นครศรีธรรมราช – นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เย้ย สมัครเมินอภิปรายแค่เอา พรบ.งบประมาณเป็นตัวประกัน สะท้อนภาพขี้ขลาดผ่านรายการ เปลี่ยนชื่อแสบ “สนทนาปัญหาสมัคร”
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงเหตุผลในการไม่เปิดสภาตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งโอดครวญขอความเห็นใจจากประชาชน ซึ่งถ้าหากดูคำชี้แจงจะเห็นได้ว่านายสมัคร กำลังเอา พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นตัวประกันพยายามจะอ้างความจำเป็นของการพิจารณางบประมาณ ว่า การเปิดวิสามัญครั้งนี้เพื่อทำเรื่องงบประมาณเท่านั้นเหตุใดพรรคฝ่ายค้านจึงเอาการอภิปรายเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งยังท้วงติงว่าฝ่ายค้านรีบร้อนเกินไป
เรื่องนี้ต้องบอก นายสมัคร ว่า ไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่า สมัยวิสามัญไม่มีกฎหมายห้ามการยื่นอภิปราย เหมือนกับการเปิดสภาทั่วไปฝ่ายค้านเห็นว่า มีเรื่องเสียหายต้องยื่นญัตติตามมาตรา 179
นายเทพไท กล่าวต่อว่า การบอกว่ารีบเร่งรัฐธรรมนูญไม่ได้คุ้มครองให้รัฐบาลทำความผิด หรือโกงกิน ภายในเวลาที่จำกัดและคุ้มครองไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย การบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาลเพียงวันเดียวหลังจากรับตำแหน่ง ฝ่ายค้านสามารถตรวจสอบอภิปราย
คำพูดของนายสมัคร ที่บอกว่า ไม่กลัวการอภิปรายของฝ่ายค้านได้สะท้อนให้เห็นชัดว่า ไม่เป็นความจริง เพราะดูจากการชี้แจงแล้วนายสมัครบอกว่าตอนพิจารณางบประมาณรัฐบาลก็บอบช้ำเพียงพอแล้ว ไหนจะมาโดนเรื่องอภิปรายซ้ำไปอีก จะชอกช้ำซ้ำไปอีก
“ถ้า นายสมัค รอวดตัวว่า ฝ่ายรัฐบาลมีปากที่จะตอบโต้ฝ่ายค้านได้ควรแสดงความกล้าหาญออกมาถ้าไม่มีความกล้าพอ ควรที่จะให้ลูกพรรคถอนคำพูดที่สดุดีว่า นายสมัครเป็นมนุษย์สภาไม่กลัวการประชุมสภา แต่การชี้แจงนั้นสรุปได้ว่า นายสมัคร ขี้ขลาดในการตรวจสอบในสภา กล้าเพียงพูดจาฝ่ายเดียวในรายการสนทนาปัญหาสมัคร หากพิจารณาจากรายการจะเห็นได้ว่านายสมัครมีความเก็บกด จึงใช้รายการไปเสนอรายการชิมไปบ่นไป ตามที่นายสมัครถนัดมากกว่าที่จะสนทนาปัญหาของบ้านเมือง อยากสนองตัณหาของนายสมัครที่ถนัด หากนายสมัครจะเปลี่ยนรายการสนทนาปัญหาสมัคร เป็นรายการชิมไปบ่นไปซึ่งไม่ผิดกฎหมายจะดีกว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนในรายการทำอาหาร มากกว่านายสมัครพูดเรื่องบ้านเมือง” นายเทพไท กล่าวในที่สุด
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงเหตุผลในการไม่เปิดสภาตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งโอดครวญขอความเห็นใจจากประชาชน ซึ่งถ้าหากดูคำชี้แจงจะเห็นได้ว่านายสมัคร กำลังเอา พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นตัวประกันพยายามจะอ้างความจำเป็นของการพิจารณางบประมาณ ว่า การเปิดวิสามัญครั้งนี้เพื่อทำเรื่องงบประมาณเท่านั้นเหตุใดพรรคฝ่ายค้านจึงเอาการอภิปรายเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งยังท้วงติงว่าฝ่ายค้านรีบร้อนเกินไป
เรื่องนี้ต้องบอก นายสมัคร ว่า ไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่า สมัยวิสามัญไม่มีกฎหมายห้ามการยื่นอภิปราย เหมือนกับการเปิดสภาทั่วไปฝ่ายค้านเห็นว่า มีเรื่องเสียหายต้องยื่นญัตติตามมาตรา 179
นายเทพไท กล่าวต่อว่า การบอกว่ารีบเร่งรัฐธรรมนูญไม่ได้คุ้มครองให้รัฐบาลทำความผิด หรือโกงกิน ภายในเวลาที่จำกัดและคุ้มครองไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย การบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาลเพียงวันเดียวหลังจากรับตำแหน่ง ฝ่ายค้านสามารถตรวจสอบอภิปราย
คำพูดของนายสมัคร ที่บอกว่า ไม่กลัวการอภิปรายของฝ่ายค้านได้สะท้อนให้เห็นชัดว่า ไม่เป็นความจริง เพราะดูจากการชี้แจงแล้วนายสมัครบอกว่าตอนพิจารณางบประมาณรัฐบาลก็บอบช้ำเพียงพอแล้ว ไหนจะมาโดนเรื่องอภิปรายซ้ำไปอีก จะชอกช้ำซ้ำไปอีก
“ถ้า นายสมัค รอวดตัวว่า ฝ่ายรัฐบาลมีปากที่จะตอบโต้ฝ่ายค้านได้ควรแสดงความกล้าหาญออกมาถ้าไม่มีความกล้าพอ ควรที่จะให้ลูกพรรคถอนคำพูดที่สดุดีว่า นายสมัครเป็นมนุษย์สภาไม่กลัวการประชุมสภา แต่การชี้แจงนั้นสรุปได้ว่า นายสมัคร ขี้ขลาดในการตรวจสอบในสภา กล้าเพียงพูดจาฝ่ายเดียวในรายการสนทนาปัญหาสมัคร หากพิจารณาจากรายการจะเห็นได้ว่านายสมัครมีความเก็บกด จึงใช้รายการไปเสนอรายการชิมไปบ่นไป ตามที่นายสมัครถนัดมากกว่าที่จะสนทนาปัญหาของบ้านเมือง อยากสนองตัณหาของนายสมัครที่ถนัด หากนายสมัครจะเปลี่ยนรายการสนทนาปัญหาสมัคร เป็นรายการชิมไปบ่นไปซึ่งไม่ผิดกฎหมายจะดีกว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนในรายการทำอาหาร มากกว่านายสมัครพูดเรื่องบ้านเมือง” นายเทพไท กล่าวในที่สุด