xs
xsm
sm
md
lg

“สหภาพ กฟผ.” เอาด้วย ร่วมสมทบพันธมิตรฯ -“ปานเทพ” เสนอล่าชื่อค้านยูเนสโก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สหภาพแรงงาน กฟผ.ขานรับนกหวีดพันธมิตรฯ ลั่นรวมพลนับพันสบทบที่หน้าทำเนียบ “จำลอง” เมินเสียงห้ามตำรวจ ชี้ ไม่มีหมายศาลไม่มีสิทธิ์จับ หากคิดใช้ความรุนแรงถูกฟ้องแน่ ด้าน “ปานเทพ” เรียกร้องเปิดแผนที่เขาพระวิหาร เตรียมหารือ “แกนนำพันธมิตรฯ” ล่ารายชื่อพลเมืองไทย ยื่นค้านเขมรต่อยูเนสโก

วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.15 น.นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ในวันที่ 20 มิ.ย.2551 เวลา 12.00น.ทางสหภาพฯ จะจัดรถบัสเพื่อนำพนักงานที่ต้องการจะเดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมายังหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยจะจอดรับอยู่ที่ประตู 1 สำนักงานกลาง กฟผ.ซึ่งคาดว่า จะมีประชาชนมาร่วมสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ต่ำกว่า 3,000 คน นอกจากนี้ ในวันดังกล่าวจะอนุมัติให้พนักงาน กฟผ.ในกรุงเทพฯ ลางานได้ครึ่งวันด้วย

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมด้วยนั้น เป็นการตัดสินใจของสหภาพแรงงานเอง และถือว่า ทันเวลาพอดี ทำให้มั่นใจว่า เราจะไปถึงข้างทำเนียบได้สำเร็จอย่างแน่นอน

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การที่ไปทำเนียบนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นการหาทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะไม่จำเป็น แต่เป็นเพราะเราต้องการหาสิ่งที่จะทำให้ดีขึ้น เนื่องจากเราชุมนุมมาถึง 25 วัน รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ตามที่ประชาชนเรียกร้อง เราจึงต้องไป แต่ไม่ใช่การไปยึดทำเนียบ แต่ไปเพื่อจะยื่นหนังสือต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงพลังของเรา โดยจะขนสัมภาระไปทั้งหมด ไม่ทิ้งไว้ที่นี่แม้แต่ชิ้นเดียว ส่วนจะไปปักหลักหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ส่วนกรณีที่ตำรวจจะไม่ให้เราผ่านนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตำรวจไม่มีทางยับยั้งได้ นี่ไม่ใช่การท้าทาย แต่ตำรวจจะจับเรายาก เพราะต้องมีหมายศาล ส่วนถ้าหากมีการสลายม็อบ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่ตำรวจจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

“ซึ่งนี่คือหน้าที่ของเรา แม้ตำรวจไม่ให้ไป แต่เราก็จะไป และหากมีการใช้ความรุนแรง ก็ถือว่าตำรวจและรัฐบาลเป็นผู้ผิด เพราะตำรวจและรัฐบาล มีหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้เกิดความรุนแรง” พล.ต.จำลอง ระบุ

ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย และตำรวจ ระบุว่า จะมีคนขนอาวุธมาก่อความรุนแรง พล.ต.จำลองกล่าวว่า ถือเป็นการชี้ช่องที่เขาพยายามมาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาลและตำรวจจะต้องป้องกัน มิเช่นนั้น จะถือว่ามีความผิด สำหรับการเคลื่อนขบวนไปทำเนียบในวันศุกร์นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวแบบต่างคนต่างไป และขอให้ประชาชนที่มาร่วม พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย เพื่อถ่ายภาพตำรวจที่ยับยังการเดินขบวนของเรา

ขณะที่ นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และโฆษกบนเวทีพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงแถลงการณ์ของ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ว่า จะทำให้ประเทศไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารโดยถาวร รวมไปถึงแนวเขตที่มีตลาด วัด และชุมชน ที่ได้ตั้งรกรากมานานไปด้วย

“จึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ปราสาทเขาพระวิหาร รวมทั้งขอให้เปิดเผยแผนที่ บริเวณอ่าวไทย ที่ติดกับกัมพูชาด้วย เพราะเราสงสัยว่า ที่ผ่านมา รัฐมนตรีของกัมพูชา เคยให้สัมภาษณ์ว่า มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่บริเวณอ่าวไทย กับปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งพื้นที่บริเวณอ่าวไทยนั้น มีแหล่งพลังงานและก๊าซธรรมชาติอย่างมหาศาล ซึ่งบังเอิญกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปลงทุนที่เกาะกง ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าวด้วย จึงสงสัยว่า กรณีนี้ นายนพดล เจรจาเพื่อผลประโยชน์ของใคร” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวต่อ เขตอ่าวไทย อยู่ที่หลักเขต ที่ 73 ซึ่งไทยต้องยืนยันว่า ผลประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติ และอื่นๆ ต้องเป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่เราห่วงว่า จะมีการขีดเส้นแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้ โดยขีดหลักเขตที่ 73 ลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำให้ผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเป็นของกัมพูชา รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปลงทุนด้วยหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้เปิดเผยเส้นแบ่งเขต ว่าผลประโยชน์บริเวณอ่าวไทยจะเป็นของใคร

นายปานเทพ ระบุด้วยว่า จะนำเรื่องนี้ หารือกับแกนนำพันธมิตรฯ ในคืนนี้ โดยจะเสนอให้รวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อนำเรื่องไปเสนอต่อยูเนสโก เพื่อคัดค้านการนำปราสาทเขาพระวิหาร ขึ้นบัญชีมรดกโลก ซึ่งจะต้องให้เสร็จก่อนต้นเดือน ก.ค.

ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า มติ ครม.เรื่องเขาพระวิหาร มีวาระซ่อนเร้น หากรัฐบาลไทยยอมให้กฎหมายปิดปาก โดยไม่โต้แย้งสิทธิ์ จะทำให้เสียดินแดนอีก 40 กว่าจุด ซึ่งเรื่องนี้กองทัพทราบดี ดังนั้น เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกไป อีกทั้ง มติ ครม.ในเรื่องนี้หากยึดตามกรอบปัจจุบันก็จะถือเป็นโมฆะ โดยเข้าตามมาตรา 190 ของ รธน.ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เป็นโมฆะทันที โดยไม่เป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนในระบอบทักษิณ

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบ พบว่า ร่างแก้ไข รธน.ของพรรคพลังประชาชน มีการตัดมาตรา 190 ในวรรคที่จะต้องผ่านรัฐสภาออกไป ซึ่งจะมีการหารือกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหาทางฟ้องศาล ให้มติ ครม.ดังกล่าว เป็นโมฆะด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น