“บรรจง นะแส” เรียกร้อง เชพลอน เปิดข้อมูลนักการเมืองกังฉิน ที่ลอบตอดผลประโยชน์จากกลุ่มทุนตลอดเวลา เพื่อร่วมสร้างธรรมาภิบาลในการปกครองประเทศ ขณะที่กลุ่มทุนเองจะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆและควักเนื้อจ่ายใต้โต๊ะต่อไป
วานนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 23.39 น. นายบรรจง นะแส คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคใต้ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ทะเลบ้านเรามีทรัพยากรจำนวนมาก แต่เจอว่าบริษัทสัมปทานทั้ง 39 แห่ง เป็นของไทยเพียง3บริษัท ผลประโยชน์จากทรัพยากรในทะเลของไทยไปอยู่ทีไหน ซึ่งพบว่าระบบทุนนิยมสามานย์ที่ผ่านมาร่วมมือกับต่างชาติ ได้สูบเอาผลประโยชน์ของประเทศไปไว้เฉพาะกลุ่ม
นายบรรจง กล่าวว่า คำถามคือว่าระบบการเมืองใหม่ ทรัพยากรที่เป็นของเราต้องถูกนำมาหงายแล้วเปิดต่อสาธารณะ ไม่ใช่จะหมดสัญญาปี55 แต่วันนี้ต่อสัญญาอีกแล้ว ผลประโยชน์ของชาติได้เท่าไหร่ สังคมรู้บ้างไหม แล้วเมื่อไหร่ปัญหาความยากจนจะหมดไป ดูกรณีเซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นตัวอย่างดีว่ามีเวลาอีกนานที่จะหมดสัมปทานแต่พอนักการเมืองเข้ามาทำไมต้องรีบต่อสัญญาด้วย
นายบรรจง กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นผลประโยชน์จากทรัพยากรด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้สัก แร่ดีบุก ทำให้เกิดผลประโยชน์ร่ำรวยกับเพียงบางกลุ่มเท่านั้น เราจะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลานในอนาคต ถ้าการเมืองยังเป็นอย่างนี้ ถ้านักการเมืองในทำเนียบฯ ยังเป็นอย่างนี้ไม่มีความหวังเลย ฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะรูปแบบว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่จะต้องเป็นเนื้อหาว่าประชาชนคนไทยจะอยู่รอดได้อย่างไร ชาวนาต้องมีเกียรติและศักดิ์ศรีและต้องมีที่ดินเป็นของตัวเอง
ส่วนกรณีเขาพระวิหาร นายบรรจง กล่าวว่า แปลงสัมปทาน 5 แปลงที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกัมพูชา-ไทย สองแปลงเป็นของเชพลอนใช่ไหม ถ้าไม่จริง ก็ปฏิเสธมา สองแปลงคือ แปลงที่10และ11 ที่ถูกเขมรยกเลิกสัมปทานเพราะขัดแย้งกัน แปลง 12A-12B อย่างไรก็ตาม ถ้าเชพลอนเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่แล้วตั้งใจจะมาร่วมสร้างการเมืองใหม่กับชาติไทย คิดว่าเป็นโอกาสที่เชพลอนจะต้องบอกความจริงกับสังคมว่า นักการเมืองที่เคยหาผลประโยชน์จากคุณคือใคร แล้วมาร่วมกับประชาชนคนไทย เราต้องการธรรมาภิบาลปกครองประเทศนี้ และต่อไปคุณก็จะได้ไม่ต้องติดสินบนนักการเมือง ทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ และผลประโยชน์ที่คุณควรจะได้รับ จะต้องเป็นธรรมกับประชาชน