาติ ที่เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริง โดยวันนี้เราผลิตแก๊สธรรมชาติได้วันละ 5,000 ล้านลูกบาตรฟุต ซึ่งคำนวณแล้ว ไทยสามารถผลิตได้เฉลี่ย 138 ล้านลิตรต่อวัน แล้วยังมาอ้างว่าประเทศไทยไม่มีแก๊ส ต้องนำเข้า จนเป็นเงื่อนไขขอขึ้นราคา ขอลอยตัวแก๊ส อย่างนี้ยุติธรรมกับประชาชนหรือไม่ อีกทั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย และบนบก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,300 แท่น ซึ่งมีทรัพย์สินประมาณ 1 ล้านล้านบาท แต่เมื่อระบอบทักษิณเอาไปแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ขายเพียง 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมดเพียงระยะเวลา 1 นาทีกว่าๆ เท่านั้น
“ผมแทบน้ำตาไหล เพราะเพื่อนผมทำงานอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน เพราะน้ำมันดิบที่ขึ้นมา เขาเอาใส่เรือวิ่งไปทางสิงคโปร์ และออกไปทางจีน ญี่ปุ่น และอเมริกา ซึ่งไม่เข้าระบบกลไกภาษีของเรา เพราะมีเท่าไหร่เขารับซื้อไม่อั้น ตรงนี้มูลค่าความเสียหายมากมายมหาศาล นอกจากนี้ แม้แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เขาก็เอาไปไว้ที่อาคารชินวัตรชั้น 26 ที่สำคัญหลังจากที่แปรรูป ปตท.ไปแล้ว รัฐบาลซึ่งถือหุ้นใหญ่ 52 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับได้เปอร์เซ็นต์น้อยมากเพียง 3 หมื่นล้านบาท และภาษีน้ำมันรวมผลิตภัณฑ์ทุกอย่างได้แค่ 7.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งๆ ที่ ปตท.บอกว่า ภาษีน้ำมันประมาณ 13 บาท ส่งให้หลวงหมด ซึ่ง 1 ปี ตกอยู่ที่ประมาณ 6-7 แสนล้านบาท เงินหายไป 5-6 แสนล้านบาทต่อปี รวมทั้งสิ้นเมื่อ ปตท.แปรรูป เงินหายไป 3.5 ล้านล้านบาท แล้วใครจะรับผิดชอบ” พ.ต.รัฐเศรษฐ ระบุ
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ถ้ามีการยึดทรัพย์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะจ่ายคืนให้กับเราวันละประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่เราถูกโกงไปหรือไม่ ซึ่งเราไม่เคยได้รับรู้รับทราบ เพราะไม่เคยมีใครเปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบ เพราะข้อมูลข่าวสารที่ออกมานั้นเป็นของราชการทั้งสิ้น