xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฐวุฒิ” ผวาขาสั่น! ป้ายผิดบึ้ม “ผู้จัดการ” แค่ “ระเบิดเชียร์แขก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“ณัฐวุฒิ” ปากกล้าขาสั่น โต้บึ้ม “ผู้จัดการ” แค่ “ระเบิดเชียร์แขก” ป้ายผิดหวังผลปลุกระดมเพิ่มดีกรีการชุมนุม ไม่หนำใจวกแขวะ ปชป. เปรียบเป็น “ชูชกทางการเมือง” หยิบฉวยทุกอย่างหวังโค่นรัฐบาล ก่อนงัดมุกเดิมอ้างความชอบธรรมนั่งรัฐบาลเพราะเสียงข้างมาก


วานนี้ (16 มิ.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีเหตุการณ์ขว้างระเบิดเสียงหน้าที่ทำการเอเอสทีวีว่า เป็นไปตามคาดหมาย คือ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ออกมาชี้มาในทำนองที่เชื่อได้ว่า เป็นฝีมือฝ่ายรัฐบาล ตนขอเรียนพี่น้องประชาชนเลยว่า รัฐบาลไม่เคยมีความคิด ไม่เคยมีแนวทางใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มใดๆ ก็ตาม เพราะรัฐบาลมีจุดยืนอย่างเดียว คือ ใช้หลักนิติธรรมดำเนินการกับการกระทำอันละเมิด หรือฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

“ทีนี้ต้องมาวิเคราะห์กันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วใครจะได้ประโยชน์ คงต้องตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น ฝ่ายที่ได้ประโยชน์ทันทีคือ บ้านเมือง โดยจะเกิดความหวั่นวิตกในหมู่พี่น้องประชาชน ในหมู่นักลงทุน นักท่องเที่ยว เกิดความเสียหายทางด้านความน่าเชื่อถือ ในความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขณะเดียวกันก็จะเป็นผลให้พันธมิตรฯ ใช้สถานการณ์นี้ไปปลุกระดมพี่น้องประชาชน เพื่อไปสร้างเป็นเงื่อนไขในการเพิ่มระดับงานเข้มข้นของการชุมนุมใช่หรือไม่ ผมเรียนว่ามันมีจุดที่น่าสังเกตเป็นลำดับ เป็นขั้นเป็นตอนในการเคลื่อนไหว” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เดิมกลุ่มพันธมิตรฯ มีเป้าหมายเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่สกัดไว้ที่สะพานมัฆวาน ก็พยายามที่จะปรับกลยุทธให้มียุทธวิธีดาวกระจาย เมื่อมียุทธวิธีดาวกระจายก็ใช้วิธีพูดจาว่า รัฐบาลอาจจะใช้วิธีความรุนแรงเข้ามาจัดการสลายการชุมนุม เพื่อปลุกระดมอารมณ์ความรู้สึกของพี่น้องประชาชน และในขณะเดียวกันอย่างที่ทราบว่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ได้ออกมาพูดว่าทหารอยู่ข้างเราแล้ว สัปดาห์หน้าก็จะเรียบร้อย สัปดาห์หน้าก็จะเช็คบิล สัปดาห์หน้าของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ก็คือสัปดาห์นี้ แล้วสัปดาห์นี้ก็เริ่มขึ้นด้วยการขว้างระเบิดเสียงที่ทำการเอเอสทีวี จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องรับกันอย่างน่าสงสัยใช่หรือไม่ เพราะคำว่าสัปดาห์นี้จะเช็กบิลของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ นั้นหมายความว่าระเบิดเสียงที่เอเอสทีวี ถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งใช่หรือไม่

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ขอเรียนว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารบ้านเมืองในภาวการณ์ที่บ้านเมืองเผชิญกับวิกฤตรอบด้าน แนวคิดที่วิญญูชนทั่วไปควรพึงคิด และช่วยกันปฏิบัติก็คือ ช่วยกันพยายามสร้างความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ไม่ใช่พยายามสร้างเงื่อนไข สร้างความแตกแยก หรือสร้างความไม่น่าไว้วางใจให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ฉะนั้นอยู่ๆ เกิดระเบิดเสียงที่หน้าเอเอสทีวี แล้วจะโยนมให้รัฐบาล เรารับไม่ได้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็น “ระเบิดเชียร์แขก” ใช่หรือไม่

“ระเบิดที่เกิดขึ้นแล้วจะเป็นเงื่อนไขในการปลุกระดม เป็นการเชิญชวนพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้นใช่หรือไม่ เป็นระเบิดเมื่อเกิดขึ้นแล้วเป็นการเร่งเกม เร่งสถานการณ์บางอย่าง สอดรับกับคำพูดของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ใช่หรือไม่ ผมขอกราบเรียนว่า รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะปกป้องบ้านเมืองนี้ให้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และจะไม่มีใครสามารถคิดกระทำอย่างที่หวังตั้งใจได้ และจะไม่มีใครสามารถกระทำให้บ้านเมืองเกิดความโกลาหล จนนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา เช่น การยึดอำนาจอีกรอบหนึ่งได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ส่วนระเบิดที่เอเอสทีวีนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายสุริยะใสระบุว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยเพราะว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มข้นครบถ้วน ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าถ้ามีการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นครบถ้วนจริง คนที่จะไปทำได้น่าจะมีความรู้ความเข้าใจในระบบการรักษาความปลอดภัยบริเวณนั้นอย่างดี น่าจะเข้าใจว่าช่วงไหน รปภ.ทำงานหรือไม่ทำงาน น่าจะเข้าใจว่ากล้องวงจรปิดติดอยู่ตรงไหน อย่างไร น่าจะเข้าใจว่าควรลงมือช่วงเวลาไหนถึงจะประสบความสำเร็จ

