ผู้จัดการออนไลน์ – หมอประเวศยังไม่หมดความพยายาม ระบุ คน 14 ล้าน กับ 12 ล้านแตกกัน ก็เพราะทักษิณ ชี้ กระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสเป็นหนทางเดียวในการแก้วิกฤตการณ์ทางการเมืองชาติ เปรียบ “ทักษิณ” เหมือนเสี้ยนที่ตำอยู่ในเนื้อ ต้องถอนเสี้ยนออกก่อนแผลจึงจะสมาน
หลังแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติ ถูกบอกปัดอย่างไร้เยื่อใยจากพรรคร่วมรัฐบาล ล่าสุด ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เขียนบทความหวังหาทางออกวิกฤตการณ์ทางการเมืองอีกชิ้นชื่อ “ถอนเสี้ยนออกจากเนื้อ เพื่อสมานฉันท์ได้” เปรียบวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยเหมือน “เนื้อที่มีเสี้ยนตำอยู่” ทำให้สมานกันไม่ได้ โดยฝ่ายหนึ่ง คือ ประชาชนประมาณ 12 ล้านคน ที่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นภัยต่อชาติและสถาบัน ส่วนอีกฝ่ายประมาณ 14 ล้านคน เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้ชาติเจริญ
ชี้วิธีแก้ไขคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปพิสูจน์ตัวในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล โดยมีเงื่อนไขว่ากระบวนการยุติธรรมต้องปราศจากการแทรกแซง ชี้ “ทักษิณ” ต้องถอดชนวนให้สังคม ด้วยการยอมเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และเลิกยุ่งการเมืองจริงๆ
ถอนเสี้ยนออกจากเนื้อ เพื่อสมานฉันท์ได้ ประเวศ วะสี วิกฤตการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ก่อให้เกิดความวิตกกังวลกันว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงนองเลือด แต่มองไม่เห็นทางออก หลายท่านเห็นว่าความแตกแยกเลยจุดที่จะสมานฉันท์กันได้ การจะรักษาโรคให้หายต้องรู้สมมติฐานที่แท้จริงของโรค หลายอย่างที่นำมาเถียงกันเป็นเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุอยู่ที่ความเชื่อเกี่ยวกับคุณทักษิณที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงและประนีประนอมกันไม่ได้ เนื้อที่มีเสี้ยนตำอยู่ย่อมสมานกันไม่ได้ เสี้ยน คือ ความเชื่อเกี่ยวกับคุณทักษิณที่แบ่งคนออกเป็น 2 ข้าง ข้างหนึ่ง เชื่อว่า ทักษิณเป็นคนดีมีความสามารถสนใจคนจนจะพาบ้านเมืองเจริญ อีกข้างหนึ่ง เชื่อว่า ทักษิณเป็นคนโกง ชอบใช้อำนาจ อันตรายต่อสถาบัน เป็นตัวแทนทุนต่างชาติ จะพาบ้านเมืองไปล่มจม การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่ใช่เรื่องหมากัดกัน แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่เชื่อว่าระบอบทักษิณอันตรายต่อบ้านเมืองต้องต่อสู้ และเขาเห็นว่า รัฐบาลเป็นนอมินีที่ปกป้องผลประโยชน์และต้องการช่วยในทักษิณพ้นผิด คนที่เชื่อเช่นนี้มิได้มีที่เฉพาะมาชุมนุมเท่านั้น ถ้าอนุมานจากผลการเลือกตั้ง ฝ่ายที่นิยมชมชอบทักษิณคงมีประมาณ 14 ล้านคน ฝ่ายตรงข้ามประมาณ 12 ล้านคน นับเป็นความแตกแยกของคนไทยขนาดใหญ่ที่สุดขณะที่ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกจากความขัดแย้งใหญ่นี้ได้อย่างไร สิ่งที่เรารู้แล้วว่าไม่ได้ผล คือ (๑) รัฐธรรมนูญ ทั้งรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 เพราะเมื่อใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ก็มีเรื่องทักษิณ การประท้วงขนานใหญ่ และรัฐประหาร ถ้าเรากลับไปหารัฐธรรมนูญ 2540 อีกจะแก้ปัญหาได้หรือ รัฐธรรมนูญ 2550 ก็ไม่หายขัดแย้ง ความพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญก็ถูกมองว่าเพื่อจะช่วยทักษิณ และเป็นชนวนที่จะนำไปสู่ความรุนแรง (๒) รัฐประหาร ทำกันมาหลายครั้งแล้ว แก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ (๓) ยุบพรรค เมื่อยุบพรรคไทยรักไทย ก็มีการตั้งพรรคพลังประชาชนขึ้นมาแทน สถานการณ์ความขัดแย้งก็เหมือนเดิม (๔) ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ใน 5-6 ปี ที่ผ่านไปมีการเลือกตั้งหลายครั้ง ผลก็ออกมาเหมือนเดิม แก้ความขัดแย้งไม่ได้ ถ้าเรายังวนเวียนอยู่ใน 4 เรื่องนี้ คือ รัฐธรรมนูญ รัฐประหาร ยุบพรรค ยุบสภา เราจะมีทางออกจากเขาวงกตแห่งความขัดแย้งหรือถ้าเช่นนั้นเราจะทำอย่างไร ขอเสนอ 3 วิธี ดังต่อไปนี้ 1. ยอมรับสภาพปัจจุบัน และต่างฝ่ายพยายามทำให้ดีที่สุด สภาพปัจจุบัน คือ พรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในฐานะมี ส.