“เสาวนีย์” นำทีม คตส.บุก อสส.ส่งสำนวนเงินกู้กรุงไทย ลั่นพร้อมเป็นคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.ชี้ ทุจริต “เซ็นทรัลแล็บ” อาจสรุปสำนวนไม่ทันก่อนสิ้นวาระ เหตุผู้ถูกกล่าวหายื้อเกม
วันนี้ (16 มิ.ย.) นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้บริษัทในเครือกฤษดานคร ได้นำทีมคณะอนุกรรมการ พร้อมสำนวนจำนวน 34 ลังใหญ่ เดินทางออกจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือต่อไป
นางเสาวนีย์ กล่าวก่อนออกเดินทางว่า หลังจาก คตส.หมดวาระแล้ว หากอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ และให้มีการตั้งคณะทำงานร่วม โดยหาก ป.ป.ช.มีมติขอให้เข้ามาเป็นคณะทำงานก็ยินดีที่จะเข้ามาช่วย
นางเสาวนีย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตโครงการก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารจำกัด (เซ็นทรัลแล็บ) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการไต่สวน ว่า อยู่ระหว่างการสรุปสำนวน โดยขณะนี้รอเพียงคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหา ที่อนุกรรมการฯได้ส่งไปให้ผู้ถูกกล่าวหานานแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตอบกลับ แต่ตนพยายามจะเร่งทำงานให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะทันในวาระ คตส.หรือไม่ หากไม่ทัน อาจจะต้องส่งต่อให้ ป.ป.ช.ต่อไป
ต่อมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นางเสาวนีย์ เข้าพบนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อส่งมอบสำนวนพยานหลักฐานจำนวน 17 ลังเอกสารกว่า 50,000 แผ่น พร้อมความเห็นชี้มูลความผิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวก ผู้บริหารและพนักงานธนาคารกรุงไทยฯ รวม 31คน ในความผิดฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตในการปล่อยเงินกู้แก่บริษัทดังกล่าวเพื่อพิจารณาสั่งคดี
โดยนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่าจะเร่งส่งสำนวนให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาสั่งให้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นรับผิดชอบสำนวนโดยเร็วเพราะอัยการสูงสุดมีเวลาพิจารณาสั่งคดีภายใน 30 วันตามกฎหมาย แต่สำนวนมีเอกสารพยานหลักฐานจำนวนมากจึงไม่อาจรับรองได้ว่าจะสั่งคดีทันเวลา 30 วันหรือไม่แต่อัยการก็เร่งรัดในทุกคดีโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ คตส.จะหมดอายุก็ทยอยส่งคดีมามากอัยการสูงสุดต้องรับคดีไว้ทั้งหมดและอัยการสูงสุดอาจจะตัดสินใจแต่งตั้งคณะทำงานอัยการมาเพิ่มเติมให้กับทีม นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ซึ่งรับผิดชอบคดี คตส.อยู่ในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วยังมีบุคคลสำคัญที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาอื่นๆ ประกอบด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ นางกาญจนาภา หงส์เหิน นายวันชัย หงส์เหิน และนายมานพ ทิวารี บิดานายศิธา ทิวารี เพราะมีหลักฐานการโอนเงินกู้จากบริษัทกฤษดามหานครเข้าบัญชีส่วนตัว ส่วนคณะกรรมการบริหารแบงก์กรุงไทย 3 คนที่ถูกกล่าวหา ได้แก่ ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ ประธานคณะกรรมการบริหาร (ตำแหน่งในขณะนั้น) นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการและกรรมการบริหาร และนายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา กรรมการบริหาร ฯลฯ
สำหรับพฤติการณ์ คตส.สรุปว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยฯ ให้สินเชื่อแก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานครฯ ซึ่งมีสถานะอยู่เป็นลูกหนี้กลุ่มที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ เอ็นพีแอล ของธนาคารกรุงไทยฯ เนื่องจากผู้อำนวยการฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวง ได้เคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานคร ในอันดับที่ 5 คือ ไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้แต่ต่อมาได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีเงื่อนไขระบุว่า บริษัทกฤษดามหานครไม่สามารถที่จะขอสินเชื่อได้อีก เนื่องจากมียอดขาดทุนสะสมสูง แต่ธนาคารกรุงไทยฯ กลับอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 3 กรณี คือ อนุมัติสินเชื่อให้แก่บ.อาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด อนุมัติสินเชื่อให้บ.โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเตรียล พาร์ค จำกัด และอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของบริษัทกฤษดามหานคร โดยผู้ต้องหาทั้ง 31 คนร่วมกันหรือสนับสนุนธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ อนุมัติสินเชื่อกับทั้ง 3 บริษัทโดยทุจริตเพื่อฟื้นฟูกิจการของบริษัทกฤษดามหานคร เพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวก