xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” ตะเพิด รมต.ลูกไล่เขมร เฉือนแผ่นดินป้องผลประโยชน์นายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พิภพ” ชี้พฤติกรรมของลูกกรอกนอมินี โดยเฉพาะ “นพดล” เข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ตั้งข้อสังเกต สายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ “แม้ว” คือเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องรีบมุบมิบก้มหัวให้เขมร เห็นแก่ผลประโยชน์นายใหญ่มากกว่าผลประโยชน์ชาติ ไล่ส่งลาออกจากพลเมืองไทย ไปเป็นรมต.เขมรเสียดีกว่า

วันนี้ (17 มิ.ย.) เมื่อเวลา 21.16 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า การที่ ครม.มีมติเรื่องเขาพระวิหารนั้น ไม่กลัวการเมืองไทยจะปั่นป่วนบ้างหรือ นี่รัฐไทยหรือรัฐเขมรกันแน่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นอกจากเอาใจเขมรแล้ว ทำยังผิดรัฐธรรมนูญอีกด้วย ถ้าอย่างนี้รัฐบาลก็ควรจะต้องลาออก ประเทศอื่นเขาลาออกกันหมดแล้ว มีแต่รัฐบาลที่หน้าด้านของไทยเท่านั้นเอง

นายพิภพ กล่าวว่า ปัญหาวันนี้นอกจากมีปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร ที่ตกลงการล้ำดินแดนของกัมพูชาไม่ได้ ทางออกของไทยอย่างเดียวคือ ต้องยื่นต่อองค์การยูเนสโกให้หยุดพิจารณาเรื่องมรดกโลกไว้ก่อน ต้องทำทันที เพราะปัญหาการปักปันเขตแดนยังไม่ได้ข้อยุติ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนประกาศเป็นมรดลโลก ฉะนั้น การที่นายนพดลรีบร้อนต้องการให้มีการประกาศเป็นมรดลโลกเช่นนี้ยังสมควรเป็นรัฐมนตรีอีกหรือเปล่า

“ต้องตั้งคำถามแล้วว่าคุณนพดลคือใคร คุณนพดลก็คือทนายความของคุณทักษิณ แล้วก็เป็นโฆษกของคุณทักษิณสมัยหนึ่ง ผลประโยชน์ทักษิณในกัมพูชามีมากมาย คราวที่แล้วที่เขาเผาสถานทูตไทย เขาต้องการตบหน้าทักษิณ เพราะผลประโยชน์ของทักษิณ เอไอเอสอยู่ที่นั่น ฉะนั้นอย่างมาปฏิเสธว่า การเอาใจกัมพูชาจนออกหน้า ไม่รักประเทศชาติไม่รักแผ่นดิน มันมีผลประโยชน์ของอดีตนายกฯอยู่เบื้องหลังผลประโยชน์ที่เกาะกง การขีดเส้นแดน” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า เรามีปัญหาเรื่องเขตแดนสองจุด คือ เขตแดนหนึ่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทยที่เขาพระวิหาร อีกเขตแดนอยู่ในทะเลมีน้ำมันและก๊าซ เราเคยมีปัญหาเรื่องนี้กับมาเลเซียมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลสมัยนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่ต้องฟังเสียงประชาชน ไม่มีรัฐธรรมนูญมาตรา 190 บังคับไว้ แต่ขณะที่รัฐบาลนี้มียังไม่สนใจฟังเสียงประชาชนเลย รัฐบาลเขมรได้ขีดหลักเขตที่ 73 เข้ามาที่เกาะกูด แล้วถูกประท้วงจึงขีดเขตแดนใหม่เข้ามาในอ่าวไทย หลบเกาะกูด ปัญหาอยู่ที่ว่า เขตแดนที่ขีดเข้ามานี้มันคุมพื้นที่ในทะเล และจะเอาก๊าซกับน้ำมันเข้าไปอยู่ในกัมพูชาทั้งหมด

นายพิภพ กล่าวต่อว่า คุณทักษิณได้เคลื่อนไหวเป็นข่าวทั่วไปว่าจะทำธุรกิจที่เกาะกง ฉะนั้นเราสงสัยว่าเขตแดนบนแผ่นดินที่เขมรได้ยอมเขมร แล้วเอาเข้าสู่ครม.แล้วไม่บอกกับประชาชนว่าได้ตกลงกันยังไงนั้น ทำได้หรือ แล้วในทะเล ยังมีการมุบมิบเอาผลประโยชน์ในทางทะเลกันอีก เหมือนกับหลุมก๊าซธรรมชาติที่มาเลเซีย