ส.จำนวนมากที่สุด อย่าไปคิดเปลี่ยนขั้วหรืออะไรเลย เพราะมันจะขัดแย้งกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดจากสภาพปัจจุบัน เช่น (๑) รัฐบาลต้องพยายามทำเรื่องดีๆ อาจต้องปรับ ครม.อย่าให้ขี้เหร่เกิน ซึ่งเหมือนตบหน้าประชาชน อย่าพูดจาท้าทาย แต่มีวจีสุจริตชวนในคนมาร่วมมือกันทำงานสร้างสรรค์เพื่อประเทศ ต้องไม่ทำอะไรที่ทำให้สังคมเข้าใจว่าใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม (๒) การชุมนุมหรือเดินขบวนเรียกร้องอะไรก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องอยู่ในขอบเขตกฎหมาย และสันติวิธี รัฐบาลไม่ควรสลายการชุมนุม เพราะจะทำให้บานปลาย (๓) ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ (๒) ก็มีสิทธิชุมนุมหรือเดินขบวนแต่ต้องไม่ปะทะกัน ทุกฝ่ายต้องใช้วิถีอาริยะ คือ ไม่ใช้วิธีอันธพาล ใช้เหตุผล ความสุภาพ เอาชนะกันด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง (๔) หากสังคมเข้มแข็ง เข้ามากำกับดูแลให้เป็นไปตาม 3 ข้อข้างต้น ก็จะเป็นการให้เวลาแก่บ้านเมืองที่จะพัฒนาประชาธิปไตยบนวิถีอาริยะ 2. ถอนเสี้ยนออกจากเนื้อ ดังกล่าวข้างต้นว่าเสี้ยนที่ตำอยู่ในเนื้อสังคมทำให้สมานฉันท์ไม่ได้คือความเชื่อเกี่ยวกับทักษิณที่ต่างกันคนละขั้ว ไม่มีทางอธิบายหรือไกล่เกลี่ยใดๆ ที่จะช่วยให้สมานฉันท์ได้ วิธีถอนเสี้ยนออกคือการทำความจริงให้ปรากฏซึ่งสามารถเห็นตรงกันได้ วิธีทำความจริงให้ปรากฏที่ดีที่สุด คือ กระบวนการศาลยุติธรรม เพราะมีการสืบหาหลักฐานข้อเท็จจริง และไต่สวนมูลความโดยละเอียดและมีหลักการว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่จริง ถ้าทุกฝ่ายเคารพความยุติธรรม มีกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปราศจากการแทรกแซง เราก็จะมีธรรมเป็นเครื่องยุติ บ้านเมืองที่จะมีความเป็นประชาธิปไตยนั้น ผู้คนจะต้องเคารพความยุติธรรม ถือความยุติธรรมเป็นหลัก มีระบบความยุติธรรมที่เข้มแข็ง ถูกต้อง เป็นธรรม คนไทยทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาสนใจระบบความยุติธรรมและสนับสนุนให้เรามีระบบความยุติธรรมที่เข้มแข็งวิกฤตการณ์ใหญ่ของเราคราวนี้ลึกๆ แล้วเป็นวิกฤตความยุติธรรม 3.บทบาทของคุณทักษิณเอง ที่จริงคุณทักษิณเป็นคนคนเดียวที่สามารถถอดชนวนความรุนแรงได้ชะงัดที่สุด จริงอยู่คุณทักษิณอาจจะคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ใครๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ก็อาจจะทรงคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่ไม่ทรงคิดแก้แค้น ทรงให้อภัย ทรงหลีกเลี่ยงที่จะให้คนไทยปะทะกันเองเสียเลือดเสียเนื้อทั้งๆ ที่มีคนที่ภักดีต่อพระองค์อยู่ไม่ใช่น้อย ทรงเลือกที่จะประทับอยู่อย่างสงบในประเทศอังกฤษด้วยยึดมั่นในอหิงสธรรม ถ้าคุณทักษิณทบทวนตัวเองด้วยหลักธรรมทางพุทธ มีความนอบน้อมถ่อมตัว พยายามถอนตัวออกจากตัณหา มานะ ทิฐิ ให้อภัย ไม่คิดก่อเวร ใช้อหิงสธรรม หยุดเล่นการเมืองจริงๆ โดยสิ้นเชิง ไม่เคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจชั่วคราว แบบชวนเขมรตั้งกาสิโนที่เกาะใกล้ประเทศไทย หรือนำนายทุนใหญ่จากตะวันออกกลางมาค้าข้าว เพราะทำให้ฝ่ายสงสัยไม่หายสงสัยในเรื่องประโยชน์ทับซ้อนและเชื่อมโยงเป็นการเมืองไป ถ้าคุณทักษิณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองขั้นพื้นฐาน (Transformation) จนคนเขามั่นใจ และหันกลับมารักใคร่นับถือไว้วางใจ คุณทักษิณก็สามารถทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่ทั้งต่อประเทศไทยและต่อโลก ผมพูดแบบนี้มาหลายครั้ง ไม่มีใครเชื่อว่า คุณทักษิณ จะทำได้ แต่ถ้าทำได้จะเป็นการถอดชนวนความรุนแรงเฉพาะหน้าได้ชะงัดที่สุด |