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็ต้องตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงหลังพรรคประชาธิปัตย์ดูลุกลี้ลุกล้นกับจังหวะก้าวทางการเมืองเป็นพิเศษ แล้วความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์มีความสอดคล้องอย่างมีนัยสำคัญกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะพอพันธมิตรฯ เริ่มยุทธการดาวกระจาย พรรคประชาธิปัตย์ก็เปิดยุทธการทันที โดยพยายามที่จะมีการเคลื่อนไหวยื่นญัตติการอภิปรายรัฐบาลร่วมกับวุฒิสภา

“ความลุกลี้ลุกล้นของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ ถูกมองเป็นเหมือน “ชูชกทางการเมือง” หมายความว่า เอาทุกอย่าง เห็นอะไรพอที่จะโค่นล้ม เล่นงานรัฐบาลได้ ก็หยิบฉวยไว้ทุกจังหวะ และทุกโอกาส พันธมิตรฯ ชุมนุมก็ส่ง ส.ส.พรรคตัวเองขึ้นเวที มีอดีตผู้สมัคร มีสมาชิกพรรคอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ เต็มไปหมด พอ ส.ว.จะยื่นญัตติก็จะบวกด้วย แล้วเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรา 179 เพื่อเปิดให้มีการอภิปราย มีการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็ตั้งใจที่อภิปราย พอเขาไม่ให้ใช้มาตรา 179 ก็จะยื่นญัตติจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ สรุปว่า เอาทุกอย่าง จะเอาให้ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนอยากฝากเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ความเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบชูชกอย่างนี้ ต้องระวัง เพราะหากว่า ท้องแตก ประชาชนจะเห็นไส้เห็นพุงทั้งหมด มันจะดูไม่งาม ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พยายามเรียกร้องให้นายกฯ เปลี่ยนแปลง แหวกม่านประเพณีในความพยายามในการเปิดให้พรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายในช่วงที่มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญฯ ซึ่งไม่เคยมีแนวปฏิบัติมาก่อน

“พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมากี่รอบๆ ก็ไม่เคยเปิดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในการเปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญฯ มาก่อน แค่คุณองอาจ ก็พยายามเรียกร้อง จึงอยากจะเรียกร้องกลับว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย เรายึดมั่น และศรัทธาในการกระบวนการรัฐสภา รวมทั้งประเพณีปฏิบัติที่ทำกันมาอย่างเป็นเหตุเป็นผลนั้น รัฐบาลชุดนี้คงไม่ไปแหวกม่านประเพณีด้วย ถ้าพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าการแหวกม่านประเพณีเป็นเรื่องที่ตัวเองทำซ้ำ หรือทำบ่อยจนเคยชิน ก็ว่าไป เช่น เรียกร้องนายกฯ มาตรา 7 ขอนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เช่น มี ส.ส.ของพรรคตัวเองไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบนท้องถนน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถนัดแบบนี้ก็ว่าไป รัฐบาลนี้คงไม่เอาด้วย” นายณัฐวุฒิ ระบุ

ส่วนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เข้าใจว่า คงจะมีการส่งรหัสสัญญาณการเคลื่อนไหวกันอยู่เป็นระยะๆ แต่รัฐบาลจะเดินหน้าทำงานปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่พี่น้องให้อำนาจเอาไว้อย่างดีที่สุด และสิ่งที่รัฐบาลทำ ไม่ได้ปกป้องเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลเท่านั้น หรือสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อให้อยู่ในอำนาจบริหารได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้นั้น แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ คือ กำลังพยายามปกป้องเสียงอันศักดิ์สิทธิของเสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตย

“รัฐบาลกำลังปกป้องวิจารญาณของพี่น้องประชาชนที่ได้ใช้อำนาจอธิปไตย และมอบหมายให้รัฐบาลชุดนี้ หากรัฐบาลยอมพ่ายแพ้ให้กับเสียงข้างน้อยแล้ว เท่ากับเสียงศักดิ์สิทธิ์ของเสียงข้างมาก ความเข้มขังของอำนาจอธิปไตยที่พี่น้องประชาชนได้แสดงออกถูกทำลายลงด้วย ฉะนั้นรัฐบาลมาจากเสียงข้างมาก ก็จะปกป้องเสียงข้างมากด้วยสันติวิธีด้วยกระบวนการของกฎหมายต่อไป ถ้าใครหวังดีต่อบ้านเมืองจริง ก็ให้เลิกคิด แล้วสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับบ้านเมืองจะดีกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น