“ความสัมพันธ์ระหว่างคุณนพดล กับทักษิณเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นอย่างไร แล้วเมื่อคุณนพดลได้ย้ายข้าราชการกระทรวงต่างประเทศที่ทำเรื่องนี้และรักประเทศ รักเขตแดน อยากจะรักษาเขตแดน อยากจะรักษาพลังงาน ย้ายออกไป มันบอกนัยที่จะมุบมิบทำกันเอง แล้วก็เกี่ยงข้องกับผลประโยชน์ที่เกาะกงที่คุณทักษิณกำลังชวนนักธุรกิจใหญ่ๆเข้าไปลงทุนผลประโยชน์อันนี้แลกกันผลประโยชน์ของพลังงานที่จะสูญเสียให้เขมรหรือเปล่า นี่คือคำถามที่ประชาชนต้องการรู้” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวว่า วันนี้เราจะไม่ยอมเสียอีก เราไมได้สู้กับนายสมัครนายนพดลอย่างเลื่อนลอย วันนี้เรามีรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ในหมวดรัฐมนตรีรองรับ ที่เกิดจากความรู้สึกของประชาชน ที่สมัยรัฐบาลทักษิณไปเซ็นสัญญาเอฟทีเอ วันนี้เราจะใช้มาตรานี้สู้กับรัฐบาลสมัคร

“คุณนพดลไม่มีทางจะปิดปาก เหมือนกับหยิ่งผยองไปบอกให้ทหารหุบปาก ทำอย่างนี้ได้ยังไง รมว.ต่างประเทศครับ คุณไม่ใช่เจ้าของประเทศนี้นะ คุณมาเพื่อประโยชน์ของนายคุณใช่หรือเปล่า คุณเป็นนอมินีใช่หรือเปล่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของไทยรักไทยใช่หรือเปล่า แล้วพรรคไทยรักไทยใครเป็นเจ้าของ” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า การลงนามใดๆ การยอมรับประกาศใดๆ กรณีเขตแดนที่เขาพระวิหาร เป็นสิ่งที่นายนภดลไม่ควรทำ แต่เมื่อดื้อรั้นจะทำก็ต้องถูกไล่ออก นายสมัครเป็นประธานครม.วันนี้ ก็ต้องรับผิดชอบต่อมติด้วย และครม.ทั้งคณะด้วย ฉะนั้นวันศุกร์นี้เจอกันบ่ายโมงที่ หน้าทำเนียบฯ เพื่อรักษาอธิปไตย ผลประโยชน์ เขตแดน พลังงานให้อยู่กับคนไทยตลอดไป ไม่ต้องไปเกรงใจรัฐบาลเขมร ถ้านายนภดลเกรงใจรัฐบาลเขมร ก็ไปเป็นรัฐมนตรีเขมรเลย เปลี่ยนสัญชาติไปเลย

ทั้งนี้ ในขณะที่นายพิภพกำลังปราศรัยนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเปิดเพลงรักกันไว้เถิด เสียงดังสนั่นเพื่อก่อกวนตลอดเวลา สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก จนต้องโห่ไล่อยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม นายพิภพได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวบนเวทีด้วยว่า

“ทำไมเราพูดถึงปัญหานี้ รัฐบาลถึงสั่งให้ขยายเสียง ทำไม เรากำลังพูดปัญหาประเทศไทย ปัญหาอธิปไตย ปัญหาดินแดน ปัญหาผลประโยชน์ ทำไมขัดขวางกันตำรวจ สั่งโดยใคร เฉลิมหรือสมัคร หรือ ผบ.ตร. ทำให้พ่อแม่พี่น้องไม่ได้ยินว่าเรากำลังเสียผลประโยชน์อย่างไรใช่หรือไม่ คุณรักชาติหรือเปล่า ตำรวจครับ ยุติ มิเช่นนั้นตำรวจจะถูกกว่าหาว่าไม่รักชาติไปกับคุณนพดล คุณเฉลิม คุณสมัคร”

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2551 มาตรา 190 ความว่า ..

“มาตรา 190 พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพสัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทย มีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องดังกล่าว ก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศตาม

วรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้น ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบด้วยเมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น และในกรณีที่การปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็วเหมาะสม และเป็นธรรม

ให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป

ในกรณีที่มีปัญหาตามวรรคสอง ให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาด โดยให้นำบทบัญญัติตามมาตรา 154 (1) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม”

กำลังโหลดความคิดเห็น